เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 392 ปีที่แสนยุ่ง
ตอนที่ 392 ปีที่แสนยุ่ง
ตอนที่ 392 ปีที่แสนยุ่ง
ภรรยาเป็นห่วงตนเองขนาดนี้ จ้าวเหวินเทาก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ “ภรรยา คุณไม่ต้องเป็นกังวลหรอก ผมมีแผนอยู่ในใจน่า ผมเป็นคนยังไงคุณยังไม่รู้อีกเหรอ? หวงแหนชีวิตยิ่งกว่าใครเสียอีก!”
เย่ฉูฉู่เห็นเขาชะโงกหน้าเข้ามาด้วยสีหน้าวิตกกังวล เธอจึงผลักเขาออกไปอย่างไม่สบอารมณ์ “ฉันว่าคุณหวงแหนเงินมากกว่ามั้ง!”
“ภรรยา คุณคิดผิดแล้ว ไม่มีชีวิตแล้วเงินจะมีประโยชน์อะไร? ผมหวงแหนชีวิตจริง ๆ นะ!” จ้าวเหวินเทาพูดรับรอง “จัดการของพวกนี้เสร็จผมก็ไม่ออกรถแล้ว จะอยู่บ้านนึ่งอาหารแห้ง!”
เย่ฉูฉู่จึงรู้สึกมีความสุขขึ้นมา “อาหารแห้งปีนี้คุณนึ่งทั้งหมดเลยแล้วกันนะ”
“ได้สิ ภรรยา ถึงเวลานั้นคุณกับลูกรอกินก็พอแล้ว เดี๋ยวผมจัดให้!”
จ้าวเหวินเทารักษาคำพูด ใช้เวลาไปสองวันก็จัดการขนถ่ายสินค้าเสร็จ และไม่ได้ออกรถแล้ว คนคนนี้โชคดีไม่เบาเลย หลังจากจัดการกับของเสร็จ วันรุ่งขึ้นหิมะก็ตกลงมา แถมตกหนักมากจนหนาหนึ่งฟุตกว่า
ตอนที่หิมะหยุดตก ท้องฟ้าก็ปลอดโปร่ง ไม่มีเมฆครึ้มบดบัง ทว่าลมทางฝั่งเหนือที่พัดผ่านกลับคล้ายใบมีดขนาดเล็ก หิมะที่อยู่บนพื้นควบแน่นแข็งภายในเวลาอันรวดเร็ว พวกเด็ก ๆ ที่หยุดเรียนช่วงฤดูหนาวไม่กลัวหนาวต่างก็ออกมาเล่นสเก็ตและทำสงครามขว้างหิมะกันทั้งในและนอกหมู่บ้าน ส่วนพวกผู้ใหญ่ก็มีความสุขมาก ฤดูหนาวแบบนี้หิมะตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ แสดงว่าปีหน้าก็จะดียิ่งขึ้น ยิ่งฤดูหนาวหนาวมากเท่าไร พวกศัตรูพืชที่อยู่ในทุ่งนาของปีหน้าก็จะน้อยลงเรื่อย ๆ สิ่งเดียวที่เป็นปัญหาคือเดินทางไม่สะดวก
จ้าวเหวินเทายังคงเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่ขับรถโดยใช้แผ่นไม้ผลักเปิดถนนสู่ฟาร์มกระต่าย จากนั้นหิมะที่อยู่บนถนนหลักในหมู่บ้านก็ถูกโกยออกไปด้วย ผู้ชายและผู้หญิงในหมู่บ้านช่วยกันออกแรง มีไม้กวาดและพลั่วในมือครบครัน และลงมือโกยหิมะทั้งหมดเข้าไปในป่าหรือไม่ก็สวนผักและทุ่งนา แบบนี้ก็ไม่ต้องเป็นกังวลว่าออกจากบ้านจะลื่นล้มหัวร้างข้างแตกแล้ว
“เจ้าเด็กจ้าวเหวินเทาคนนี้ทำได้ดีเลยนะ!”
ผู้อาวุโสพากันเอ่ยปากชื่นชม พวกเขากลัวการลื่นล้มมากที่สุด คนแก่ ๆ กระดูกแขนขาไม่ค่อยดีแล้ว ห้ามล้มเด็ดขาด ถ้าลื่นล้มแขนขาหักในช่วงฉลองปีใหม่นอกจากจะเสียเงินและทรมานแล้ว ยังทำให้การทำงานล่าช้าด้วย ปีนี้ถือว่าไม่เลวเลย ขอแค่ไม่ออกจากบ้าน เดินเที่ยวอยู่ในหมู่บ้านก็ไม่ต้องกังวลว่าจะล้มแล้ว
เลขาก็ยกย่องจ้าวเหวินเทาเช่นเดียวกัน จ้าวเหวินเทาก็รีบเอ่ยปากขอรางวัลในทันที แต่ก็ถูกเลขาด่ากลับมาเคล้ารอยยิ้มไปยกใหญ่
หลังจากเก็บกวาดหิมะเรียบร้อยแล้ว จ้าวเหวินเทาก็เริ่มยุ่งอยู่กับการนึ่งอาหารแห้ง ก่อนหน้านี้เย่ฉูฉู่ได้นึ่งซาลาเปาไส้ถั่วออกมาแล้ว เหลือแค่ขนมเข่งและหมั่นโถวนึ่ง จ้าวเหวินเทาไปที่บ้านพี่สะใภ้รองจ้าวเพื่อดูอีกฝ่ายทำขนมเข่งตลอดช่วงเช้า หลังจากกลับมาก็เริ่มปฏิบัติจริง หลังจากยุ่งอยู่สองวัน สภาพของขนมเข่งก็ดูคล้ายกันมาก
พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวแวะมาดู ขนมเข่งทำได้ยากมาก ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำออกมาได้ พวกหล่อนจึงเกิดความสงสัยว่าขนมเข่งของจ้าวเหวินเทาจะออกมาเป็นอย่างไร
จ้าวเหวินเทาพูดด้วยความภาคภูมิใจ นำขนมเข่งชิ้นใหญ่ที่ตนเองทำออกมาให้พวกเธอดู พี่สะใภ้ทั้งสองคนเห็นระดับความหนาของขนมเข่ง ก็เข้าใจได้ว่าจ้าวเหวินเทาทำอย่างไร
“น้องหกนี่รู้จักลดความยุ่งยากดีจริง ๆ ทำให้บางแบบนี้ ไม่แปลกใจเลย!” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดเคล้ารอยยิ้ม
พี่สะใภ้รองจ้าวก็หัวเราะเช่นกัน “น้องหกคงกลัวไม่สุก เลยทำให้บางแบบนี้”
การนวดขนมเข่งโดยปกติจะร่อนแป้งขนมเข่งบนตะแกรงหนึ่งชั้น จากนั้นใส่ถั่วลงไปสี่ห้าเม็ด แล้วค่อยร่อนแป้งขนมเข่งลงไปเพิ่ม ระดับชั้นก็จะเพิ่มขึ้นทีละชั้น ถ้าฝีมือดี แป้งที่ตบออกมาจะหนา แต่ถ้าฝีมือไม่ดี ขนมที่ได้หลังจากใช้มือตบจะสุกแค่จุดที่อยู่ด้านล่างสุด ส่วนด้านบนจะดิบ และยังมีบางชิ้นที่แข็งเป็นไตด้วย
ของชนิดนี้ต้องมีประสบการณ์อย่างมาก ใส่น้ำเท่าไรรวมถึงไอน้ำที่ลอยขึ้นมา สีของแป้งเปลี่ยน รวมถึงความสม่ำเสมอของแป้งที่ร่อน มีส่วนเกี่ยวข้องกับขนมโดยตรง
จ้าวเหวินเทาร่อนไปแค่สองชั้นก็เสร็จแล้ว แต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จ
จ้าวเหวินเทาตอบ “ที่ขนมพวกนั้นที่ไม่สุกก็เป็นเพราะหนาเกินไปนี่แหละ ของผมแค่พอกินก็ใช้ได้แล้ว มา ๆ ลองกินรสชาติขนมเข่งที่ผมทำหน่อย”
จ้าวเหวินเทาไม่เพียงแต่ใส่ถั่วเท่านั้น เขายังใส่พุทราและแครนเบอร์รี่ลงไปด้วย เมื่อกินเข้าไปย่อมอร่อยกว่าใส่แค่ถั่วอยู่แล้ว โดยเฉพาะแครนเบอร์รี่ที่ให้รสชาติเปรี้ยวอมหวานด้วย พี่สะใภ้รองจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวได้กินก็ถึงกับเอ่ยปากชมไม่หยุด
“นี่มันอะไรกันเนี่ย อร่อยขนาดนี้เลยเหรอ?” พี่สะใภ้รองจ้าวถาม
“อันนี้คือแครนเบอร์รี่” เย่ฉูฉู่ตอบ “เดี๋ยวฉันหยิบมาให้ ตอนพี่กลับไปทำขนมเข่งก็ใส่ลงไปสักหน่อยนะคะ”
“ฉันทำเสร็จหมดแล้ว” พี่สะใภ้รองจ้าวนึ่งซาลาเปาไส้ถั่วและขนมเข่งเสร็จแล้ว
“ใส่ลงไปในหมั่นโถวก็อร่อยมากเหมือนกัน” จ้าวเหวินเทากล่าว “เอาไปใส่ไว้ด้านบนหมั่นโถวสักสองสามลูก”
“จริงเหรอ ดีมากเลย ฉันยังไม่ได้นึ่งหมั่นโถวอยู่พอดี!” พี่สะใภ้รองจ้าวรู้สึกมีความสุขอย่างมาก
“ฉันยังไม่เคยเห็นใครเอาสิ่งนี้มาขายเลยนะ” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว “แพงมากเลยใช่ไหม?”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “อันนี้เพื่อนให้ผมมา เขาไปเก็บมาจากบนเขา เป็นผลไม้ป่า”
“ฉันก็ว่าอยู่ ว่าทำไมนายถึงไม่เอามาขาย!” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดเคล้