เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 390 หมดคำจะพูด
ตอนที่ 390 หมดคำจะพูด
ตอนที่ 390 หมดคำจะพูด
จ้าวเหวินเทาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เตรียมตัวจะกินข้าว ตอนที่รับสายโทรศัพท์ก็ถึงกับชะงักเพราะไม่คุ้นกับเสียงปลายสายเลย “นั่นใครครับ?”
“อ๋อ นี่เป็นโทรศัพท์สาธารณะ พอดีพี่ชายของคุณอยากคุยด้วย อ่ะ คุณคุยได้เลย” เจ้าของแผงลอยยื่นโทรศัพท์ให้พี่สี่จ้าว
พี่สี่จ้าวรีบรับโทรศัพท์มาคุย “เจ้าหก นี่ฉันเอง!”
จ้าวเหวินเทาถึงกับตกใจ คิดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น “พี่สี่ เกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงใช้โทรศัพท์สาธารณะโทรมาล่ะ?”
“อ๋อ ไม่ได้มีอะไรหรอก หมิงเป่ยเลิกงานแล้ว ห้องทำงานล็อคแล้วด้วย ฉันออกมาเดินเล่นก็เลยถือโอกาสโทรหานายด้วยเลย” พี่สี่จ้าวตอบ
“ผมโทรไปหาพี่แล้วกัน โทรทางไกลแพงมากเลยนะ”
“ไม่ต้อง ๆ ฉันมีเงิน เสี่ยวหม่าให้เงินฉันมา” พี่สี่จ้าวรีบบอก
“เสี่ยวหม่า ให้เงินค่าโทรศัพท์พี่เนี่ยนะ?” จ้าวเหวินเทามีความสุขขึ้นมาแล้ว “พี่สี่ พวกพี่สนิทกันขนาดนี้เลยเหรอ?”
พี่สี่จ้าวยิ้ม “ก็เป็นเพราะอยู่ข้างนอกไง เจอใครก็ไม่คุ้นหน้า แต่พอเจอคนบ้านเดียวกันก็สนิทกันมากเลย!”
“ก็จริง พี่สี่ ทางฝั่งนั้นเป็นไงบ้าง ใช้ได้ไหม?” จ้าวเหวินเทาสอบถาม
“ใช้ได้เลย มีที่พักมีของกินเครื่องดื่ม แต่เงินเดือนยังไม่ได้ ภรรยาของหมิงเป่ยบอกว่าจะจ่ายให้ตอนสิ้นเดือน แต่ที่นี่ฉันอยากใช้อะไรก็ใช้ได้หมด ไม่มีอะไรต้องจ่ายเงิน จะจ่ายตอนไหนก็จ่ายตอนนั้นแหละ ฉันไม่รีบ”
“งั้นก็ดี เสี่ยวหม่าล่ะ เขาก็สบายดีใช่ไหม?”
“สบายดี เจ้าเด็กนั่นหน้าตาดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แต่ผอมไปหน่อย” พี่สี่จ้าวถอนหายใจ “งานสายนั้นของเขาไม่ใช่ง่าย ๆ เลย ข้าวก็กินไม่ได้ เฮ้อ!”
จ้าวเหวินเทากล่าวเคล้ารอยยิ้ม “พี่สี่ ออกไปหาเงินข้างนอกมันก็ไม่ง่ายอยู่แล้ว พี่ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก ถ้าเขาทนไม่ไหวเขาคงไปทำอย่างอื่นนานแล้ว เขายังจะทนอยู่ที่นั่นอีกเหรอ ไม่เพียงแค่ทนนั้น เขายังเต็มใจที่จะทำด้วย”
“ใช่ ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน เจ้าหก ฉันมีเรื่องอยากบ่นให้นายฟัง”
พี่สี่จ้าวพูดอ้อมค้อมอยู่หลายนาทีแล้ว เขากลัวว่าเงินที่เสี่ยวหม่าให้มาจะไม่พอ จึงรีบพูดถึงประเด็นหลัก
“เรื่องอะไรเหรอ?”
จ้าวเหวินเทารู้ดีว่าถ้าไม่มีธุระอะไรพี่สี่จ้าวไม่มีทางโทรมาแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นยังใช้โทรศัพท์สาธารณะอีก ต่อให้ใช้เงินของเสี่ยวหม่า แต่ไม่ว่าจะเป็นเงินใคร พี่สี่จ้าวก็ไม่มีทางใช้แบบฟุ่มเฟือย
“จะพูดยังไงดีล่ะ?” พี่สี่จ้าวแอบหนักใจ “วันนี้เสี่ยวหม่ามาหา เขามาคุยเรื่องบางอย่างกับฉัน”
“หา เขาพูดอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทารีบถาม
พี่สี่จ้าวจึงเล่าคำพูดของเสี่ยวหม่าแบบง่าย ๆ ให้เขาฟัง “เจ้าหก ฉันไม่ทันได้สังเกต ฉันเลยไม่รู้ว่าที่เขาพูดคือเรื่องจริงรึเปล่า แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แบบนี้คงไม่ค่อยดีเท่าไร ฉันเองก็รู้สึกไม่ดีที่จะพูด ฉันก็เลยมาบอกนาย ดูว่านายพอจะช่วยโน้มน้าวใจหมิงเป่ยได้ไหม?”
