เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 297 ซื้อไข่ไก่
ตอนที่ 297 ซื้อไข่ไก่
ตอนที่ 297 ซื้อไข่ไก่
“ฉันคิดไม่ออกหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ส่ายหน้า
จ้าวเหวินเทากลับมีความคิดบางอย่างนิดหน่อย เพียงแต่ยังคลุมเครือมาก ต้องอนุรักษ์ภูเขาไว้ให้ได้ก็จริง แต่ก็ต้องหากำไรด้วย ส่วนจะหากำไรไปพร้อมกับการรักษาภูเขาอย่างไร เรื่องนี้เขาก็ยังคิดไม่ตก
แต่เขาไม่ได้เป็นพวกดันทุรังแบบนั้น ในเมื่อคิดไม่ออกก็คือคิดไม่ออก ค่อย ๆ คิดยังไงก็ต้องคิดออกสักวัน อีกอย่างเขาก็ยังมีโจวหมิ่นไม่ใช่เหรอ หลังจากนี้จ้าวเหวินเทาก็จะมีความสุขกับครอบครัวโดยที่ได้อยู่กันถ้วนหน้าแบบไม่ต้องมีภาระอะไรแล้ว
พืชผลหลังฝนตกเติบโตได้เป็นอย่างดี ผู้คนรีบทำเวลาเปิดหน้าดินและถมดิน พวกเด็ก ๆ ก็จะแบกตะกร้าไปตัดหญ้าเอามาเป็นอาหารให้กระต่ายหลังจากเลิกเรียน
ตอนนี้กระต่ายได้กลายเป็นอาชีพเสริมที่สำคัญของคนในหมู่บ้านแล้ว เป็นเสาหลักเศรษฐกิจในชีวิตประจำวันของครอบครัว ถึงอย่างไรผลผลิตในไร่นาก็ต้องรอหลังฤดูใบไม้ร่วงถึงจะเปลี่ยนเป็นเงินได้ แต่กระต่ายใช้เวลาไม่กี่เดือนก็เปลี่ยนเป็นเงินได้แล้ว ในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ ทุกคนต่างก็ใส่ใจมาก
คนที่เลี้ยงกระต่ายมากที่สุดก็ต้องเป็นจ้าวเหวินเทาอยู่แล้ว เขาเปิดฟาร์มกระต่ายขึ้นมา นอกจากจ้าวเหวินเทาแล้วก็ยังมีหลี่เฉียจื่ออีกคน
หลังจากจ้าวเหวินเทาเปิดฟาร์มกระต่าย หลี่เฉียจื่อก็มั่นใจกับสถานการณ์ว่าจะไม่กลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว เขาจึงเลี้ยงเป็นจำนวนมากด้วยความกล้าหาญและไร้กังวล!
เขานำกระต่ายทั้งหมดที่อยู่ในบ้านหลังเก่ามาเลี้ยง พ่อกับแม่ก็ช่วยดูให้ เนื่องจากด้านนอกบ้านหลังเก่าเป็นพื้นที่รกร้างหนึ่งผืน เขาจึงกั้นที่ไว้เลี้ยงไก่ เขาพึ่งพาการเลี้ยงไก่เพื่อหาเลี้ยงครอบครัว ดังนั้นจึงไม่ได้ละทิ้งไก่ จนถึงตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นกระต่ายหรือไก่ก็มีจำนวนมากถึงหลักร้อย
หลี่เฉียจื่อใช้หวายนำมาสานหลายสิบชิ้นเพื่อนำมาทำเป็นรังไว้ให้ไก่ออกไข่ ในนั้นปูด้วยหญ้าแห้ง เขาจัดเป็นสองแถวเป็นระเบียบเรียบร้อยหันหน้าเข้าหากัน ให้ไก่ตัวเมียวางไข่ไว้บนนั้น การที่พวกมันได้ประจันหน้ากันแบบนี้ก็สามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์ได้นิดหน่อยด้วย มาคิด ๆ ดูแล้วก็น่าสนใจมาก
หลี่เฉียจื่อไม่ได้มีความคิดโรแมนติกขนาดนั้น เขาเห็นรังไก่เหล่านี้ก็นึกถึงไข่ไก่ฟองแล้วฟองเล่า นั่นคือไข่ไก่ที่สามารถนำไปแลกเป็นเงินได้ ถ้าจะพูดว่าไข่ทองคำก็ไม่เกินจริง!
พวกไก่ตัวเมียเดินเตร็ดเตร่อยู่บนพื้นที่โล่ง มีไก่ตัวผู้ไม่กี่ตัวที่กำลังยืดอกตั้งเดินลาดตระเวนอยู่ พวกมันคือราชาของที่นี่ แม้ว่าจำนวนราชาจะมากไปหน่อย แต่ปกติก็เป็นเพราะทะเลาะกันเพื่อแย่งไก่ตัวเมีย แต่เมื่อมีไก่ตัวผู้มาจากข้างนอกพวกมันก็ยังรวมใจเป็นหนึ่งเดียว สรุปก็คือมีความเป็นน้ำหนึ่งอันเดียวกันอย่างมาก
ตอนที่ไม่ทะเลาะกันพวกมันก็จะใช้กรงเล็บคุ้ยเขี่ยดินเพื่อหาอะไรกิน เพียงส่งเสียงร้องกุ๊ก ๆ ไม่กี่เสียง พวกไก่ตัวเมียก็ทยอยวิ่งเข้ามาแย่งอาหาร พวกมันมองอยู่ข้าง ๆ ด้วยสายตาเย็นชา หรืออาจจะเป็นการเอาอกเอาใจนิดหน่อยด้วย?
หลี่เฉียจื่อย่อมไม่ได้เห็นแบบนี้ สำหรับเขา การมีอยู่ของไก่ตัวผู้ก็เพื่อทำให้ไก่ตัวเมียออกไข่ เขามองดูไก่ตัวเมียไม่กี่ตัวที่นอนกกอยู่ในเล้าไก่อย่างว่าง่าย ดวงตาหรี่ลงและเขย่าแขนท่อนล่างเป็นระยะ นี่เป็นการออกแรงอีกครั้งแล้ว
กะต๊าก!
กะต๊าก!
ไก่ตัวเมียสองตัวลุกขึ้นจากรังหญ้า มันส่งเสียงร้องขึ้นจมูกออกมา หลี่เฉียจื่อถึงกับยิ้มอย่างมีความสุข วางไข่แล้วสินะ!
ไก่ตัวเมียสองตัวส่งเสียงอยู่ครู่หนึ่ง ก็วิ่งออกมาจากรัง มันส่งเสียงร้อง ‘กะต๊าก’ ต่อไป จากนั้นไก่ตัวเมียตัวอื่นอีกสามสี่ตัวก็ทำภารกิจสำเร็จ มันส่งเสียงร้อง ‘กะต๊าก’ ขณะลงมา ส่วนไก่ตัวผู้สองสามตัวเข้าไปห้อมล้อมไว้ ราวกับแสดงความเสียใจ
หลี่เฉียจื่อหยิบข้าวเปลือกออกมาจากกระเป๋าใบเล็กที่พกติดตัวมาและหว่านออกไป ไก่ตัวเมียเหล่านั้นกรูเข้าไปจิกกินข้าวเปลือกกันพัลวัน
หลี่เฉียจื่อโปรยข้าวเปลือกเสร็จแล้ว ก็เป็นเวลาเที่ยงพอดี เขาหิ้วตะกร้าเข้าไปเก็บไข่ไก่ บางรังก็มีหนึ่งฟอง บางรังมีสองฟอง และยังมีรังที่มีสามฟองด้วย นี่เป็นไข่ไก่ที่ฟักออกมาตั้งแต่เที่ยงของเมื่อวานจนถึงตอนนี้ เขาเก็บจนเต็มตะกร้า เป็นเพราะขาไม่ดีจึงแบกไม่ค่อยไหว
“อ้าว นายมาเก็บไข่ไก่เหรอ!” จ้าวเหวินเทาเดินมาเห็นหลี่เฉียจื่อกำลังออกแรงแบกตะกร้าจึงเข้ามาช่วย
หลี่เฉียจื่อพูดด้วยรอยยิ้ม “ใช่ ตอนนี้เป็นช่วงขยันออกไข่เลย นายล่ะ ไก่ออกไข่หรือยัง?”
