เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 304 ทำงานวันแรก
ตอนที่ 304 ทำงานวันแรก
ตอนที่ 304 ทำงานวันแรก
เสี่ยวหม่าเอนตัวนอนลงบนเตียง เขามองดูท้องฟ้าสีฟ้าผ่านหน้าต่างบานเล็ก ฟังเสียงจักรเย็บผ้าและเสียงพูดคุยของผู้หญิงจากข้าง ๆ บางครั้งก็มีเสียงรถดังด้วย แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ได้ยินอะไร นี่ไม่คล้ายกับเมืองหลวงเลย!
หากไม่ใช่เพราะเขาเห็นป้ายที่สถานีรถไฟว่าที่นี่คือปักกิ่งด้วยตาตัวเอง เขาคงแอบสงสัยว่าสถานที่ที่เขามาอาจจะไม่ใช่ปักกิ่ง แต่เป็นสถานที่เล็ก ๆ แห่งหนึ่งในชนบท
ทว่าเมื่อนึกได้ว่าที่นี่ดูแลเรื่องอาหารการกินและที่พักให้ ส่วนอาหารเช้าออกไปซื้อเอง แต่ก็มีเงินช่วยเหลือยี่สิบหยวน ถือว่าไม่เลวเลย
ผ่านไปไม่นาน ความง่วงก็มาเยือน เสี่ยวหม่าจึงผล็อยหลับไป
เย่หมิงเป่ยจัดการธุระของเสี่ยวหม่าเสร็จก็ไปหาโจวหมิ่น ตอนนี้โจวหมิ่นกำลังดูเสื้อผ้าอยู่ในสตูดิโอเช่าชั่วคราวแห่งหนึ่ง
“ไปรับมาแล้วนะ” เย่หมิงเป่ยพูดกับโจวหมิ่น
“เป็นไงบ้าง?” โจวหมิ่นถาม
“ดูไม่ออกเลย แต่ฉันคิดว่าก็ได้อยู่นะ” เย่หมิงเป่ยพูดเรื่องที่เสี่ยวหม่าไม่ได้รับประทานให้หล่อนฟัง “แถมยังทนกับความลำบากได้ดีเลยด้วย ไม่เหมือนกับที่จ้าวเหวินเทาพูดเลย”
โจวหมิ่นทราบดีว่าเย่หมิงเป่ยเข้าใจผิดแล้ว หล่อนจึงพูดด้วยรอยยิ้มว่า “แล้วเขารูปร่างหน้าตาเป็นไงบ้าง?”
เย่หมิงเป่ยชะงักไปครู่หนึ่ง เขาตบหน้าผากฉาดหนึ่ง “ก็ใช้ได้นะ แต่ผมไม่ค่อยได้สังเกตเลย”
โจวหมิ่นหัวเราะหึๆ “คุณสนใจแค่ว่าเขายังไม่ได้กินข้าวสินะ?”
เย่หมิงเป่ยยิ้ม “ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดว่าหน้าตาเป็นยังไง ผมเห็นใครก็เป็นเหมือนกันหมดนั่นแหละ”
“พอเถอะ แล้วทำไมคุณถึงรู้ล่ะว่าผู้หญิงหน้าตาดีหรือไม่ดี?” โจวหมิ่นเหลือบมองเขา
“อันที่จริงผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงสวยหรือเปล่า แต่ก็ดีกว่ามองผู้ชาย ถ้าเป็นผู้ชายผมมองไม่ออกจริง ๆ” เย่หมิงเป่ยกล่าว
“งั้นคุณคิดว่าฉันสวยไหม?” โจวหมิ่นจงใจถาม
“สวยสิ!” เย่หมิงเป่ยรีบตอบ
โจวหมิ่นตบแก้มเขาเบา ๆ ขณะแกล้งทำเป็นโกรธ “ก็ได้ ถือว่าคุณผ่านด่าน”
เย่หมิงเป่ยยิ้มอย่างหมดหนทาง หมินหมิ่นแกล้งอีกแล้ว
หลังจากนอนหลับไปหนึ่งตื่น เสี่ยวหม่าก็มีชีวิตชีวามากขึ้น ตอนเช้าเขาเดินออกจากประตูก็เห็นแผงลอยขายอาหารขนาดเล็กแล้ว มีเยอะมาก มีทุกอย่างจริง ๆ เขาจึงซื้อเกี๊ยวนึ่ง ปาท่องโก๋และเต้าฮวย
เป็นเพราะมีที่พักให้อยู่อาศัยและมีที่ให้รับประทานอาหาร รวมถึงมีเงินช่วยเหลือ เขาจึงมีความมั่นใจ การรับประทานอาหารก็เปิดกว้างมากด้วย
หลังจากรับประทานและดื่มจนอิ่มแล้ว เย่หมิงเป่ยก็มารับเขาไปถ่ายแบบ
“ฉันจะพานายไปอาบน้ำก่อน” เย่หมิงเป่ยกล่าว
“หา อาบน้ำ?”
เสี่ยวหม่าจะไปอาบน้ำที่แม่น้ำในช่วงหน้าร้อน ส่วนเวลาอื่นไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะอาบได้ แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขามาทำงานยังต้องอาบน้ำด้วย นี่เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริง ๆ
หลังจากออกมาจากโรงอาบน้ำเขาก็ยังแอบรู้สึกอาลัยอาวรณ์ “พี่เย่ ในเมืองมีสถานที่อาบน้ำโดยเฉพาะด้วย ดีจริง ๆ เลย”
“ในเมืองกับอำเภอของพวกเราก็มีนะ” เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มีเหรอ? ทำไมผมไม่เห็นรู้เรื่องเลย” เสี่ยวหม่าไม่ได้สังเกต
“มีอยู่แล้ว”
เย่หมิงเป่ยพูดคุยกับเขา จากนั้นก็พาเขาไปถ่ายแบบที่สตูดิโอ ที่นี่อยู่ห่างจากโรงงานเย็บผ้าที่เสี่ยวหม่าอยู่ไม่ไกล
โจวหมิ่นกำลังคุยกับช่างภาพที่ผูกผมหางม้าอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาเดินเข้ามา สายตาของหล่อนก็หยุดลงที่เสี่ยวหม่า ภายในใจก็เริ่มประเมินว่าไม่เลวเลยจริง ๆ รวม ๆ แล้วดีกว่าพวกไอดอลวัยรุ่นเหล่านั้นมากเลย!
“ฉันชื่อโจวหมิ่น นายเรียกฉันว่าพี่โจวก็ได้” โจวหมิ่นเดินเข้ามาพูดคุย
เสี่ยวหม่าเห็นโจวหมิ่นสวมใส่ด้วยชุดทำงานดูมีความสามารถและประสบการณ์ เขาก็แอบระมัดระวังตัว แต่ก็พยายามปล่อยวาง “พี่กับพี่เย่ไม่ใช่ครอบครัวเดียวกันเหรอ?”
“ใช่ พวกเราเป็นครอบครัวเดียวกัน” โจวหมิ่นพยักหน้ารับ
“งั้นผมก็ควรจะเรียกพี่ว่าพี่สะใภ้สิ” เสี่ยวหม่าแก้ไขคำเรียก
“เรียกพี่โจวนั่นแหละ แบบนี้เวลาทำงานจะได้สะดวกด้วย หมิงเป่ย คุณพาเขาไปเปลี่ยนชุดด้านหลัง ฉันจะดูผลลัพธ์หน่อย” โจวหมิ่นพูดรวบรัดจบบทสนทนา
เสี่ยวหม่ารู้สึกจิตตกอีกครั้ง นี่ไม่ใช่ว่าควรจะพูดคุยให้มากอีกหน่อยเหรอ?
