เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 37 ภรรยาปัญญาชนของพี่สาม
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 37 ภรรยาปัญญาชนของพี่สาม
ตอนที่ 37 ภรรยาปัญญาชนของพี่สาม
“พวกแกแยกบ้านกะทันหันเกินไปแล้ว ไม่บอกไม่กล่าวกันสักคำ”
เมื่อเข้ามาถึงสวนหลังบ้าน คุณแม่เย่จึงกระซิบเสียงเบา
“แม่ยังถือโทษเรื่องนี้อีกเหรอคะ? ถ้าแยกบ้านต้องกลับไปคุยที่บ้านฝ่ายหญิง หรือต้องให้ครอบครัวฝ่ายหญิงมาเป็นประธานเรื่องการแยกบ้านอีกเหรอ ก็ไม่ได้แบ่งกันอย่างไม่ยุติธรรมสักหน่อย” เย่ฉูฉู่กล่าวพลางรินน้ำอุ่นให้นาง
คุณแม่เย่มองกระติกน้ำร้อนพลางกล่าว “กระติกน้ำร้อนอันนี้ไม่เลวเลยนะ พี่สาวที่อยู่ในเมืองคนนั้นไม่เสียดายเลย”
มีกระติกน้ำร้อนสองอัน ซึ่งเป็นของที่พี่สาวห้าจ้าวซื้อให้ตอนแต่งงานทั้งคู่ พี่สาวห้าจ้าวก็ไม่ได้เป็นคนขี้เหนียวเลย หลังจากถามถึงส่วนสูงและน้ำหนักของจ้าวเหวินเทา หล่อนก็ทำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้อีกสองชุด สิ่งนี้ก็หาได้ยากมากเช่นกัน
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไมวันนี้แม่มากะทันหันจังคะ? ฉันยังคิดว่าจะรอให้เหวินเทาว่างสักหน่อย แล้วกลับไปหาแม่พร้อมกับเขาอยู่เลย ตอนนี้เขามีจักรยานแล้วนะ ไปกลับใช้เวลาแค่แป๊บเดียวเอง”
“ตอนนี้เหวินเทามีแผนการยังไงบ้าง?” คุณแม่เย่เอ่ยปากถามเรื่องนี้
เรื่องแยกบ้านนั้นคุณแม่เย่แค่ถามเฉย ๆ แต่นางก็รู้สึกว่าการแยกบ้านก็เป็นเรื่องดี เหล่าพี่น้องมีความคิดเห็นขัดแย้งกัน ทำไมถึงจะไม่แยกบ้านล่ะ?
อีกอย่างลูกเขยของนางก็เป็นคนฉลาดมาก แถมยังกล้าหาญด้วย เขาคล้ายคลึงกับนางมากในเรื่องนี้
ในเวลานี้นางรู้สึกว่าเป็นโอกาสดี แต่ตระกูลจ้าวเป็นคนซื่อสัตย์ จะกล้าฉีกกฎได้อย่างไรกัน?
ไม่กล้าฉีกกฎและไม่แยกบ้าน นี่ไม่เท่ากับเป็นการชะลอทำให้ลูกเขยของนางก้าวหน้าช้าลงเหรอ? ดังนั้นคุณแม่เย่จึงไม่มีความคิดเห็นใด ๆ เกี่ยวกับการแยกบ้าน หลังจากนี้ลูกเขยของนางก็สามารถเริ่มทำอะไรด้วยตัวเองได้แล้ว
ถ้ายังไม่แยกบ้านแล้วลงมือทำ แบบนั้นจะต้องเกิดความคับข้องใจกับเหล่าพี่ชายและพี่สะใภ้อีกแน่ เมื่อหาเงินมาก็ต้องนำมาแบ่งอีก แบบนั้นจะไม่อัดอั้นใจตายเลยเหรอ?
ดังนั้นแยกบ้านกันก็ดีแล้ว
“เขาอยากเข้าไปหาเงินในเมือง ถึงตอนนั้นก็จะสร้างบ้านอิฐแยกออกไปอยู่กันเอง เขาบอกกับฉันว่าหลังจากนี้จะเลี้ยงกระต่ายเพื่อเอาไปขายด้วย”เย่ฉูฉู่กล่าว
คุณแม่เย่ยิ้มและกล่าวด้วยความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง “เหวินเทารู้จักคิดนะ แกฟังคำของเขาก็พอ อย่าไปสร้างความวุ่นวายให้เขาเพิ่มล่ะ เข้าใจไหม?”
