เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 299 หนุ่มหล่อเสี่ยวหม่า
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 299 หนุ่มหล่อเสี่ยวหม่า
ตอนที่ 299 หนุ่มหล่อเสี่ยวหม่า
ตอนที่ 299 หนุ่มหล่อเสี่ยวหม่า
“ฉันบอกไปแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ต้องรีบร้อน ถึงเวลานั้นเดี๋ยวฉันไปหานายเอง นายมาทำไมเนี่ย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม เขาก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูดว่าขาของหลี่เฉียจื่อไม่ดี
หลี่เฉียจื่อ “ที่ฉันมาเพราะอยากดูบ้านนายด้วย มีแต่คนบอกว่าบ้านสวย ฉันอยากเห็นมานานแล้ว”
“แบบนี้นี่เอง ทำไมนายไม่มาให้เร็วหน่อยล่ะ!” จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความอ่อนน้อมซึ่งหาได้ยากยิ่ง “อันที่จริงให้พูดตรง ๆ ก็จ่ายเงินไปเยอะ บ้านเอาไว้อยู่อาศัย ให้พักอาศัยได้ก็ดีแล้ว”
“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่เก็บกวาดบ้านได้น่าอยู่แบบนี้ก็สบายนะ” หลี่เฉียจื่อพูดด้วยความอิจฉา “นายคงจ่ายไปไม่น้อยเลยสิ?”
“ก็ได้อยู่นะ ตอนนั้นฉันยืมเงินเขามาน่ะ” จ้าวเหวินเทาไม่ได้ปิดบังเขา จึงเล่าเรื่องจำนวนเงินที่จ่ายไปทั้งในบ้านและนอกบ้านให้ฟัง
หลี่เฉียจื่อและจ้าวเหวินเทาคุยเรื่องนี้ออกเรื่องนู้นอยู่ครู่หนึ่ง ก็เพิ่งจะเข้าประเด็นหลัก เขาจะขายไข่ไก่ให้จ้าวเหวินเทาในราคาขายส่ง เขาสอบถามจ้าวเหวินเทาว่าต้องการเท่าไรและต้องการเมื่อไร หลังจากจองไข่ไก่แล้ว หลี่เฉียจื่อก็อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่รู้ว่าควรจะพูดเรื่องที่ภรรยาของเขาฝากให้มาบอกอย่างไร
“เป็นอะไร นายยังมีเรื่องอื่นด้วยสินะ? พูดมาสิ มีเรื่องอะไร?” จ้าวเหวินเทามองออกว่าอีกฝ่ายคิดอะไร
หลี่เฉียจื่อรู้สึกเกรงใจมาก “ฉันรู้มาว่านายซื้อไข่ไก่ของฉันเพื่อช่วยอุดหนุนธุรกิจของฉัน ฉันไม่ควรพูดถึงเรื่องอื่น แต่ว่า คือฉัน…เฮ้อ! มันเป็นเรื่องของภรรยาที่บ้าน ฉันเองก็ไม่มีทางเลือก”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ทำไมเหรอ ฉันซื้อไข่ไก่ของนายด้วยราคาขายส่ง นายก็เลยมีเงื่อนไขอื่นสินะ”
หลี่เฉียจื่อรีบพูด “เปล่า ๆ ใช่ที่ไหนกันล่ะ! ทำแบบนั้นฉันจะกลายเป็นคนแบบไหน คือเรื่องนี้ภรรยาของฉันบอกฉันหลายรอบแล้ว ฉันไม่อยากรบกวนนาย ครั้งนี้หล่อนเอ่ยปากพูดออกมาแล้วว่าถ้าฉันยังไม่บอกนายอีก หล่อนคงมาพูดด้วยตัวเอง พอฉันเห็นแบบนี้ ฉันเลยเลือกที่จะมาด้วยตัวเอง นายอย่าเข้าใจผิดนะ”
จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความฉงนสงสัย “เรื่องอะไรล่ะ?”
