เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 357 ยอมแพ้แล้ว
ตอนที่ 357 ยอมแพ้แล้ว
ตอนที่ 357 ยอมแพ้แล้ว
“พี่สี่ ที่จริงผมเองก็ไม่ควรถามเรื่องในครอบครัวของพี่หรอกนะ แต่เรื่องราวมันยุ่งเหยิงขนาดนี้แล้ว ผมเลยอดเป็นห่วงพี่ไม่ได้” หลังส่งแม่ของพี่สะใภ้สี่จ้าวกลับไปแล้ว จ้าวเหวินเทาจึงพูดขึ้น
เมื่อคืนกลับมาถึงดึกมากแล้ว พี่สี่จ้าวก็ไม่ได้พูดอะไร มาถึงก็เข้านอนทันที จ้าวเหวินเทาก็ไม่ได้ถามอะไรเช่นกัน หลังจากนอนพักผ่อนไปหนึ่งคืน เมื่อเห็นอีกฝ่ายตื่นแล้วจึงต้องถามถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
พี่สี่จ้าวพูดอย่างใจเย็น “มากสุดก็แยกทาง ให้มันตายกันไปข้างหนึ่ง เอาให้บ้านบ้านแตกสาแหรกขาดไปเลย”
จ้าวเหวินเทาถึงกับหมดคำพูด “พี่สี่ ทำไมต้องไปถึงขั้นนั้นล่ะ?”
“นายคงไม่รู้ ตั้งแต่พี่สะใภ้สี่ของนายย้ายเข้ามาอยู่ในบ้าน หล่อนเอาของไปให้แม่ตัวเองไม่รู้ตั้งเท่าไรแล้ว เรื่องนั้นยังพอทน แต่แม่หล่อนก็ยังมาเอานู่นเอานี่ทุกทุกสองสามวัน ก่อนหน้านี้ยากจน ในบ้านเลยไม่มีอะไรจะให้ ตอนนี้ชีวิตของฉันเริ่มดีขึ้นแล้ว ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป ต่อให้นั่งอยู่บนกองเงินกองทอง ให้หล่อนเท่าไรก็ไม่พอหรอก ฉันแต่งงานกับพี่สะใภ้สี่ของนาย แต่ทำไมฉันต้องเลี้ยงครอบครัวหล่อนทั้งครอบครัวด้วย? ไม่ได้เลี้ยงแค่ครอบครัวหล่อนนะ ยังต้องเลี้ยงครอบครัวของน้องชายหล่อนอีก นี่ไม่ต้องเลี้ยงไปถึงครอบครัวลูกชายของน้องชายหล่อนเลยเหรอ? ทั้งหมดนี้เป็นเพราะฉันไม่มีลูกชายงั้นเหรอ? ช่างเถอะ ฉันไม่มีปัญญาหรอก ใครมีปัญญาก็ให้หล่อนแล้วกัน!” พี่สี่จ้าวพูดด้วยท่าทางนิ่งสงบ “เรื่องนี้นายไม่ต้องยุ่งหรอก ถึงยังไงนายก็ทำอะไรไม่ได้ อย่าไปบอกพ่อกับแม่ก็แล้วกัน”
เย่ฉูฉู่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “พี่สี่ พี่จะทำอะไรคะ ไม่เห็นแก่พี่สะใภ้ก็เห็นแก่ลูกเถอะ พี่ยังมีลูกอีกตั้งสามคนนะ!”
