เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 3 ภรรยาที่รู้ร้อนรู้หนาว
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 3 ภรรยาที่รู้ร้อนรู้หนาว
ตอนที่ 3 ภรรยาที่รู้ร้อนรู้หนาว
“จะไม่ให้แม่ของพวกเราเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่พูดด้วยความรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไรนัก
จ้าวเหวินเทามองเธอด้วยสีหน้า ‘สมองของคุณไม่ได้ถูกเผาไปใช่ไหม’ อย่างฉับพลัน “ครอบครัวของพวกเรายังไม่ได้แยกบ้านเลยนะ ขืนให้แม่ของพวกเรา เราก็ต้องให้พี่สะใภ้รอง พี่สะใภ้สาม และพี่สะใภ้สี่ด้วย คุณยอมได้เหรอ? วัน ๆ พวกหล่อนก็เอาแต่พูดค่อนแคะว่าพวกเราเอาแต่กินไม่ยอมทำงานตั้งหลายครั้ง ทำไมต้องแบ่งให้คนพวกนั้นด้วย?”
ตระกูลจ้าวเป็นครอบครัวใหญ่ คุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวก็ยังอยู่
พวกเขาทั้งสองให้กำเนิดลูกสาวสองคนและลูกชายสี่คน
แน่นอนว่าลูกสาวคนโตต้องออกเรือนไปนานแล้ว ที่เหลือก็คือพี่ชายรอง พี่ชายสาม แล้วก็พี่ชายสี่ ทั้งสามคนเป็นลูกชายทั้งหมด จนมาถึงพี่สาวห้านี่แหละถึงจะเป็นลูกสาวอีกคน
ทุกคนล้วนเกิดก่อนจ้าวเหวินเทา จนมาถึงคนสุดท้าย ก็คือลูกชายอย่างจ้าวเหวินเทาผู้นี้ และเป็นลูกชายคนสุดท้องสมชื่อ
คำโบราณกล่าวไว้ว่า จักรพรรดิรักลูกชายคนโต ชาวบ้านชอบลูกชายคนเล็ก
จ้าวเหวินเทาที่เป็นลูกคนสุดท้องถูกประคบประหงมตั้งแต่เล็กจนโต ใครใช้ให้เขาเป็นน้องเล็กสุดกันล่ะ? เป็นเพราะมีพี่ชายและพี่สาวคอยดูแลออกหน้าให้เสมอ จึงไม่ต้องทำอะไรในบ้านเลย
งานการไม่ทำยังพอทน ตอนกินข้าวเขาก็เป็นคนที่ได้กินของดีและกินอิ่มที่สุด
ตอนที่ครอบครัวของพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมันก็ดีอยู่หรอก แต่หลังจากที่ลูกสะใภ้เข้ามาอยู่ ในบ้านก็ย่อมไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
พี่สะใภ้รองจ้าวแต่งเข้าบ้านเป็นคนแรก จากนั้นพี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวก็ย้ายตามเข้ามา ครั้นเหล่าพี่สะใภ้แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว เดิมทีจ้าวเหวินเทาก็ยังรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมาก
คิดว่าหลังจากที่เหล่าพี่สะใภ้แต่งเข้ามาอยู่ในบ้านแล้ว คงช่วยพวกพี่ชายประคบประหงมเขา ก็เท่ากับว่ามีพี่สาวเพิ่มขึ้นมาอีกสามคน
แต่ความเป็นจริงกลับตบหน้าเขาฉาดใหญ่
เดิมทีเขาหวังไว้ว่าเมื่อพวกหล่อนแต่งเข้ามาอยู่ในครอบครัวแล้วจะดูแลน้องสามีอย่างเขา เยี่ยมเลย พอแต่งเข้ามาอยู่ในบ้าน พี่ชายทั้งสามของเขาก็เปลี่ยนไป
เขาเคยบังเอิญได้ยิน ไม่ใช่ว่าจงใจแอบฟังนะ แค่บังเอิญได้ยินพี่สะใภ้สี่แอบลากพี่สะใภ้รองไปคุยซุบซิบเกี่ยวกับเขาในทางที่ไม่ดี
พูดว่าผลประโยชน์ทั้งหมดในบ้านถูกน้องสามีครอบครองจนหมด นี่มันลาขี้เกียจตัวหนึ่งชัด ๆ งานการไม่ทำสักอย่างแต่เรื่องกินนี่ที่หนึ่ง
เขายังคิดว่าพี่สะใภ้รองคงช่วยพูดแก้ต่างให้เขา โต้ตอบพี่สะใภ้สี่ไปสักสองประโยค แต่เขากลับได้ยินพี่สะใภ้รองเออออเห็นด้วย ทั้งยังพูดว่าพ่อแม่ของเขาลำเอียง ลำเอียงมาทางเขาเพียงคนเดียว!
อีกอย่างนี่ก็ไม่ใช่แค่ครั้งเดียวที่ได้ยิน พี่สะใภ้รองแอบพูดกับพี่รองของเขา พี่สะใภ้สามก็เคยพูดกับพี่สามของเขา เรื่องที่พี่สามรังเกียจเขามาก เขาเองก็ได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ
ต่อหน้าก็ทำเป็นเกรงอกเกรงใจ แต่ลับหลังมีมีดซ่อนอยู่กันทั้งนั้น เหล่าพี่สะใภ้และพวกพี่ชายเหล่านี้ทำให้เขาผิดหวังจนเจ็บปวดหัวใจ!
ก่อนหน้านี้ไม่เคยเรียกใช้ให้เขาไปทำงาน หลังจากพวกพี่สะใภ้เข้ามาอยู่ในบ้าน ก็เหมือนถูกกระตุ้นขึ้นมา เรียกใช้เขาตั้งหลายครั้ง!
จ้าวเหวินเทาคิดว่าหัวใจของตัวเองคงแหลกสลายไปแล้ว
โชคดีที่ครอบครัวของเขาเคยยากจนมาก่อน เขาจึงพาหลานชายออกไปหาอาหารทุกวัน ครั้นคนช่างกินแบบเขาไปเจอไข่นกด้านนอกก็ไม่เคยกินหมดเกลี้ยง ตัวเองกินไปเพียงสองฟอง ส่วนที่เหลือก็เก็บกลับมาให้หลานชายหลานสาวแบ่งกินกันคนละคำ ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาทำกับเขาแบบนี้!
วันนี้ยังคิดจะมาแบ่งเงินไปจากเขาอีก อย่าว่าแต่ทางประตูเลย จะทางหน้าต่างก็ไม่มีวันเหมือนกัน แม้แต่หยวนเดียวก็อย่าหวังว่าจะได้ไปจากเขา
“ก็ได้ค่ะ งั้นฉันจะเก็บไว้ ตอนนี้เรายังไม่แยกบ้าน เงินเหล่านี้ก็คงไม่สามารถนำไปทำของอร่อยให้คุณกินได้ คุณเองก็เก็บไว้สักนิดสิคะ หลังทำงานมาเหนื่อย ๆ คุณก็จะได้เข้าไปในเมืองหาของบำรุงกินสักหน่อย” ระหว่างที่เย่ฉูฉู่พูด นางพลันหยิบเงินออกมาหนึ่งหยวน รวมถึงยื่นคูปองข้าวและคูปองเนื้อให้เขาอีกหนึ่งใบด้วย
สิ่งนี้ทำให้จ้าวเหวินเทาซึ้งใจ ซึ้งใจจริง ๆ เขาคิดว่าภรรยาเป็นคนที่รักเขาอย่างสุดหัวใจจริง ๆ แล้ว
“ไม่แปลกใจเลยที่แม่ของเราพูดกับผมว่าต้องมีภรรยาเป็นของตัวเองถึงจะถูก เมื่อมีภรรยาแล้วจึงจะรู้ร้อนรู้หนาว” จ้าวเหวินเทาพูด
เย่ฉูฉู่แก้มแดงปลั่ง เพราะรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
“คุณเก็บเงินไว้รวมกับเงินส่วนนั้นของคุณเลยก็ได้ พวกเราสองสามีภรรยาเป็นคนคนเดียวกัน อยู่บนเรือลำเดียวกัน จะให้ผมนั่งกินคนเดียวแล้วให้คุณเอาแต่ดูได้ยังไงกันล่ะ? ถ้าจะกินก็ต้องไปกินด้วยกันสิ” จ้าวเหวินเทาเองก็ฉลาดในการเอาใจผู้อื่นเช่นกัน
เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยความตื้นตันใจ ภายในใจหวานหยดย้อยยิ่งกว่าน้ำผึ้ง ทำไมโชคชะตาของนางถึงได้ดีแบบนี้นะ?