“เป็นเรื่องน้องชายของภรรยาฉันเอง เขาไม่ยอมลงนาไปเก็บพืชผล อยากหางานทำ แต่จะให้ไปในเมืองก็ไม่รู้จักใครเลย จะไปทำอะไรได้ ที่บ้านก็ไม่สบายใจด้วย ก็เลยอยากจะขอไปทำงานที่ฟาร์มกระต่ายของนายหน่อยน่ะ”
จ้าวเหวินเทา “ฉันก็นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องแค่นี้เอง! ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย ทำเอานายลำบากใจซะงั้น ได้สิ นายไปเรียกเขามาแล้วกัน แต่ว่า ฉันบอกไว้ก่อนเลยนะว่ามาทำงานได้ แต่ต้องเชื่อฟังสิ่งที่ฉันบอกด้วย งานในฟาร์มกระต่ายก็เหนื่อยมากเหมือนกัน ต้องมีความอดทน ถ้าเขายินดีที่จะทำก็ให้เขามา ลองทำดูก่อนสักสองสามวัน ส่วนเงินเดือน ฉันให้เดือนละห้าหยวน นี่เป็นเงินช่วงทดลองงานนะ จะให้ทดลองงานสามเดือน หลังจากสามเดือนก็รอดูอีกที ฉันจะเพิ่มเงินเดือนให้ รวมอาหารการกินและที่พักด้วย”
จ้าวเหวินเทาตอบตกลงอย่างใจถึง
หลี่เฉียจื่อคิดไม่ถึงว่าจ้าวเหวินเทาจะตอบรับอย่างใจถึงแบบนี้ เขาดีใจมาก ส่วนเรื่องเงินเดือนและระยะเวลาทดลองงานอะไรพวกนั้นเขาได้ยินมาบ้างแล้ว จึงไม่ได้รู้สึกเหนือความคาดหมายอะไร
“งั้นก็ขอบใจนายมาก ๆ เลยนะ!” หลี่เฉียจื่อกล่าวขอบคุณ เขาสามารถนำกลับไปบอกภรรยาได้แล้ว
“ขอบใจอะไรกัน เรื่องแค่นี้เอง!” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่เฉียจื่อนั่งคุยอีกครู่หนึ่ง ก็ลุกขึ้นยืนและเดินกลับไป
เย่ฉูฉู่กล่อมลูกอยู่นอกบ้านตั้งแต่ต้น จึงได้ยินสิ่งที่หลี่เฉียจื่อพูด เธอก็พูดสรุปว่า “เขาหยิบยืมเรื่องที่คุณซื้อไก่เพื่อพูดถึงเงื่อนไขสินะ”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ก็ใช่น่ะสิ แต่นี่คงไม่ใช่ความต้องการของหลี่เฉียจื่อหรอก แต่เป็นความต้องการของแม่หม้ายหม่านั่นแหละ”
จ้าวเหวินเทาไม่ใช่คนโง่ เขาจะฟังความหมายในคำพูดของหลี่เฉียจื่อไม่ออกได้อย่างไร ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้หางานให้น้องภรรยาแต่แรกอยู่แล้ว แต่เป็นเพราะจ้าวเหวินเทาดันไปซื้อไข่ไก่ก็เลยมาหา แบบนี้ถ้าไม่เรียกว่าหาโอกาสพูดเงื่อนไขแล้วจะให้เรียกว่าอะไร
หากดูจากนิสัยของหลี่เฉียจื่อ เรื่องนี้ก็ไม่คล้ายกับสิ่งที่หลี่เฉียจื่อจะทำออกมาได้ ต้องเป็นแม่หม้ายหม่าอยู่แล้ว ผู้หญิงชอบเอารัดเอาเปรียบและมองแค่เพียงตื้น ๆ