จ้าวเหวินเทาได้ยินก็รู้สึกแปลก ๆ แต่เขาก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร “ยังเลย มันจะออกไข่เร็วขนาดนั้นได้ยังไง ไข่ไก่เยอะขนาดนี้นายจะแบกกลับไปไหวเหรอ? ”
“ไม่เป็นไร อีกเดี๋ยวภรรยาฉันก็มาแล้ว ให้หล่อนช่วยแบกกลับไป”
หลี่เฉียจื่อเดินออกมาก็ปิดประตูรั้ว เขาเรียกให้จ้าวเหวินเทาไปนั่งข้าง ๆ ตรงที่มีกองก้อนหินวางอยู่
ทั้งสองนั่งลงบนก้อนหิน จ้าวเหวินเทาก็ถามถึงสถานการณ์เกี่ยวกับรายได้ของไข่ไก่ หลี่เฉียจื่อไม่ได้ปิดบังเขา และบอกความจริงทั้งหมด
จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “เยอะขนาดนี้เลย! รวยใหญ่แล้วนะ!”
หลี่เฉียจื่อ “รวยงานขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ เพิ่งจะเริ่มตอนปีที่แล้วนี่แหละ ก่อนหน้านี้ไม่กล้าเลี้ยงเยอะขนาดนี้หรอก นายเองก็รู้ เป็นเพราะเลี้ยงไก่ฉันถึงได้ขาหักไปข้างหนึ่งนี่ไง!”
“หลังจากนี้จะไม่มีเรื่องแบบนี้แล้วล่ะ ชีวิตดี ๆ รออยู่นะ!” จ้าวเหวินเทาหยิบบุหรี่ออกมาให้เขา
หลี่เฉียจื่อรับบุหรี่ไปสูบ “นั่นสิ ชีวิตดี ๆ รออยู่! ตอนนี้ฉันกำลังคิดอยู่ว่าจะเลี้ยงยังไงให้ได้เยอะ ๆ อีกสักหน่อย แต่ขาของฉันนี่สิ เลี้ยงเยอะก็ดูแลไม่ไหว พ่อกับแม่ของฉันยังต้องช่วยฉันดูแลกระต่ายอีก ดูแลเยอะขนาดนี้ไม่ไหวหรอก”
จ้าวเหวินเทา “ฉันเห็นนายเลี้ยงเยอะแบบนี้ก็ไม่เลวแล้วนะ ถ้าเลี้ยงเยอะกว่านี้คงได้หนักใจแย่ ถึงยังไงของพวกนี้ก็กลัวเรื่องโรคด้วย!”
“ก็นั่นน่ะสิ ตอนนี้ฉันต้องเก็บกวาดทั้งเช้าทั้งค่ำ เพราะกลัวว่าจะเกิดโรค ฉันไปดูฟาร์มไก่ที่คนอื่นเลี้ยงแล้ว ของคนอื่นเขาฆ่าเชื้อกันหมดเลย แต่ฉันไม่ชอบวิธีการเลี้ยงแบบนั้นของพวกเขาเลย ไก่นั่นเดินอยู่แค่ในกรง แม้แต่จะหมุนตัวยังทำไม่ได้เลย กินอาหารแล้วก็ฟักไข่ ฉันเห็นแล้วก็ทรมานแทนไก่ ไข่ไก่ที่ฟักออกมาฉันว่าคงไม่อร่อยหรอก”
แม้ว่าหลี่เฉียจื่อจะไม่ได้เป็นคนโรแมนติก แต่เขาก็เติบโตอยู่ในชนบทมาตั้งแต่เล็ก เขาชินกับการเลี้ยงไก่และเป็ดแบบปล่อย และรับไม่ได้ที่ต้องขังไก่และเป็ดไว้ในกรง
จ้าวเหวินเทายิ้ม “นายพูดถูก แต่ถึงพวกเขาอยากเลี้ยงแบบปล่อยก็ไม่เอื้ออำนวยอยู่ดี นายดูสิ ไข่ไก่ที่พวกเราเลี้ยงแบบปล่อยนี่แหละที่มีราคา!”