“คุณนอนพักก่อนนะคะ ฉันจะออกไปช่วยคุณแม่” หลังเย่ฉูฉู่รู้สึกซึ้งใจ นางก็นำเงินไปเก็บไว้ให้เรียบร้อย แล้วเอ่ยขึ้น
จ้าวเหวินเทาพยักหน้า “ได้ งั้นผมขอพักผ่อนสักงีบ”
หลังจากเย่ฉูฉู่ออกไปแล้ว จ้าวเหวินเทาพลันมองไปยังสถานที่ที่ภรรยาของเขาซ่อนเงินไว้ ช่างเป็นสาวโง่เสียจริง ไม่รู้จักแอบซ่อนเงินเอาเสียเลย ดันซ่อนต่อหน้าเขาอีก ไม่กลัวว่าเขาจะเอาเงินไปเล่นการพนันเลยหรืออย่างไร?
แต่การได้รับความเชื่อใจจากภรรยาตัวเอง มันช่างเยี่ยมมากจริง ๆ
จ้าวเหวินเทาหลับตาลงเพื่อนอนพัก การถูกทุบตีในวันนี้เป็นเรื่องไม่เบาเลยจริงๆ
เย่ฉูฉู่เองย่อมรู้ดี ดังนั้นนางจึงเข้ามาช่วยคุณแม่จ้าว ในเวลาเดียวกันก็พูดเสียงเบาว่า “คุณแม่คะ ช่วยต้มไข่ให้เหวินเทาหน่อยได้ไหมคะ วันนี้เขาเจอเรื่องยากลำบากเกินไปแล้ว ที่เขาโดนไม้ฟาดก็เป็นเพราะเขาอยากปกป้องฉันน่ะค่ะ”
ขณะที่เย่ฉูฉู่พูด ขอบตาก็พลันแดงก่ำอย่างห้ามไม่อยู่
คุณแม่จ้าวรีบพูดปลอบใจ “ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร เขาเองก็ถูกทุบตีมาไม่น้อย โดนฟาดไม่กี่ไม้ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก”
ทว่านางก็คิดในใจกับตัวเองว่าอย่ามองตรงที่ลูกสะใภ้คนเล็กคนนี้เอาแต่ตะคอกใส่ลูกชายคนสุดท้องของนางเลย ถึงช่วงเวลาสำคัญแบบนี้ก็ยังรู้จักเป็นห่วงเป็นใยสามีของตัวเอง แถมน้ำตายังไหลลงมาอย่างห้ามไม่อยู่ สิ่งนี้ทำให้คุณแม่จ้าวรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ลูกสะใภ้ที่เป็นห่วงสามีตัวเองนับว่าใช้ได้แล้ว
ดังนั้นคุณแม่จ้าวจึงต้มไข่ไก่สองฟอง ให้พวกเขาแบ่งกันกินคนละหนึ่งฟอง
เย่ฉูฉู่แอบรู้สึกไม่ดี “คุณแม่คะ ของฉันไม่ต้องก็ได้ค่ะ ให้เหวินเทากินก็พอแล้ว”
“วันนี้เธอเองก็ตื่นตกใจเหมือนกัน บำรุงสักหน่อยก็ดี แต่จะว่าไปแล้ว วันนี้พวกเธอไปโรงพยาบาลกันมานี่ คุณหมอได้พูดอะไรหรือเปล่า?” คุณแม่จ้าวพูด
“เปล่าค่ะ คุณหมอบอกว่าร่างกายแข็งแรงดีค่ะ เพียงแต่ยังไม่ใช่เวลา” เย่ฉูฉู่พูดเสียงเบา