“ลูก? เหอะ ๆ เธอดูลูกทั้งสามคนของฉันสิ หล่อนยังเห็นลูกเป็นคนอยู่หรือเปล่า? หล่อนกับแม่หล่อนก็ศีลเสมอกันนั่นแหละ ไม่ด่าก็เอาแต่ทุบตี อนาคตลูกก็คงเป็นเหมือนแม่! ถ้าหล่อนไม่มีแม่แบบนั้น ลูกทั้งสามคนของฉันก็คงไม่ต้องมีแม่แบบหล่อนเหมือนกัน! มีลูกชายแล้วจะช่วยอะไรได้ ฉันแบกรับมาพอแล้ว ปล่อยให้เป็นแบบนั้นไปเถอะ!” พี่สี่จ้าวพูดจบก็เดินออกไป
“พี่สี่!” จ้าวเหวินเทารีบเดินตามไป “พี่สี่ พี่ใจเย็นก่อน…”
“เจ้าหก ตอนนี้ฉันใจเย็นมากพอแล้ว” พี่สี่จ้าวพูดแทรกจ้าวเหวินเทา “ฉันมีชีวิตมาหลายปีขนาดนี้ ฉันก็ใจเย็นมาโดยตลอด นายไม่ต้องห่วงหรอก”
พี่สี่จ้าวพูดจบก็รีบสาวเท้าเดินจากไป
“จะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นใช่ไหมคะ?” เย่ฉูฉู่พูดอย่างเป็นกังวล
จ้าวเหวินเทาแค่นเสียงจากลำคอ “ที่จริงพี่สี่นิสัยดีกว่าพี่รองอีกนะ ที่เป็นแบบนี้ก็คงเป็นเพราะถูกบีบบังคับนั่นแหละ!”
เย่ฉูฉู่ถึงกับหมดคำพูด “ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดเรื่องพวกนี้นะคะ ฉันแค่กลัวว่าถ้าพี่สี่กลับไป…”
“พวกเราไปยุ่งเรื่องในบ้านเขาไม่ได้หรอก ผมจะไปหาแม่ ให้แม่ไปจัดการแล้วกัน” จ้าวเหวินเทาตอบ “อีกเดี๋ยวถ้ามีคนมาถามเรื่องเงินค่าข้าวสาร คุณก็ตอบไปตามความจริงได้เลย”
จ้าวเหวินเทายังไม่ได้จ่ายเงินค่าข้าวสารของคนในหมู่บ้านที่ช่วยกันออกเงินแต่ไม่ได้เดินทางไปด้วย และเขาก็ตกลงกับคนอื่น ๆ แล้วว่าวันนี้จะคิดบัญชีให้
“เข้าใจแล้ว คุณ…คุณก็คุยกับคุณแม่ให้เข้าใจนะ” เย่ฉูฉู่ทำได้เพียงแค่กำชับเช่นนี้
พี่สี่จ้าวกลับไปรับลูกสาวทั้งสองคนที่บ้านพี่รองจ้าว และไปอุ้มอู่หยาจากบ้านพี่สามจ้าว จากนั้นจึงเดินกลับมาที่บ้าน ตอนที่เข้ามาในห้อง เขาก็ทำการล็อคประตูไว้
พี่สะใภ้สี่จ้าวร้องไห้ตลอดทั้งคืน ตอนนี้หล่อนกำลังนั่งอยู่บนเตียงเตา สภาพราวกับคนบ้า ทั้งยังดูมีอายุมากขึ้นหลายปี
“ขึ้นไปนั่งบนเตียง” พี่สี่จ้าวพูดกับลูกสาวทั้งสองคน
ซานหยาและซื่อหยาไม่กล้าพูดอะไร ขึ้นไปนั่งบนเตียงอย่างเชื่อฟัง พี่สี่จ้าววางอู่หยาไว้ตรงหน้าลูก ๆ ทั้งสอง อู่หยาเพิ่งกินไข่ตุ๋นที่พี่สะใภ้สามจ้าวทำให้ จึงไม่ได้รู้สึกหิว ตอนนี้ดวงตากลมโตสีดำขลับกำลังมองคนนั้นคนนี้สลับไปมา
พี่สะใภ้สี่จ้าวกลับไม่แม้แต่จะมองลูก ๆ ทั้งสามคน หล่อนมองพี่สี่จ้าวพร้อมกับโอดครวญด้วยน้ำเสียงแหบพร่า “นั่นแม่ของฉันนะ คุณทำแบบนั้นกับแม่ของฉัน คุณไม่อายบ้างเหรอ!”