เลี้ยงกระต่ายก็ดี หลังจากกระต่ายออกลูกมาหนึ่งครอกแล้ว ผ่านไปหนึ่งเดือนก็จะออกลูกมาอีกหนึ่งครอก เลี้ยงไปไม่กี่เดือนก็สามารถนำไปขายได้แล้ว นี่เป็นเงินทั้งหมดเลย
“ฉันจะไปสร้างความวุ่นวายให้เขาได้ยังไงคะ เขาเหนื่อยขนาดนั้น ต้องวิ่งไปกลับหนึ่งวันเต็ม ๆ แถมตัวเมืองก็อยู่ไกลซะขนาดนั้นอีก” เย่ฉูฉู่กล่าว
เมื่อคุณแม่เย่ได้ยินคำพูดแสดงความเจ็บปวดใจขึ้นมาก็พึงพอใจอย่างมาก นางบอกแล้วว่าเหวินเทาเป็นเด็กที่ทำให้คนอื่นรักลูกสาวชอบอย่างแน่นอน หลังจากทั้งสองแต่งงานกันจะต้องมีช่วงจู๋จี๋กันแน่ ๆ
ดังนั้นหลังจากแต่งงานเรื่องในบ้านที่ทั้งสองคนทะเลาะกัน คุณแม่เย่จึงไม่สนใจ ตอนนี้ก็ดีมากเลยไม่ใช่เหรอ
“ปล่อยให้ผู้ชายเขายุ่งไปเถอะ ยิ่งเขายุ่งก็ยิ่งมั่นใจในตัวเอง ถ้าปล่อยให้เขาอยู่บ้านทั้งวัน เขาจะเป็นยังไง?” คุณแม่เย่กล่าว “อีกอย่างครอบครัวเล็ก ๆ ของพวกแกก็ต้องมีผู้นำ นิสัยของแกมีเหรอที่แม่จะไม่รู้? แกต้องพึ่งพาเหวินเทาถึงจะดี แกแค่ดูแลเรื่องภายในบ้านให้เรียบร้อย อย่าไปรั้งเขาไว้ก็พอแล้ว”
เย่ฉูฉู่อึ้ง “…แม่เป็นแม่ของฉันหรือเปล่าคะเนี่ย?”
“ถ้าแม่ไม่ใช่แม่แล้วจะเอาของมากมายขนาดนี้มาให้แกทำไมกัน? แกคิดไว้ซะสวยหรูเชียวนะ ดูพวกพี่สะใภ้ทั้งสองของแกสิ แต่ละคนต่างก็อิจฉาที่แกมีแม่ดี ๆ แบบนี้ตั้งไม่รู้เท่าไร!” คุณแม่เย่แค่นเสียงหึออกมาจากลำคอ
เย่ฉูฉู่ยิ้ม เธอย่อมเห็นพี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวที่มองมาด้วยสายตาอิจฉา จึงกล่าวว่า “ฉันรู้ค่ะว่าแม่รักฉันมากที่สุดแล้ว”
“ถ้าแกได้ใช้ชีวิตอยู่กับเหวินเทาดี ๆ แม่ก็รักแก” คุณแม่เย่กล่าว
“แน่นอนค่ะ แม่วางใจเถอะ ตอนนี้ฉันแต่งงานแล้วเป็นภรรยาแล้วนะ ไม่ได้เป็นสาวน้อยเหมือนเมื่อก่อนแล้ว รู้ว่าตัวเองต้องจัดการงานบ้านให้ดี” เย่ฉูฉู่กล่าว
คุณแม่เย่ก็มองออก อารมณ์ฉุนเฉียวของลูกสาวหายไปแล้ว ได้ถูกแทนที่ด้วยนิสัยของลูกสะใภ้ที่อ่อนโยนและบริสุทธิ์ คุณแม่เย่รู้เรื่องนี้ดีในตอนที่ได้มาดูบ้านเล็ก ๆ หลังนี้ แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โต แต่ของทุกอย่างก็ถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าแต่ละวันจะต้องสะอาดสะอ้านเป็นอย่างมาก
หลังจากคุณแม่เย่มาดูก็รู้สึกโล่งใจมาก
“จริงสิ ถ้าแม่ว่าง ๆ แม่ช่วยรับพวกของแห้งในหมู่บ้านให้ฉันหน่อยได้ไหม?” เย่ฉูฉู่ถาม
“ของแห้งอะไร?” คุณแม่เย่ถาม
“ก็พวกเห็ด ของอย่างอื่นที่คล้ายกับพวกถั่วเหลืองอะไรทำนองนั้น ถ้ามีคนอยากขายก็ซื้อมาได้เลย” เย่ฉูฉู่กล่าว
“เหวินเทาจะเอาไปขายในเมืองเหรอ?” คุณแม่เย่ถาม
เย่ฉูฉู่พยักหน้า จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่ในเมืองมีถนนสายหนึ่งที่สามารถทำการค้าขายได้อย่างเสรีให้ฟังหนึ่งรอบ
คุณแม่เย่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แม่รู้ พี่ใหญ่ พี่รอง แล้วก็พี่สามของลูกที่เข้าไปขายไข่ไก่ในเมืองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน”
เย่ฉูฉู่ถาม “พวกพี่ใหญ่ก็ไปขายของที่นั่นเหรอคะ?”
