เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 329 คาดเดา
ตอนที่ 329 คาดเดา
ตอนที่ 329 คาดเดา
คนแบบนี้บอกว่าครอบครัวตัวเองทำนาทำสวนก็เพื่อแสดงให้เห็นถึงทัศนคติ แตกต่างจากคนที่ทำนาทำสวนจริง ๆ เย่หมิงเป่ยย่อมทราบดีอยู่แก่ใจ
“ดูไม่ออกเลยจริง ๆ ครับ” เย่หมิงเป่ยกล่าวเคล้ารอยยิ้ม พูดพอเป็นพิธีไปหนึ่งประโยค
“คุณไม่เชื่อเหรอคะ?” คุณเฉิงแสดงออกว่าไม่ค่อยพอใจเย่หมิงเป่ยเท่าไรนัก
“เปล่าครับ” เย่หมิงเป่ยพูดจบก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาไปที่เรื่องค่าเช่า “เห็นแก่บรรพบุรุษของพวกเราที่เป็นชาวนาเหมือนกัน คุณเฉิงช่วยหน่อยได้ไหมครับ?”
คุณเฉิงมองเย่หมิงเป่ย แย้มยิ้มอย่างจนปัญญา “คุณเย่ใช้พื้นที่และเวลาที่มีเพื่อให้เกิดประโยชน์ได้เก่งจริง ๆ ค่ะ คุณพูดมาขนาดนี้แล้ว ถ้าฉันปฏิเสธก็คงดูไร้เหตุผล เอาแบบนี้ก็แล้วกันนะคะ คุณกลับไปพิจารณาดูสักหน่อย ส่วนฉันก็จะกลับไปรายงานกับหัวหน้าดูก่อน อืม…พรุ่งนี้ หรือไม่ก็วันมะรืน พวกเราค่อยมาเจอกันอีกครั้งนะคะ?”
เย่หมิงเป่ยแอบรู้สึกผิดหวัง เสียเวลาไปครึ่งวันทั้งยังต้องจ่ายเงินไปอีกไม่น้อย ผลลัพธ์ที่ได้ยังต้องมาคุยกันใหม่อีก สิ้นเปลืองจริง ๆ!
แต่เขาจะพูดอะไรได้ จึงได้แต่พยักหน้าตอบเห็นด้วยกลับไป
หลังจากนั้นก็คุยเรื่องสัพเพเหระต่อ เย่หมิงเป่ยคิดไม่ถึงเลยว่าคุณเฉิงจะคุยเก่งขนาดนี้ คุยยืดยาวไม่จบไม่สิ้น ทั้งยังรู้ไปเสียทุกอย่าง แน่นอน กินอาหารก็ช้ามากด้วย ใช้เวลากินไปเกือบสองชั่วโมง เขาเองก็เร่งไม่ได้ ในที่สุดก็สิ้นสุดลง ทั้งสองฝ่ายทิ้งเบอร์ไว้ให้กัน คุณเฉิงขอตัวเดินทางกลับก่อน ส่วนเขาก็ไปจ่ายเงิน โชคดีที่เขานำเงินมาพอ
เย่หมิงเป่ยกลับมาที่โรงงานด้วยท่าทางเหนื่อยล้า โจวหมิ่นให้นมลูกเสร็จและกลับมาเขียนโปรแกรมแฟชั่นโชว์พอดี เมื่อเห็นเขาจึงพูดว่า “ดึกขนาดนี้ทำไมเพิ่งกลับมา กินข้าวหรือยังคะ?”