พี่สี่จ้าวรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เขาจึงใช้สายตาเย็นชามองพี่สะใภ้สี่จ้าว ยื่นมือหยิบกล่องไม้ขีดไฟหนึ่งกล่องพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบ “ผมจะไม่พูดเรื่องไร้สาระแล้ว ผมมีทางเลือกให้คุณสองทาง เลือกเอาว่าคุณจะหย่ากับผม หรือจะตายด้วยกันอยู่ที่นี่ คุณเลือกเอา”
ระหว่างที่พูดพี่สี่จ้าวก็จุดไฟบนไม้ขีดไฟจนสว่างวาบ และพูดต่อไปว่า “ถ้าผมจุดไฟ พวกเราทั้งครอบครัวก็จะถูกเผาตายกันหมด ไม่มีใครต้องเป็นห่วงอะไรอีก!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวตกใจจนสติหลุด พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเเทา่า “คุณ…คุณเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”
“ผมถูกคุณบังคับจนต้องเป็นบ้า ถูกครอบครัวของคุณบังคับจนเป็นบ้า ถือว่าผมขอร้อง คุณกลับบ้านคุณไปซะ ไปหาลูกชายจากคนอื่นเถอะ ในเมื่อคุณรังเกียจลูกสาว คุณก็ไม่ต้องพาลูกไปแม้แต่คนเดียว แล้วเราก็หย่ากันวันนี้เลย! ไม่งั้นเราก็ตายกันอยู่ที่นี่แหละ เจ้าสี่จ้าวคนนี้พูดจริงทำจริง ผมจะยอมสละชีวิตเป็นเพื่อนคุณเอง!”
พี่สะใภ้สี่จ้าวคิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องนี้จะบานปลายมาถึงขั้นนี้ หลังจากทะเลาะกันเมื่อคืน หล่อนก็หมดแรงไปตั้งนานแล้ว จึงพูดด้วยท่าทางสั่นเเทา่า “ไม่ ฉันไม่หย่า และฉันก็ไม่อยากตายด้วย! ฮือ ๆ! นั่นแม่ของฉันนะ ฉันจะทำอะไรได้!”
“ในเมื่อคุณเลือกไม่ได้ งั้นก็ตายซะเถอะ!” พี่สี่จ้าวโยนไม้ขีดไฟลงบนกองเสื้อผ้า
พี่สะใภ้สี่จ้าวเห็นไฟเริ่มลุกขึ้นมาแล้ว จึงตะโกนเสียงดังว่า “ช่วยด้วย! ช่วยด้วย! ยัยเด็กบ้า รีบตะโกนเรียกให้คนมาช่วยสิ!”
อู่หยาตกใจจนส่งเสียงร้องลั่น ซานหยาเห็นเช่นนี้จึงกระโดดออกนอกหน้าต่างพร้อมกับตะโกนเสียงดัง “ใครก็ได้ช่วยด้วย ช่วยด้วยค่ะ!”
พี่สี่จ้าวไม่ได้รั้งไว้ ยังคงจุดไม้ขีดไฟด้วยท่าทางนิ่งสงบ ส่วนพี่สะใภ้สี่จ้าวก็เอาแต่ร้องไห้และตะโกนขณะดับไฟ
ซื่อหยาที่นั่งอยู่บนเตียงอุ้มอู่หยาที่กำลังร้องไห้ขึ้นมา
ครอบครัวของพวกเขาได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับเพื่อนบ้านอีกครั้ง
“ทะเลาะอะไรกันอีกแล้ว เจ้าสี่จ้าวเปิดประตู!” เพื่อนบ้านที่อยู่ด้านนอกเข้ามาไม่ได้ จึงตะโกนด้วยความรีบร้อน
มีบางคนไม่สนใจอะไรแล้ว รีบกระโดดเข้ามาด้านในจากทางหน้าต่าง เมื่อเห็นไฟกำลังลุกไหม้ภายในห้อง และเห็นว่าพี่สะใภ้สี่จ้าวก็ไม่สามารถดับไฟที่พี่สี่จ้าวจุดได้ ท้ายที่สุดไฟก็ลุกไหม้ขึ้นมา คนคนนั้นตกใจจนต้องรีบไปเปิดประตูและตะโกนเรียกให้คนเข้ามาช่วยกันดับไฟ
ทุกคนช่วยกันดับไฟคนละไม้คนละมือ ทั้งยังแย่งไม้ขีดไฟและดึงพี่สี่จ้าวไปที่ห้องตะวันตก
“เจ้าสี่จ้าว นายเป็นบ้าไปแล้วเหรอ!”
“ยังจะจุดไฟอีก! ข้างนอกมีแต่ฟืนทั้งนั้น นายอยากให้คนในหมู่บ้านตายไปพร้อมกับนายรึไง!”