“ไปเถอะ ฉันจะพานายไปลองชุด” เย่หมิงเป่ยลากเขาไปด้านหลัง
เสี่ยวหม่าทราบดีว่านี่คือการทำงานแล้ว ทำงานแล้วก็จะได้เงิน เขาจึงตั้งตารอคอยอีกครั้งในทันที
ชุดที่เตรียมไว้ให้เสี่ยวหม่าชุดแรกคือเสื้อสูท รองเท้าหนัง ไม่มีเนกไท ด้านในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว เสี่ยวหม่าแอบก้าวขาเดินไม่ค่อยได้ เขาหันไปมองโจวหมิ่นด้วยท่าทางงุ่มง่าม “พี่…พี่โจว เสื้อตัวนี้ดูเหมือนว่าจะเล็กไปหน่อย…”
โจวหมิ่นกวาดตาสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง หล่อนก็หันไปพูดกับตากล้องหางม้าว่า “คุณคิดว่าไง?”
ตากล้องหางม้าดูถูกอย่างเปิดเผย “แย่มาก ไม่มีออร่าของความเป็นนายแบบเลย!”
เสี่ยวหม่าได้ยินก็ถึงกับหน้าแดงก่ำ
โจวหมิ่นพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าสไตล์นี้จะยังไม่เหมาะ หมิงเป่ย คุณพาเขาไปเปลี่ยนอีกชุดนึง”
เสี่ยวหม่าอ้าปากค้าง ทำท่าจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็ถูกเย่หมิงเป่ยดึงตัวออกไป
“พวกเราลองชุดกันก่อน ลองเสร็จแล้วค่อยว่ากัน” เย่หมิงเป่ยพูดปลอบใจ
เสี่ยวหม่ากระซิบด้วยความไม่พอใจ “หมอนั่นเป็นใครเหรอ? เป็นผู้ชายแต่ดันผูกผมหางม้าผู้หญิงไม่ใช่ผู้ชายก็ไม่เชิง ยังมีหน้ามาวิจารณ์ผมอีก!”
เย่หมิงเป่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “เขาคือตากล้อง เป็นคนถ่ายภาพให้นาย นายเองก็พูดตรงไปหน่อย แต่เขาก็นิสัยดีนะ ทำงานด้วยกันสักพักเดี๋ยวนายก็รู้เอง”
เสี่ยวหม่าบ่นพึมพำอีกหนึ่งประโยค เขาเปลี่ยนชุดตัวใหม่ แต่ครั้งนี้เสื้อผ้าที่เขาเห็นกลับดูออกสาวไปหน่อย เสื้อสีแดงตัวใหญ่และกางเกงสีเขียวตัวใหญ่!
“นี่มัน…นี่มันไม่ใช่ชุดที่ผู้ชายเขาใส่กันนี่!” เสี่ยวหม่าสวมเสร็จก็เดินออกมาพูดกับโจวหมิ่น
โจวหมิ่นบอก “นายเป็นนายแบบ ให้ใส่ชุดอะไรนายก็ต้องใส่ตามนั้น นี่เป็นงานของนาย เรื่องอื่นนายไม่ต้องสนใจ”
เสี่ยวหม่าเข้าใจแล้ว ที่แท้นายแบบก็คือไม้แขวนเสื้อนี่เอง!
“แบบนี้เป็นไง?” โจวหมิ่นหันไปถามตากล้องคนนั้น
ครั้งนี้ตากล้องไม่ได้พูดเหยียดหยามออกมาตรง ๆ แล้ว เขามองเสี่ยวหม่าอยู่ครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “แอบให้ความหมายของชนบทที่ไม่ใช่กระแสหลักอย่างที่คุณบอกแล้วล่ะ”
“งั้นก็ลองถ่ายสักสามสี่รูปแล้วกัน ฉันว่ารูปร่างของเขาไม่เลวเลยนะ” โจวหมิ่นกล่าว
“ได้ งั้นมาลองกัน!” ตากล้องเริ่มเรียกคนจัดฉาก
โจวหมิ่นเดินไปอธิบายเสี่ยวหม่าข้าง ๆ บอกเขาว่าควรโพสต์ท่าทางอย่างไร
เสี่ยวหม่ายิ่งฟังก็ยิ่งตกตะลึง ที่แท้ก็ไม่ได้แค่นั่งหรือยืนถ่ายรูปแบบง่าย ๆ ขนาดนั้น ยังมีการโพสต์ท่า แถมยังเป็นการโพสต์ท่าหลายท่าเลยด้วย!
ฉากทางฝั่งนั้นจัดเสร็จแล้ว บริเวณใกล้ ๆ มีดอกทานตะวันที่สดใส ด้านบนมีท้องฟ้าสีฟ้าและมีปุยเมฆสีขาวหลายก้อนลอยอยู่
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนของจริงเลย! เสี่ยวหม่าเห็นแล้วก็รู้สึกว่าหาได้ยาก เขาเดินไปด้านหน้าฉาก และทำท่าทางตามที่โจวหมิ่นต้องการ ท่าแรกดูเหมือนกับคนโง่เลย ใช้มือทั้งสองข้างวางไว้ข้างหน้า ก้มหน้างอไหล่ สายตามองไปที่พื้น แถมยังบอกให้แสดงออกทางสายตาอย่างไม่หยุด มือทั้งสองข้างและบ่าถูกปรับแล้วปรับอีก ทำซ้ำ ๆ อยู่ครึ่งชั่วโมง กว่าจะกด ‘แชะ ๆๆ’ เพื่อถ่ายภาพ
ท่าที่สองนั่งหันข้างอยู่บนเก้าอี้ มองไปยังจุดที่ห่างไกลออกไป รองเท้าข้างหนึ่งใส่ไว้ ส่วนอีกข้างหนึ่งห้อยอยู่บนนิ้วเท้า เป็นท่ากำลังถอดรองเท้า ท่านี้ก็ถูกปรับแก้อยู่ครึ่งชั่วโมงกว่า ๆ เช่นกัน
ท่าที่สาม…
ตลอดทั้งเช้าต้องโพสต์ท่า ปรับท่า เอาใหม่ ไม่ผ่าน เอาใหม่ ไม่ผ่าน เอาใหม่ โอเค แบบนี้แหละ แชะ ๆๆ อย่างไม่หยุด ช่วงเที่ยงผ่านไป ช่วงบ่ายก็ต้องมาถ่ายต่อ
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ออกมารับประทานอาหาร เสี่ยวหม่าพบว่าเขารู้สึกปวดไปทั้งตัว เป็นความเหนื่อยล้าที่พูดไม่ออก แปลกจริง ๆ งานนี้เบากว่างานที่บ้าน แต่ทำไมถึงได้เหนื่อยแบบนี้นะ?
โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “นายยังปรับตัวไม่ได้ รอให้ปรับตัวได้ก็ดีขึ้นเอง รู้สึกยังไงบ้าง?”
เสี่ยวหม่าอยากตอบไปว่าก็งั้น ๆ แต่เมื่อคิดได้ว่าหากเป็นแบบนี้สามารถหาเงินได้ เช่นนั้นก็ถือว่าเป็นงานที่ไม่เลวเลยจริง ๆ จึงพยักหน้าตอบกลับไป “รู้สึกดีมากเลย!”
โจวหมิ่นส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “พวกเรากินข้าวก่อน นายก็ปรับตัวให้ได้นะ ถ้าคิดว่าไหว พวกเราค่อยมาเซ็นสัญญากัน”
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
งานที่ดูสบายก็มีเบื้องหลังที่ลำบากไม่แพ้งานอื่น ๆ เหมือนกันน้า เคยเห็นนางแบบจีนคนหนึ่งโพสต์ท่าก็คือโหดมาก ค้างไม่ถึงสองวิเปลี่ยนท่าแล้ว แถมแต่ละท่าเป๊ะมากด้วย
ไหหม่า(海馬)