จ้าวเหวินเทาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่หมิงเป่ยจะไปหาผู้หญิงคนอื่น เรื่องนี้…เป็นไปได้เหรอ!
เขาอดไม่ได้ที่จะหันไปมองภรรยาที่กำลังป้อนข้าวเสี่ยวไป๋หยางอยู่ ปากก็พูดไปว่า “พี่สี่ ผมว่าเรื่องนี้ไม่จริงหรอก ทำงานข้างนอก ผู้ชายกับผู้หญิงก็ต้องติดต่อกันมากกว่าอยู่ในชนบท จะไปกล่าวโทษเขาเพื่อเรื่องนี้ไม่ได้ พี่ว่าจริงไหม?”
เย่ฉูฉู่ได้ยินคำพูดนี้ จึงเงยหน้ามองจ้าวเหวินเทาด้วยความสงสัย
พี่สี่จ้าวพยักหน้า “จริง ฉันเองก็คิดแบบนี้เหมือนกัน แต่เสี่ยวหม่าพูดเป็นตุเป็นตะเลย แถมยังบอกให้ฉันโทรมาหานาย ให้นายช่วยโน้มน้าวใจหมิงเป่ย”
จ้าวเหวินเทาไม่ได้สงสัยคำพูดของพี่สี่จ้าว เพราะเขาเข้าใจพี่สี่จ้าวเป็นอย่างดี เรื่องของผู้ชายและผู้หญิงแบบนี้พี่สี่จ้าวไม่เข้าใจหรอก
“ก็ได้ อีกเดี๋ยวฉันจะโทรไปถามดู” จ้าวเหวินเทาตอบ “พี่สี่ เรื่องนี้พี่ไม่ต้องสนใจแล้วนะ แล้วก็อย่าไปพูดกับคนอื่นด้วย บอกเสี่ยวหม่าด้วยนะว่าอย่าเอาไปพูดเหลวไหล มันไม่ดี”
“เข้าใจแล้ว ๆ” พี่สี่จ้าวย่อมรู้ดีถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้
“เอาล่ะ พี่สี่ ไม่ได้มีเรื่องอื่นแล้วใช่ไหม? ถ้าไม่มีอะไรแล้วพี่รีบกลับเถอะ อย่าอยู่ข้างนอกนาน ๆ นี่ก็มืดแล้ว อากาศหนาวมากด้วย”
“ก็ได้ งั้นฉันกลับแล้ว นายก็รีบนอนนะ” พี่สี่จ้าววางสายแล้ว เขาถอนหายใจลากยาว แอบรำพึงในใจว่าขอให้เป็นอย่างที่เจ้าหกพูดไว้ และเสี่ยวหม่าเข้าใจผิดไปเอง
จ้าวเหวินเทาวางสายแล้ว เย่ฉูฉู่จึงรีบถามว่า “อะไรเหรอคะ เกิดอะไรขึ้น?”
จ้าวเหวินเทาเดินมาด้านหน้าโต๊ะ ยกตะเกียบขึ้นมาพร้อมกับพูด “เรื่องพี่สามของคุณนั่นแหละ”
“พี่สามของฉันทำไมเหรอ?” เย่ฉูฉู่เกิดความประหม่าขึ้นมา
“ก็ไม่มีอะไรหรอก!” จ้าวเหวินเทายิ้มก่อนจะเล่าในสิ่งที่พี่สี่จ้าวพูดให้เธอฟัง “คุณเชื่อไหม?”
“ฉันไม่เชื่อหรอก!” เย่ฉูฉู่ตอบเสียงเรียบ “พี่สามของฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้น!”
“ก็นั่นน่ะสิ ผมเองก็คิดว่าพี่สามไม่ได้เป็นคนแบบนั้นเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทาตอบ
ต่อให้คนเราจะเปลี่ยนกันได้ แต่ก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนในเวลานี้ นอกเสียจากว่าเย่หมิงเป่ยจะเป็นคนโง่!
เขาออกไปค้าขายข้างนอก ได้เห็นเรื่องต่าง ๆ มามากมาย จึงคิดว่าคงไม่ได้ง่ายดายเหมือนที่เย่ฉูฉู่พูด เพราะคนเราหากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดีก็จะเปลี่ยนไปตามนั้น เหมือนกับคำพูดนั้นที่พูดไว้ว่า ‘ผู้ชายพอมีเงินก็เปลี่ยนเป็นคนนิสัยไม่ดี’ คำพูดนี้มีเหตุผลแน่นอน
ทว่าต่อให้เย่หมิงเป่ยเปลี่ยนเป็นคนไม่ดีก็ไม่มีทางที่จะเปลี่ยนเร็วขนาดนี้ ตอนนี้เขากำลังทำงานอย่างหนัก เขาจะมีกะจิตกะใจไปมีชู้ได้อย่างไรกัน ถึงอยากทำก็ไม่มีเวลาหรอก
“ทำไมเสี่ยวหม่าถึงได้พูดถึงพี่สามฉันแบบนี้!” เย่ฉูฉู่โกรธมาก “เป็นเพราะเขาทำเรื่องอะไรไว้ เลยโยนมาให้พี่สามของฉันใช่ไหม!”