“พวกเราซื้อไข่ไก่เขาก็ถือว่าช่วยอุดหนุนเขาแล้วนะ ทำไมถึงยังยื่นเงื่อนไขอีกล่ะ? แม่หม้ายหม่าคิดอะไรอยู่?” เย่ฉูฉู่ไม่ค่อยเข้าใจ
“ราคาขายส่งก็แอบรับไม่ได้อยู่เหมือนกันนั่นแหละ” จ้าวเหวินเทาครุ่นคิดก็พอจะทราบถึงสาเหตุ “รู้สึกไม่ดีที่จะปฏิเสธ ก็เลยเสนอเงื่อนไขออกมา”
“แบบนี้นี่เอง แต่คุณก็ยังตอบตกลง ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้มีแค่บ้านพวกเขาที่ขายไข่ไก่สักหน่อย!” เย่ฉูฉู่ก็ไม่เข้าใจจ้าวเหวินเทา เขารู้ทุกอย่างแต่เพราะอะไรถึงยังตกปากรับคำ
จ้าวเหวินเทาส่ายหน้า “คิดแบบนี้ไม่ได้หรอก แม่หม้ายหม่าจริงใจที่จะหางานให้น้องชาย หล่อนรับราคาขายส่งไม่ได้ก็เป็นความจริงใจ หล่อนไม่อยากทำให้ผมขุ่นเคืองและไม่กล้าที่จะทำแบบนั้นด้วย แต่หล่อนก็รู้สึกว่าราคาขายส่งมันเสียเปรียบเกินไป ถึงได้คิดอยากจะส่งน้องชายมาทำงานที่ฟาร์มกระต่าย แบบนี้ก็ไม่ถือว่าเสียเปรียบแล้ว ภายในใจก็ยังรับได้ ผมว่านะ น้องชายของหล่อนคงทำงานไม่ดีหรอก เพราะเขาเป็นพวกไม่เอาจริงเอาจัง”
“แต่คุณก็ยังตอบตกลงเนี่ยนะ?” เย่ฉูฉู่เหล่ตามองสามี
จ้าวเหวินเทาหัวเราะหึหึ “ฉันซื้อไข่ไก่ของหลี่เฉียจื่อเพราะรู้ตื้นลึกหนาบาง ไก่ข้างนอกที่เลี้ยงในฟาร์มก็ไม่ดีด้วย หลี่เฉียจื่อเป็นคนหัวดีนะ แถมยังมองการณ์ไกล เราอยู่หมู่บ้านเดียวกัน หลังจากนี้อาจจะใช้ประโยชน์ได้ ตอนนี้ซื้อไข่ไก่เขาสักหน่อยก็ไม่ได้หนักหนาอะไร ก็แค่ปีนี้แหละ รอปีหน้าไก่ของพวกเราออกไข่ก็ไม่ต้องซื้อแล้ว อีกอย่างคนที่ไม่เอาจริงเอาจังแบบนี้ก็มีวิธีการใช้ประโยชน์ในรูปแบบของคนไม่เอาจริงเอาจัง ยกตัวอย่างเช่นผมไง ผมก็ไม่อยากลงไปทำนา ไม่อยากเหนื่อย เมื่อก่อนในสายตาของคนในหมู่บ้านก็เห็นผมเป็นกองโคลนไม่ใช่เหรอ? แต่คุณดูผมตอนนี้สิก็ใช้ชีวิตเป็นอย่างดีเยี่ยมนี่นา? ภรรยา ผมจะบอกอะไรให้นะ แต่ละคนต่างก็มีวิธีการใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน ไม่ใช่ว่าต้องใช้ชีวิตทำงานทุกวันสักหน่อย ใช่ไหมล่ะ ผมเองก็พูดได้ไม่ชัดเจนหรอก แต่ถึงอย่างไรก็มีคำพูดประโยคนั้นที่บอกว่า ‘แมวมีทางของแมวสุนัขมีทางของสุนัข’ ขอแค่มีเส้นทางเป็นของตัวเองก็พอแล้ว!”