หลี่เฉียจื่อยิ้ม “ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน ฉันเห็นว่าที่นี่เล็กไปหน่อย ก็เลยอยากจะขยายเพิ่มอีก ให้พวกมันได้มีพื้นที่ออกกำลังกายกว้าง ๆ หน่อย”
ตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยกัน แม่หม้ายหม่าก็มาถึง ดูเหมือนว่าจะรับประทานไก่เยอะมาก จึงดูอ้วนขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นจ้าวเหวินเทาก็กล่าวทักทาย จากนั้นก็หิ้วตะกร้าไข่ไก่กลับไป
จ้าวเหวินเทามองดูแผ่นหลังอวบหนานั้นก็แอบเกิดความคิดชั่วร้ายว่า หลี่เฉียจื่อร่างเล็กขนาดนี้ อย่าถูกภรรยาทับตายก็แล้วกัน
“วันนี้นายไม่ออกไปข้างนอกเหรอ?” หลี่เฉียจื่อถาม
“ไปที่อำเภอมารอบหนึ่งแล้ว กลับมาเร็วน่ะ” จ้าวเหวินเทาเก็บความคิดเมื่อครู่ และพูดกลับไปอย่างจริงจัง
“นายเอาของอะไรไปขายล่ะ?” หลี่เฉียจื่อถาม
“ขายหมดนั่นแหละ เอากระต่าย เนื้อหมู ปุ๋ยเคมีไปส่ง ไม่แน่นอนหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าว
“งั้นที่นายมาเพราะจะรับซื้อกระต่ายเหรอ?” หลี่เฉียจื่อคิดว่าจ้าวเหวินเทามาหาเขาเพื่อซื้อกระต่าย กระต่ายที่เขาเลี้ยงไว้มีเยอะที่สุดในหมู่บ้านแล้ว “ตอนนี้ยังไม่ได้หรอก แปดเดือนยังสั้นไป ฉันยังอยากเลี้ยงต่อน่ะ”
“ฉันไม่ได้มาซื้อกระต่าย” จ้าวเหวินเทาหัวเราะ “ฉันก็บอกไปแล้วไง พวกนายเลี้ยงกระต่ายไม่จำเป็นต้องขายให้ฉันหรอก ถ้ามีคนข้างนอกมาขอซื้อ จะโก่งราคาให้สูงแล้วขายออกไปก็ได้ ตอนนั้นฉันพูดแบบนี้ก็เพื่อให้พวกนายมั่นใจ ถ้าไม่มีคนรับซื้อฉันจะรับซื้อเอง ไม่ให้พวกนายเลี้ยงฟรี ๆ หรอก”
หลี่เฉียจื่อ “พวกเราก็ไม่ทำตัวเป็นพวกไม่รู้คุณคนหรอก ถ้านายอยากได้ก็จะขายให้นายนั่นแหละ!”
จ้าวเหวินเทาคิดว่าหลี่เฉียจื่อพึ่งพาการเลี้ยงไก่เพื่อเลี้ยงปากท้อง ไม่เพียงแค่เข้าใจด้านการค้าขาย แต่ยังเป็นคนดีคนหนึ่งด้วย
“ที่ฉันมาหานายเพราะอยากซื้อไข่ไก่ของนายหน่อย ว่าจะเอาไปปรับปรุงคุณภาพชีวิตของคนในฟาร์มกระต่ายน่ะ” จ้าวเหวินเทากล่าว “ฉันอยากได้ราคาขายส่ง นายก็ไม่ต้องลำบากใจนะ ถ้าคิดว่าได้ก็ลองคุยกับภรรยานายดู แต่ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านนี้ก็สู้ชีวิตเหมือนกันนะเนี่ย กล้าเลี้ยงไก่เลี้ยงกระต่ายจนมีชีวิตที่ดีได้
ไหหม่า(海馬)