จ้าวเหวินเทาตอบ “ไม่หรอก ถ้าให้ผมเดานะ คงเป็นเพราะพี่สามของคุณกับคุณเฉิงอะไรนั่นคุยงานกันอยู่ เสี่ยวหม่าก็เลยคิดว่าพวกเขามีความสัมพันธ์เชิงชู้สาว”
“ทำไมเขาไม่ไปจับผิดคนอื่น แต่กลับมาจ้องพี่สามของฉันเนี่ยนะ!” เย่ฉูฉู่ยังคงโมโห “พี่สามกับพี่สะใภ้สามของฉันหาของกินหาเครื่องดื่มมาให้เขา ยังมาแต่งเรื่องแบบนี้อีก ไม่รู้คุณคนเลย!”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “เสี่ยวหม่าเป็นกังวลเรื่องนี้ก็เพราะกลัวว่าจะไม่มีให้กินไม่มีให้ดื่มไง เขาก็หวังดีนั่นแหละ”
เย่ฉูฉู่ถลึงตาใส่เขา “คุณยังมาแก้ตัวแทนเขาอีกนะ!”
“ผมพูดเรื่องจริง อีกเดี๋ยวจะโทรไปถามพี่สามดู”
“คุณจะไปถามทำไม?” เย่ฉูฉู่พูด “พี่สามต้องโกรธมากแน่ ๆ”
“โกรธก็ยังดีกว่าอยู่แบบคลุมเครือ เขาเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ ถ้าพี่สะใภ้สามของคุณคิดว่าเขาปิดบังอะไรอยู่ แบบนั้นคงได้จบเห่แน่”
เย่ฉูฉู่คิดว่าที่สามีพูดก็มีเหตุผล จึงไม่ได้พูดอะไรอีก
จ้าวเหวินเทากินข้าวเสร็จแล้ว เมื่อมองดูเวลา จึงโทรศัพท์ไปหาเย่หมิงเป่ยที่บ้าน
“ฮัลโหล เหวินเทา ยังไม่นอนอีกเหรอ?” เย่หมิงเป่ยพูดพร้อมกับส่งเสียงหาวอย่างห้ามไม่อยู่
จ้าวเหวินเทาพอจะฟังออกว่าน้ำเสียงของเย่หมิงเป่ยดูอ่อนล้า จึงตอบกลับไป “ยังไม่นอน พี่สาม พี่โอเคไหมเนี่ย เสียงพี่ดูเหนื่อยมากเลยนะ”
“งานแฟชั่นโชว์จบแล้ว ช่วงนี้เป็นช่วงที่ยุ่งที่สุด นายมีธุระอะไรใช่ไหม?”
“ผมเองก็ไม่ได้มีธุระอะไรหรอก” จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิ้ม “พี่สะใภ้ล่ะ ก็ยุ่งเหมือนกันเหรอ?”
“โจวหมิ่นกำลังดูใบสั่งซื้ออยู่น่ะ นายอยากคุยกับโจวหมิ่นเหรอ?”
“เปล่า ผมโทรมาหาพี่นี่แหละ” จ้าวเหวินเทาไม่ได้พูดไร้สาระอีก และเล่าเรื่องให้อีกฝ่ายฟังไปหนึ่งรอบ
เย่หมิงเป่ยทั้งโกรธทั้งหมดคำจะพูด พูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคืองว่า “เรื่องนี้…นี่มันอะไรกันเนี่ย!”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “พี่สาม พี่อย่าเพิ่งโกรธ เสี่ยวหม่าคงกลัวว่าจะไม่มีกินนั่นแหละ ก็เลยคิดมาก พี่กลับไปก็ไปทำความเข้าใจกับเขาให้ดี ๆ ก็แล้วกัน!”
“ฉันรู้แล้ว”
“แล้วก็นะ พี่สาม อย่าหาว่าผมพูดมากเลยนะ เสี่ยวหม่าเข้าใจผิดไม่ได้เป็นปัญหาอะไรหรอก แต่อย่าให้พี่สะใภ้สามของผมเข้าใจผิดเชียว เป็นแบบนั้นพี่สามได้เจอปัญหาใหญ่แน่” จ้าวเหวินเทาพูดติดตลก
เย่หมิงเป่ยเอ่ยอย่างขบขัน “ไอ้หนู นายนี่พูดเก่งขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ! โอเค ฉันเข้าใจแล้ว” พูดจบก็วางสายไป
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เรื่องไหนเคลียร์ได้ก็รีบเคลียร์จะได้ไม่มีปัญหา ปล่อยให้คาราคาซังแล้วเดี๋ยวจะยุ่งกว่าเดิม
ไหหม่า(海馬)