เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 323 สอนสามี
ตอนที่ 323 สอนสามี
ตอนที่ 323 สอนสามี
“พี่ขายผักกาดขาวแล้วเหรอ?” ในเมื่ออยากคุย งั้นก็คุย จ้าวเหวินเทาจึงถามไปเรื่อยเปื่อยหนึ่งประโยค
คำพูดนี้กระแทกเข้ากลางใจของพี่สามจ้าวเต็ม ๆ เขาพูดอย่างหดหู่ “ขายแล้ว ขายถูกด้วย”
จ้าวเหวินเทาได้ยินพี่สามจ้าวบอกว่าขายได้ราคาถูกกว่าหนึ่งเฟิน ก็หัวเราะอย่างไร้ยางอาย
“ตอนนี้คนในหมู่บ้านต่างก็เห็นฉันเป็นตัวตลกกันหมดแล้ว!” พี่สามจ้าวโยนเปลือกแตงโมลงบนโต๊ะด้วยความโมโห พูดด้วยความโกรธเคืองว่า “ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ผักกาดขาวในตลาดนัดถึงได้ถูกขนาดนั้น!”
ผักกาดขาวออกสู่ตลาดด้วยเวลาที่แน่นอน หากนำไปขายเช้าเกินไปอากาศร้อนก็วางไว้ไม่ได้ และไม่สามารถนำไปดองเป็นผักดองด้วย แต่ถ้าสายเกินไป ผู้คนก็ซื้อกันจนหมดแล้ว ซึ่งเวลาการขายเป็นเรื่องที่เหนือการควบคุม ดังนั้นจึงไม่สามารถหาเงินด้วยการพึ่งพาเวลาที่เหมาะสมได้ เวลาที่พี่สามจ้าวนำไปขายไม่ใช่ว่าไม่ถูกต้องจนทำให้ขายได้น้อยกว่าหนึ่งเฟิน ทั้งหมดเป็นเพราะจ้าวเหวินเทาบอกให้จงย่งรับซื้อผักกาดขาวหนึ่งคันรถบรรทุกนั่น จากนั้นก็เข็นไปวางไว้ในตลาดและขายในราคาถูกต่างหากล่ะ
“พี่สาม ทำค้าขายก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่มีทางที่จะได้กำไรเสมอ และมันก็ไม่ใช่ว่าจะขาดทุนเสมอไป ขอแค่ได้เงินมากกว่าที่เสียไป แบบนั้นก็ถือว่าได้กำไรกลับมาแล้ว ส่วนเรื่องที่คนอื่นหัวเราะเยาะ พี่ก็อย่าไปสนใจเลย ทำค้าขายยังกลัวคนอื่นหัวเราะเยาะ แบบนั้นจะไปค้าขายอะไรได้!” จ้าวเหวินเทาเริ่มชี้นำพี่สามจ้าว
คำพูดนี้น่าฟังมากกว่าสิ่งที่พี่สะใภ้สามจ้าวพูดจริง ๆ พี่สามจ้าวจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้างแล้ว
“ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ก่อนหน้านี้ฉันก็ไปถามราคาผักกาดขาวมาแล้ว ผลลัพธ์ที่ได้ตอนที่ไปขายกลับไม่ได้เป็นราคานั้นแล้ว! ตอนแรกฉันไม่คิดจะขายแล้วด้วย แต่พอมาคิดดูแล้วผ่านไปอีกสองสามวันถ้าราคาตกลงมาอีกจะทำยังไง ผักกาดขาวพวกนั้นเหี่ยวเร็วมาก ฉันก็เลยขายไป” พี่สามจ้าวก้มหน้ากินแตงโมขณะกล่าว
“ตลาดเป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา วินาทีที่แล้วราคาหนึ่ง วินาทีต่อมาก็เปลี่ยนแล้ว นี่เป็นเรื่องปกติ ถ้าพี่คิดเล็กคิดน้อยกับของพวกนี้ พี่คงได้โกรธจนตายนั่นแหละ!” จ้าวเหวินเทากล่าว “พี่ขายไปนั่นแหละถูกต้องแล้ว การให้ความสนใจในการค้าขายก็คือได้ผลประโยชน์ก็ปล่อย กำไรมากก็เป็นรางวัลจากพระเจ้ากำไรน้อยก็เป็นกำไรของตัวเราเอง พี่เองก็ควรจะคิดแบบนี้ ต่อให้ขายได้ราคาน้อยกว่าหนึ่งเฟินแต่ก็ไม่ได้ขาดทุนอะไรแค่นั้นก็พอแล้ว พี่สาม อย่าหาว่าผมว่าพี่เลยนะ พี่น่ะใจแคบเกินไป ทำแบบนี้ไม่ได้หรอก ขายออกไปแล้วยังจะไปคิดอะไรอีก นี่ไม่เท่ากับหาเรื่องให้ตัวเองเหรอ!”