“ทำไมต้องไปขายถึงฝั่งนั้นด้วยล่ะ ไข่ไก่เป็นของที่นิยมอย่างมากในตัวเมือง พวกเขาไปเดินขายตามตรอกซอย ราคาก็ยังสูงกว่านิดหน่อยด้วย” คุณแม่เย่กล่าว
เย่ฉูฉู่ชื่นชมคุณแม่ของเธอ ความกล้าหาญนี้ช่างมากล้นเสียเหลือเกิน
“ตอนนี้กระแสนิยมของสังคมไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้ว นี่ไม่ใช่ปัญหาอะไร อีกอย่างก็อยู่ทางฝั่งเราทางนี้ แม่เห็นข่าวบนหนังสือพิมพ์ว่าทางภาคใต้มีหนังสือออกมาแล้วเมื่อเดือนธันวาคมของปีที่แล้ว ทางฝั่งพวกเรายังไม่มีข่าวคราวอะไรเลย ดังนั้นแกไม่ต้องกลัวหรอก ขอแค่ไม่กลัวว่าจะขายหน้า ก็ทำไปเถอะ” คุณแม่เย่จะไม่รู้ความคิดของลูกสาวของนางได้อย่างไร นางจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงนิ่งสงบเป็นอย่างมาก
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่สาวสามีทั้งสองคนที่อยู่ในเมือง พวกหล่อนไม่ได้ห้ามเหวินเทา หนูก็เลยทราบดีว่าไม่มีอะไรต้องกังวล”
“ฉลาดมาก” คุณแม่เย่กล่าว “พวกหล่อนต่างก็เอ็นดูเหวินเทา ถ้าทำไม่ได้ก็คงไม่ปล่อยให้เหวินเทาไปเสี่ยงอย่างแน่นอน”
“จะฉลาดเท่าแม่ได้ยังไงกัน? แม่ของฉันเรียนหนังสือด้วยตัวเอง แม้แต่หนังสือพิมพ์ก็อ่านออก ระดับการศึกษาของพ่อยังไม่ดีเท่าแม่เลย ระดับการศึกษาในครอบครัวของแม่สูงที่สุดแล้ว” เย่ฉูฉู่พูดประจบ
คุณแม่เย่ถูกชมจนตัวลอย นางยิ้มพร้อมกลอกตาใส่ลูกสาวไปปราดหนึ่ง “ไปเรียนรู้วิธีกะล่อนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?”
“แม่คะ ตอนนี้พี่สามเป็นยังไงบ้าง?” เย่ฉูฉู่ให้แม่ของเธอดื่มน้ำ จากนั้นจึงถามขึ้น
พี่ใหญ่ของนางชื่อเย่หมิงตง พี่สองชื่อเย่หมิงหนาน พี่สามชื่อเย่หมิงเป่ย ตั้งชื่อมาจากตง (ทิศตะวันออก) หนาน (ทิศใต้) เป่ย (ทิศเหนือ) แต่คำว่าซี (ทิศตะวันตก) ในภาษาถิ่นของพวกเธอทางฝั่งนี้ไม่ค่อยน่าฟังเท่าไรนัก ดังนั้นจึงข้ามไป
พี่ใหญ่เย่หมิงตงและพี่รองเย่หมิงหนานทั้งสองคนแต่งงานมีลูกแล้ว ส่วนพี่สามของเธอก็แต่งงานแล้วเช่นกัน แต่แต่งกับปัญญาชนคนหนึ่ง
ตั้งแต่ปีแรกก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยได้แล้ว ปีใหม่ของปีที่แล้วก็ไม่ได้กลับมา ปีใหม่ปีนี้ก็ไม่รู้ว่าจะกลับมาหรือเปล่า?
คุณแม่เย่กล่าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “อย่าไปพูดถึงเด็กไม่รักดีคนนั้นเลย บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าอย่าแต่งงานกับพวกปัญญาชน เขาก็ยืนกรานที่จะแต่งงานให้ได้ แต่งเสร็จแล้วยังไม่มีลูกก็ปล่อยให้หล่อนไปสอบเข้ามหาวิทยาลัย สอบเข้าแล้วใครจะโง่กลับมาอีก? เมืองเล็ก ๆ แบบนี้จะเทียบกับเมืองใหญ่ภายนอกได้เหรอ?”
คุณแม่เย่ไม่ได้คาดหวังอะไรเลย เพราะต่อให้เป็นนาง นางก็อาจจะไม่กลับมา โลกภายนอกกว้างใหญ่และมหัศจรรย์ขนาดนั้น ออกไปแล้วใครจะกลับมาให้โง่ล่ะ?
………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อ้าว แล้วพี่สามเย่จะอยู่กับภรรยาคนนี้ยังไงล่ะเนี่ย ภรรยาพี่สามคนนี้จะเป็นแบบแม่ชิงเหอไหมที่สอบได้แล้วก็กลับมา
ไหหม่า(海馬)