“กินแล้ว แถมเป็นอาหารตะวันตกด้วย” เย่หมิงเป่ยหยิบใบเสร็จออกมาจากกระเป๋าเสื้อยื่นให้เธอ “อย่าพูดถึงเลย เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว!” เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้เธอฟังหนึ่งรอบ
ในฐานะของผู้หญิง โจวหมิ่นเกิดความระมัดระวังในทันที หล่อนกวาดตาสำรวจใบเสร็จอย่างละเอียด หล่อนเคยพาเย่หมิงเป่ยไปกินอาหารตะวันตกหนึ่งครั้ง เย่หมิงเป่ยไม่รู้ว่าควรกินอะไรหล่อนจึงช่วยสั่งให้ บนใบเสร็จค่าอาหารมีเมนูอาหารสองอย่างที่ตอนแรกหล่อนช่วยสั่งให้ นี่คงเป็นส่วนที่เย่หมิงเป่ยกิน ส่วนที่เหลือคืออาหารที่คุณเฉิงคนนั้นเป็นคนกิน แม้ว่าจะสรุปออกมาได้ แต่หล่อนก็ยังถามอยู่ดี
“นี่เป็นอาหารที่คุณเฉิงสั่งเหรอคะ?” โจวหมิ่นถามอย่างสบาย ๆ
“ใช่ หล่อนไปกินอาหารตะวันตกบ่อย ๆ ก็เลยคุ้นชินมาก” เย่หมิงเป่ยพูดพลางรินน้ำดื่มไปพลาง เขานั่งลงที่โต๊ะฝั่งตรงข้าม กล่าวว่า “จ่ายเงินไปเยอะขนาดนี้ก็ยังสรุปไม่ได้ รู้แบบนี้คงไม่ไปกินตั้งแต่แรก”
โจวหมิ่นมองดูชื่อร้านอาหารที่อยู่ด้านบน ก็พอจะเดาได้แล้วว่าคุณเฉิงคนนี้เป็นคนแบบไหน
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนี้ล่ะ หล่อนบอกว่าจะกลับไปรายงานเบื้องบนก่อนไม่ใช่เหรอ? ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็พอจะมีหวังแล้ว” โจวหมิ่นปลอบใจ “พวกคุณนัดกันอีกทีวันมะรืนเหรอ?”
“อืม หมินหมิ่น ถึงเวลานั้นคุณไปเถอะ” เย่หมิงเป่ยกล่าว “คนคนนี้กินข้าวช้ามาก แถมยังช่างคุยอีก พวกคุณน่าจะคุยกันถูกคอ”
โจวหมิ่นยิ้ม “พวกคุณนัดกันแล้ว ถ้าฉันไปแทนอีกฝ่ายจะมองยังไงคะ? อีกอย่างฉันไปเจออีกฝ่ายสถานะก็ไม่เท่ากันด้วย ถ้าฉันจะไปเจอหน้าก็ต้องไปเจอผู้จัดการของหล่อน ไม่ใช่หล่อน”
เย่หมิงเป่ยมองโจวหมิ่น เขารู้สึกเหนือความคาดหมายมาก “มีแบบนี้ด้วยเหรอ?”
“แน่นอนสิ” โจวหมิ่นกล่าว “ถ้าให้พูดอย่างเคร่งครัด ฉันคือหัวหน้าของคุณ ให้ฉันไปเจอกับหล่อนที่มีสถานะต่ำกว่าตัวเอง ก็จะดูเหมือนว่าพวกเราเร่งรีบ แบบนี้ราคาก็คงไม่ลดต่ำลงมา ไม่เหมือนกับคุณ คุณอยู่สถานะเดียวกันกับหล่อน อีกอย่างคุณก็เป็นคนคุยกับอีกฝ่าย ดังนั้นก็ต้องไปคุณนั่นแหละที่ไป”
เย่หมิงเป่ยแสดงสีหน้าขมขื่น “เฮ้อ ถึงเวลานั้นผมต้องรีบไปสักหน่อย ต้องคุยให้เสร็จก่อนอาหารเย็น”
โจวหมิ่นอดไม่ได้ที่จะพูดไปว่า “หมิงเป่ย คุณอย่าเสียดายเงินส่วนนั้นเลยค่ะ ทุกคนเมื่อคุยธุระต่างก็คุ้นชินกับการกินข้าวและพูดคุยไปด้วยกันทั้งนั้นแหละ คุณเองก็ทำความคุ้นชินสักหน่อยนะ อีกฝ่ายก็แค่กินอาหารตะวันตกไม่ใช่เหรอ คุยเยอะนิด ๆ หน่อย ๆ ไม่ใช่เหรอ มันก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรเลย ถึงยังไงก็ยังดีกว่ากินเหล้าตั้งเยอะ ถ้าเราได้สถานที่นั้นในราคาถูกจริง ๆ สำหรับพวกเราก็คือว่าได้กำไรแล้วนะ สถานที่แบบนั้นถ้าได้จัดงานทางธุรกิจคงยอดเยี่ยมมากจริง ๆ”
โจวหมิ่นมั่นใจในสายตาของตัวเอง เย่หมิงเป่ยรู้สึกมีความสุขขึ้นมาแล้ว “ใช่ไหมล่ะ หมินหมิ่น ตอนที่ผมเห็นสถานที่ตรงนั้นก็รู้ได้ทันทีว่าคุณต้องพึงพอใจแน่นอน คุณพูดกับผมตลอดว่าอยากได้ที่ส่องแสงเป็นประกาย ตึกใหญ่ที่นั่นถ้ามองลงมาจากด้านบนเป็นประกายแวววาวทั้งหมดเลย!”