คำพูดนี้ทำให้พี่สามจ้าวถึงกับหายโกรธ จริงด้วย ทำไมเขาถึงคิดไม่ได้ล่ะ ต่อให้ได้เงินน้อยไปหนึ่งเฟินเขาก็ไม่ได้ขาดทุนอะไร จะนึกถึงเรื่องพวกนั้นไปทำไมกัน ต่อให้พูดหรือคิดมากไปกว่านี้ก็ไม่มีประโยชน์! หลังจากนี้หากำไรกลับมาก็สิ้นเรื่องแล้ว
“เจ้าหก นายเคยขายของแล้วขาดทุนไหม?” เห็นได้ชัดว่าพี่สามจ้าวคิดจะหาความสมดุลทางจิตใจ
แต่เขาก็มองจ้าวเหวินเทามาโดยตลอด หากจ้าวเหวินเทาเคยขาดทุน เช่นนั้นการที่เขาจะขาดทุนก็เป็นเรื่องปกติ
ความคิดของพี่สามจ้าวแค่จ้าวเหวินเทาเห็นก็มองออกแล้ว เขากล่าวเคล้ารอยยิ้มว่า “ทำค้าขายมีเหรอจะไม่ขาดทุน? ผมเองก็ไม่ใช่เทพเซียนสักหน่อย จะได้แต่กำไรไม่ขาดทุนได้เหรอ? ตอนที่ขาดทุนก็ขาดทุนเยอะซะด้วยสิ!”
“แต่โดยรวมก็ได้กำไรอยู่ดีสินะ?” พี่สามจ้าวรีบถาม
“ก็แหงอยู่แล้ว สรุปก็ยังได้กำไรนั่นแหละ ก็เหมือนกับการทำนา ปีนี้เก็บเกี่ยวได้ดี ปีหน้าก็อาจจะเก็บเกี่ยวได้ไม่ดี แต่ปีถัด ๆ ไปก็กลับมาดีอีกครั้ง เมื่อนำมาเฉลี่ยแล้วการเก็บเกี่ยวก็ถือว่าไม่เลว” จ้าวเหวินเทากล่าว “พวกเราไม่ควรจะดูแค่ 1-2 ปี ต้องดูไปนาน ๆ จริงไหม?”
พี่สามจ้าวพยักหน้า “ถูกต้อง เหตุผลแบบนี้แหละ!”
“พี่สาม รีบหักข้าวโพดให้เสร็จแล้วไปทำเต้าหู้เถอะ ผมอยากกินแล้วเนี่ย คงไม่ได้มีแค่ผมที่อยากกินแน่ ๆ” จ้าวเหวินเทาพูดถึงเรื่องที่พี่สามจ้าวถนัด
เมื่อพี่สามจ้าวได้ยินเรื่องทำเต้าหู้ก็เกิดความกระปรี้กระเปร่าขึ้น “ถูกต้อง เหลือแค่ข้าวโพดแล้ว รีบทำให้เสร็จจะได้ไปทำเต้าหู้ นั่นต่างหากล่ะที่เป็นจุดแข็งของฉัน!”
สองพี่น้องคุยกันออกรสมาก ไม่ได้คล้ายกับก่อนหน้านี้ที่มีเส้นกั้น คุยกันครู่หนึ่งพี่สามจ้าวก็กลับไป
จ้าวเหวินเทาเก็บเปลือกแตงโมเพื่อจะนำไปทิ้ง เย่ฉูฉู่เดินออกมาก็พูดว่า “ไม่ต้องทิ้งค่ะ เก็บไว้ก่อน พรุ่งนี้ฉันจะเอาไปผัดเป็นกับข้าวกินสักหน่อย”
จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ “เปลือกแตงโมเอาไปผัดกับข้าวได้ด้วย?”
“ได้สิคะ เฉือนเปลือกด้านบนกับด้านล่าง เหลือไว้แค่ตรงกลาง แล้วก็ซอยเป็นเส้นเล็ก ๆ เอาไปผัดแล้วอร่อยมากเลย”
“มากประสบการณ์จริง ๆ!” จ้าวเหวินเทาเก็บเปลือกแตงโมทั้งหมดแล้วนำไปวางไว้ในบ้าน “ลูกของเราล่ะ?”
“หลับไปแล้วค่ะ บ่ายวันนี้ยังไม่นอนเลย เล่นมาทั้งวัน ตอนค่ำเลยง่วงมาก” เย่ฉูฉู่พูดพลางเอ่ยถามถึงวัตถุประสงค์ที่พี่สามจ้าวมาหา
“ไม่มีอะไรหรอก มาหาคนปลอบใจนั่นแหละ เขาขายผักกาดขาวถูกกว่าหนึ่งเฟิน!” จ้าวเหวินเทาล้างหน้าแปรงฟันแบบง่าย ๆ เสร็จ ก็ขึ้นไปบนเตียง
“หนึ่งชั่งขายได้น้อยกว่าหนึ่งเฟิน ผักกาดขาวของพี่สามก็มีหลายร้อยชั่งสินะ ก็เป็นเงินหลายหยวนเลยนะคะ ไม่แปลกหรอกค่ะที่เขาจะปวดใจ!” เย่ฉูฉู่เข้าใจพี่สามจ้าวเป็นอย่างมาก
“นี่ถ้าเป็นเมื่อสองปีก่อน ผมว่าเขาได้ผูกคอตายแน่!” จ้าวเหวินเทาพูด “แต่เมื่อสองปีก่อนหาเงินแบบนี้ไม่ได้หรอก!”
เย่ฉูฉู่เอ่ย “พี่สามใจแคบเกินไป ทำค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ยังพอไหว แต่ถ้าทำค้าขายใหญ่ ๆ แค่ขาดทุนเขาก็รับไม่ไหวแล้ว”
“คุณไม่ต้องห่วงหรอก คนใจแคบทำการค้าขายใหญ่ ๆ ไม่ไหวอยู่แล้ว ก่อนจะทำค้าขายใหญ่ ๆ ก็ต้องลงทุนมาก เขาทำใจไม่ได้หรอก!” จ้าวเหวินเทาเอนตัวพูดคุยกับภรรยา
จ้าวเหวินเทาออกไปค้าขายข้างนอกมานานขนาดนี้ จึงรู้จักคนค้าขายไปไม่น้อย เขาค้นพบว่า ทำค้าขายอย่างแรกต้องเป็นคนใจใหญ่ พูดตามที่คนมีการศึกษาพูดกัน แต่คุณภาพทางจิตใจต้องดีด้วย ไม่เช่นนั้น อย่าว่าแต่ขาดทุนเลย ต่อให้ได้เงินมา ถ้าทำได้ไม่ดีคงได้ตื่นเต้นแน่ ๆ
“ก็คล้ายกับพี่สามนั่นแหละ ถ้าบอกให้เขาทำเงินหลายหมื่นในคราวเดียว ฉันกังวลว่าเขาคงได้ไปแน่!” จ้าวเหวินเทากล่าว “ปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้เป็นเรื่องดีสำหรับเขา”
เย่ฉูฉู่กลอกตาใส่ “คำพูดแบบนี้ถ้าพี่สามได้ยินจะรู้สึกยังไง? อยู่ข้างนอกคุณระวังคำพูด อยู่ในก็ต้องระวังคำพูดเหมือนกัน”
“ผมรู้ ผมก็คุยกับคุณอยู่ไม่ใช่เหรอ” จ้าวเหวินเทากล่าว
ความอดทนของเย่ฉูฉู่ได้รับการขัดเกลามาจากลูก จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้มีอารมณ์ร้อนเพราะได้รับการขัดเกลามาจากการค้าขายเช่นกัน ทำการค้าขายไม่สามารถทำตามอำเภอใจได้ ถึงอย่างไรก็ไม่มีใครในสังคมคุ้นเคยกับเราหรอก
“อันที่จริงที่คุณพูดมาก็ถูกนะ” เย่ฉูฉู่เอนตัวลงครุ่นคิดแล้วกล่าวว่า “คนบางคนได้เงินมากก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน”
จ้าวเหวินเทาเกิดความสนใจ “ภรรยา ทำไมคุณถึงพูดแบบนี้ล่ะ?”