“เจ้าสี่จ้าว นายทำอะไรของนาย ปัญหาของพวกนายสองคนมีอะไรที่แก้ไขไม่ได้!”
“การวางเพลิงถือเป็นเรื่องผิดกฎหมายนะรู้ไหม!”
“เจ้าสี่จ้าว นายเป็นอะไรของนาย ผีเข้าสิงแล้วเหรอ!”
“วันดี ๆ ก็เริ่มสร้างปัญหาอีกแล้ว พวกนายคงว่างมากสินะ!”
“นั่นสิ มันจะเรื่องใหญ่สักแค่ไหนกันเชียว ผัวเมียทะเลาะกันแต่กะเอาให้ถึงตายเลยเหรอ นายคิดจะทำอะไรกันแน่!”
“พวกนายทำแบบนี้ถ้าพวกเด็ก ๆ ตกใจจนกลายเป็นบ้าจะทำยังไง!”
“เมื่อคืนก็ทะเลาะกันจนดึกดื่น วันนี้ก็ยังจะทะเลาะกันต่ออีก พวกนายจะทะเลาะกันแบบไม่จบไม่สิ้นเลยเหรอ!”
ทางฝั่งนี้ก็กำลังโน้มน้าวใจพี่สะใภ้สี่จ้าวเช่นกัน
“พวกผู้ชายก็เป็นแบบนั้นแหละ เธอไม่ไปสนใจก็สิ้นเรื่องแล้ว!”
“นั่นสิ อารมณ์ของพวกผู้ชายก็เหมือนกับลานั่นแหละ ดื้อจะตายไป เธอจะไปจริงจังอะไรกับเขา!”
“นี่ถ้าจุดไฟขึ้นมา มันไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะ คงได้ไฟไหม้กันทั้งหมู่บ้าน!”
“เธอดูสิ ครอบครัวพวกเธอมีชีวิตสุขสบายจะตาย ไม่มีลูกชายก็ค่อยมีใหม่สิ พวกเธออายุยังน้อยขนาดนั้น คลอดอีกสองสามคนจะไม่ได้ลูกชายเชียวเหรอ!”
“นั่นสิ ก่อนหน้านี้กินก็ยังกินไม่อิ่มเลย ชีวิตก็ไม่ได้ดีแบบนี้ด้วย ตอนนี้ได้กินแป้งขาวแล้ว พวกเธอยังมาทะเลาะกันอีก นี่ไม่เท่ากับปล่อยชีวิตดี ๆ ให้หลุดลอยไปเหรอ?”
เหล่าเพื่อนบ้านตกใจแทบแย่แล้ว ถ้าจุดไฟตอนนี้คงได้ไฟไหม้ไปทั่ว ตอนนี้อากาศแห้งด้วย แต่ละบ้านมีกองฟืนเยอะแยะขนาดนั้น ถ้าไฟติดขึ้นมาคงดับได้ยาก นี่ไม่เท่ากับต้องตายกันหมดเหรอ!
พวกเขาแอบบ่นพี่สี่จ้าวและสะใภ้สี่จ้าวอยู่ในใจ ทว่าทุกคนต่างก็เป็นเพื่อนบ้านกัน อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันมาหลายปีขนาดนี้ จึงรู้สึกไม่ดีที่จะพูดและทำได้เพียงแค่พูดโน้มน้าวใจ
พี่สะใภ้สี่จ้าวร้องไห้ฟูมฟายบ่นถึงความลำบากของชีวิตตนเอง ส่วนพี่สี่จ้าวเอาแต่พูดว่าคงมีชีวิตต่อไปไม่ได้แล้ว ทุกคนแอบรู้สึกเหนื่อยล้า ในเวลานี้จ้าวเหวินเทาและคุณแม่จ้าวก็มาถึงที่นี่พอดี
…………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
คนที่ปกตินิสัยดีถ้าเกิดบ้าดีเดือดขึ้นมานี่มันน่ากลัวมากนะคะ ครอบครัวพี่สะใภ้สี่ได้ไปแตะขีดจำกัดความอดทนพี่สี่เข้าให้แล้ว
เหวินเทากับคุณแม่จ้าวจะมาไกล่เกลี่ยได้ไหมหนอ
ไหหม่า(海馬)