“ฮ่า ๆ!” โจวหมิ่นถูกเย่หมิงเป่ยพูดหยอกจนหัวเราะออกมา
จนกระทั่งเย่หมิงเป่ยไปทำงานแล้ว ปากกาที่โจวหมิ่นเขียนอยู่ก็หยุดไปสามสี่ครั้ง และมีการลบแก้ไขไปอีกสามสี่ครั้ง หล่อนมองดูเวลาก็พบว่าถึงเวลากลับไปให้นมลูกแล้ว จึงลุกขึ้นและบอกเย่หมิงเป่ยก่อนจะกลับไป
ได้อุ้มลูกสาวตัวเล็กนุ่มนิ่ม อารมณ์เร่งรีบของโจวหมิ่นจึงค่อย ๆ สงบลง รอจนกระทั่งลูกกินนมอิ่มแล้วจึงฝากให้คุณแม่เย่ดูแลต่อ ส่วนหล่อนนั่งอยู่หน้าโต๊ะ เขียนโครงการแฟชั่นโชว์อย่างใจเย็นจนเสร็จ
หลังจากเขียนเสร็จแล้ว ตอนที่หล่อนใส่เข้าไปในกระเป๋าก็ค้นพบว่าตนเองนำใบเสร็จแผ่นนั้นของเย่หมิงเป่ยกลับมาด้วย หล่อนมองดูเมนูอาหารที่คุณเฉิงคนนั้นกินอย่างตั้งใจ
ไม่ใช่ว่าหล่อนอ่อนไหวและคิดมาก หล่อนได้ใช้ชีวิตมาหนึ่งชาติแล้ว เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ระหว่างผู้ชายและผู้หญิงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ หล่อนกล้าพูดได้ว่า คุณเฉิงคนนี้สนใจสามีของหล่อนอย่างแน่นอน
ตอนนี้เย่หมิงเป่ยไม่ใช่ชายหนุ่มบ้านนอกอีกต่อไปแล้ว เมื่อยืนท่ามกลางฝูงชน เขาดูสะดุดตาอย่างมาก มีทุกอย่างทั้งในเรื่องของรูปร่างและหน้าตา ประกอบกับอยู่ในธุรกิจแฟชั่นในเมืองหลวง มีเงินทองและหล่อเหลา ถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับสาวน้อยที่จินตนาการอยากมีชีวิตดี ๆ
ส่วนเรื่องที่แต่งงานและมีลูกแล้วมันจะไปสำคัญอะไร อยู่ตรงหน้าเงินทองยังยอมรับผู้ชายรุ่นคุณปู่ได้ ปัญหาแค่นี้ยังจะเรียกว่าปัญหาอีกเหรอ?