“พี่สะใภ้สามคุยกับฉัน บอกว่ารู้จักคนคนหนึ่ง บังเอิญไปทำข้อตกลงซื้อขาย แค่แป๊บเดียวก็ได้เงินมาหลายหมื่นหยวนแล้ว จากนั้นนิสัยของเขาก็เปลี่ยนไป อยู่ข้างนอกก็ทำเรื่องยุ่งเหยิง หย่ากับภรรยา ลูกก็ไปอยู่กับภรรยาเก่า ใช้ชีวิตฟุ่มเฟือยอยู่หลายปี แต่พอค้าขายขาดทุนครั้งเดียวก็ล้มละลายเลย แถมยังติดหนี้อีกก้อนหนึ่งด้วย สุดท้ายก็เลยฆ่าตัวตาย” เย่ฉูฉู่พูดจบก็ถอนหายใจออกมา
จ้าวเหวินเทาเงียบอยู่นาน กล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ภรรยา นี่คุณตั้งใจพูดให้ผมฟังสินะ?”
เย่ฉูฉู่มองสามี “ฉันไม่ได้คิดเยอะขนาดนั้นสักหน่อยค่ะ”
จ้าวเหวินเทากล่าว “ภรรยา ผมรู้สึกว่าสิ่งนี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคน พี่สะใภ้สามของคุณบอกว่าคนคนนี้มีเงินนิดหน่อยก็อวดเก่งแล้ว ครั้งนี้ไม่เกิดเรื่อง ไม่ว่าจะช้าหรือเร็วก็ต้องเกิดเรื่องอยู่ดี ผมไม่เป็นแบบนั้นหรอก ผมได้เงินมาก็ใช้ชีวิตอย่างดี ไม่หาเรื่องตายอยู่แล้ว”
เย่ฉูฉู่แย้มยิ้ม “ผู้ชายพอมีเงินก็เปลี่ยนเป็นคนนิสัยไม่ดี”
จ้าวเหวินเทามีความสุข “ภรรยา นี่ก็เป็นคำพูดที่พี่สะใภ้สามของคุณพูดอีกสินะ? พี่สะใภ้พูดเรื่องที่น่าฟังสักหน่อยไม่ได้เลยเหรอ?”
“แล้วคุณว่าคำพูดนี้ถูกต้องหรือเปล่าล่ะ?” เย่ฉูฉู่ถาม
“คนเราน่ะต้องดูเป็นคน ๆ ไป ไม่ใช่ผู้ชายทุกคนที่พอมีเงินแล้วกลายเป็นคนไม่ดี ยกตัวอย่างเช่นผม ผมไม่เป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” จ้าวเหวินเทาพูดพลางกลอกตา “ภรรยา ยังมีอีกประโยคหนึ่ง ไม่รู้ว่าคุณเคยได้ยินหรือเปล่า”
………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พี่สามคงไม่กล้าลงทุนใหญ่แน่นอน แค่นี้ยังรู้สึกปวดใจแทบเป็นแทบตาย
ไหหม่า(海馬)