นางแอบละอายใจขึ้นมา ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเรื่องโกหก นางและจ้าวเหวินเทาไม่ได้ไปโรงพยาบาล เพียงแต่ไปหาอาหารสักมื้อ ส่วนเงินที่ให้ไปหาหมอนั้น เป็นเพราะอากาศร้อนเกินไปหน่อย พวกเขาก็เลยใช้ซื้อหวานเย็นกินกันคนละแท่งหลังไปถึงที่นั่นจนหมด
ไปหาหมออะไรกันล่ะ ค่าหมอทั้งหมดเข้าไปอยู่ในท้องพวกเขาแล้ว
“ไม่ต้องรีบร้อนไป ยังไงพวกเธอก็เพิ่งแต่งงานกัน หลังจากนี้จะเป็นการเก็บเกี่ยวช่วงฤดูใบไม้ร่วงแล้ว พวกเธอก็พักผ่อนกันสักหน่อย หลังหมดช่วงเก็บเกี่ยวแล้วค่อยท้อง แบบนั้นถึงจะดีที่สุด ถึงเวลาก็สามารถพักผ่อนได้แล้ว ไม่ต้องเหนื่อยด้วย” คุณแม่จ้าวพูด
ระหว่างที่พูด ไข่ไก่ก็สุกพอดี คุณแม่จ้าวจึงตักขึ้นมาใส่ในน้ำเย็นอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะยัดมันใส่ในมือเธอ “รีบเอากลับไปที่ห้องเร็ว อีกเดี๋ยวพี่สะใภ้พวกนั้นก็กลับมากันหมดแล้ว”
เย่ฉูฉู่เองก็เข้าใจดี ดังนั้นนางจึงซ่อนไข่ไก่สองฟองและแอบนำเข้าห้องไป
ในบ้านตระกูลจ้าวมีห้องไม่น้อย แต่เพราะมีสมาชิกค่อนข้างมากจึงค่อนข้างเบียดเสียด เดิมทีจ้าวเหวินเทานอนอยู่ในห้องด้านหน้า ทว่าในภายหลังก็มีหลานชายและหลานสาวของเขาเพิ่มมากขึ้น
เขาจึงเข้ามาซ่อมแซมห้องด้านหลังบ้าน และยกห้องนอนเดิมให้บรรดาหลานชายหลานสาว
แต่ก็ดีเหมือนกัน ตรงที่ไม่ต้องอยู่ร่วมกับพวกพี่สะใภ้ที่อยู่ด้านหน้า ห้องด้านหลังจึงค่อนข้างเป็นอิสระ
เมื่อเย่ฉูฉู่กลับมาถึงที่ห้อง ก็พบว่าจ้าวเหวินเทาหลับไปแล้ว นางจึงไม่ได้ตะโกนเรียกเขา เพียงแต่เก็บไข่ไก่ไว้ให้เขารับประทานตอนดึก จากนั้นจึงเดินออกไปช่วยงานอย่างอื่นต่อ
อย่ามองว่านางเป็นบุตรีของขุนนางกบฏ เพราะนางสามารถทำได้ทุกอย่าง ด้วยเหตุนี้ในชาติที่แล้วนางจึงอยู่ข้างกายองค์ชายได้สำเร็จ
เรื่องชีวิตประจำวันรอบตัวขององค์ชาย นางล้วนเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว โดยไม่ต้องยืมมือคนอื่นเลย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เกิดชาตินี้ก็ต้องแก่งแย่งชิงดีชิงเด่นกับบรรดาครอบครัวพี่ชายอีก เฮ้อ เอาใจช่วยบ้านหกนะคะ
เหวินเทานี่ให้ฟีลแม่ชิงเหอในร่างผู้ชายเลยค่ะ ก็คนมันไม่อยากทำงานลำบากแต่ได้ผลตอบแทนน้อยนิดนี่นะ
ไหหม่า(海馬)