แน่นอน นี่เป็นแค่การคาดเดาของหล่อนเท่านั้น และเป็นเพราะคาดเดาเช่นนี้จึงทำให้หล่อนอยากรอดูต่อไปว่าหลังจากนี้จะเป็นเช่นนี้หรือไม่
หล่อนทราบดีว่าการทำเช่นนี้ไม่ถูกต้อง แต่หล่อนก็อยากจะลองดู
ไม่ใช่ว่าหล่อนไม่เชื่อใจเย่หมิงเป่ย แต่หล่อนไม่เชื่อใจธรรมชาติของมนุษย์ ในเมืองมีสิ่งล่อตาล่อใจเยอะเกินไป หากไม่ใช่เพราะมีชีวิตมีหนึ่งชาติแล้วหล่อนก็คงไม่รู้ว่าตนเองสามารถต้านต่อสิ่งล่อตาล่อใจนี้ได้หรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ไร้เดียงสาแบบเย่หมิงเป่ย
แต่หล่อนไม่ได้ทดสอบเย่หมิงเป่ย ทางที่ดีที่สุดคืออย่าได้ท้าทายธรรมชาติของมนุษย์ แต่หล่อนอยากให้เย่หมิงเป่ยได้เห็นอย่างชัดเจน ให้เขาได้รู้ถึงแผนการของผู้หญิงเหล่านี้ หลังจากนี้จะได้เผชิญหน้าด้วยความตื่นตัว
นี่คือสามีที่หล่อนสูญเสียไปเมื่อชาติที่แล้ว หล่อนจึงสาบานว่าจะปกป้องความสุขในชาตินี้ให้ดี ยิ่งไปกว่านั้นหล่อนยังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน เพื่อให้ลูกสาวมีครอบครัวที่สมบูรณ์ หล่อนไม่มีทางยอมให้คนอื่นมายุ่งเกี่ยว แต่จะให้หล่อนพยายามอยู่คนเดียวก็คงไม่เพียงพอ ถึงอย่างไรก็ต้องใช้ความพยายามของเย่หมิงเป่ยด้วย
เพียงแต่ หล่อนไม่มีทางบอกเรื่องนี้กับเย่หมิงเป่ย และจะไม่พูดให้ใครฟังด้วย
ก่อนหน้านี้โจวหมิ่นครุ่นคิดกับมันมาก หล่อนคิดว่าจะบอกเรื่องนี้กับเย่หมิงเป่ยดีหรือไม่ ถ้าบอกเย่หมิงเป่ยแล้วเขาคงไม่ยอมยุ่งเกี่ยวกับคุณเฉิงคนนั้นอีก การต่อต้านต่อเพศตรงข้ามหลังจากนี้ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนอยากเห็น ยิ่งไปกว่านั้น เขาจะสร้างช่องว่างระหว่างหล่อนหรือไม่ หล่อนเองก็ไม่อาจแน่ใจได้
จิตใจของมนุษย์มีความซับซ้อน มหาวิทยาลัยที่หล่อนสอบเข้าคือครุศาสตร์ เรียนเกี่ยวกับการสอน ในการสอนก็จะมีจิตวิทยาด้วย หล่อนพอจะอนุมานได้ว่าหากตนเองพูดสิ่งที่คิดออกไปแบบนี้ เย่หมิงเป่ยจะแสดงปฏิกิริยาโต้ตอบอย่างไร หากเปลี่ยนเป็นหล่อนก็คงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมากเช่นกัน
เรื่องบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ไม่สามารถพูดคุยได้ รวมถึงคนที่คุณสนิทที่สุดก็พูดออกไปไม่ได้เช่นกัน
การสอนเด็กคนหนึ่งจำเป็นต้องปล่อยให้ซึมซับอิทธิพลจากสภาพแวดล้อมโดยไม่รู้ตัว ส่วนการสอนสามีสิ่งที่จำเป็นคือความเงียบ ปล่อยให้เขาได้รู้และเห็นด้วยตัวเอง มีแค่วิธีนี้ที่จะทำให้เขาไม่รู้สึกเอือมระอา จึงจะทำให้เขารู้จักทะนุถนอมชีวิตแต่งงานและครอบครัวได้อย่างแท้จริง
………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ผู้หญิงด้วยกันมันดูออก คุณเฉิงอะไรนั่นร้ายเหมือนกันนะคะ คิดจะมาจับสามีคนอื่นโดยใช้เรื่องงานเป็นข้ออ้าง
ไหหม่า(海馬)