“พูดมาเยอะแยะขนาดนี้ ที่แท้ก็พูดชมตัวเองนี่เอง” เย่ฉูฉู่พูดหยอกเขาด้วยรอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาพูดโอ้อวด “หรือผมไม่คู่ควรที่จะชื่นชม? ผมจะบอกอะไรให้นะ ต่อหน้าคนอื่นเขาอาจจะเป็นคนเอ้อระเหยลอยชาย แต่อยู่ต่อหน้าผม ผมอาจจะทำให้เขากลายเป็นคนมีความสามารถก็ได้นะ!”
“แหม ๆ ได้ทีก็เอาใหญ่เลยนะ!” เย่ฉูฉู่รู้สึกขำมาก
จ้าวเหวินเทาพูดต่อ “ที่ผมพูดคือเรื่องจริงนะ ภรรยา ถ้าคุณไม่เชื่อ พวกเรามาพนันกันสิ”
“ไม่พนันหรอก!” เย่ฉูฉู่ปฏิเสธ
จ้าวเหวินเทารู้สึกผิดหวังมาก ภรรยาของเขามีข้อเสียตรงนี้แหละ เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป เชื่อตัวเองแต่ก็ไม่กล้าพนันกับตัวเอง
หลี่เฉียจื่อกลับมาก็เล่าให้ฟังเรื่องที่จ้าวเหวินเทาตอบตกลง แม่หม้ายหม่าก็รีบไปหาคนให้ช่วยนำจดหมายไปส่งที่บ้านแม่ของเธอเพื่อเรียกน้องชายให้มาที่นี่ ผ่านไปไม่ถึงสองวันน้องชายของแม่หม้ายหม่าก็เดินทางมา ตอนค่ำก็มายืนอยู่ตรงหน้าจ้าวเหวินเทาแล้ว
โอ้ เจ้าเด็กนี่หน้าตาหล่อเหลาจริง ๆ!
น้องชายของแม่หม้ายหม่าหล่อตาแตกเลยทีเดียว เขาเป็นผู้ชายร่างสูงหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร ซึ่งพบเห็นได้น้อยมาก ไม่รู้ว่าไปกินอะไรมา เส้นผมดกดำ คิ้วก็ดกดำ ลูกตาทั้งดำขลับและกลมโต องค์ประกอบทั้งห้าบนใบหน้าดีมาก ไหล่กว้างขายาว ต้องการรูปร่างแบบไหนก็ได้แบบนั้น ถ้าอ้างตามคำพูดของโจวหมิ่น เรียกว่าอะไรแล้วนะ ใช่ รับหน้าที่เป็นผู้ให้คะแนนความสวยความหล่อ!
จ้าวเหวินเทาหัวเราะร่า “น้องชายหน้าตาดีแบบนี้ ไม่แปลกใจเลยที่นายจะไม่อยากทำงาน ถ้าเปลี่ยนเป็นฉันก็ไม่อยากทำงานเหมือนกัน เสียดายความสามารถพิเศษนะเนี่ย!”
เด็กคนนี้ได้ยินก็รู้สึกดีกับจ้าวเหวินเทาทันที เพื่อนรู้ใจ! ตั้งแต่เล็กจนโตมีใครบ้างที่เคยพูดแบบนี้กับเขา? ถ้าไม่สั่งสอนเขาก็บ่นตำหนิ ไม่ทำงานใช้ชีวิตไม่เป็นบลา ๆๆ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากทำงานไม่อยากใช้ชีวิตหรอกนะ เขาแค่ไม่อยากทำงานในนาเก็บพืชผล เขาไม่อยากใช้ชีวิตเหมือนกับพ่อแม่ ชีวิตซ้ำซากจำเจ ไม่เห็นจะน่าสนใจเลย
แต่เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าจะทำอะไร ดังนั้นจึงปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม ตอนนี้ได้ยินคำพูดของจ้าวเหวินเทา เขาก็รู้สึกได้ว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว ฤดูใบไม้ผลิของชีวิตได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหวินเทามองคนออกสมกับเป็นเจ้าของกิจการจริงๆ ไม่แน่น้องชายแม่หม้ายหม่าอาจได้รับการส่งเสริมถูกจุดจนแสดงความสามารถออกมาก็ได้
ไหหม่า(海馬)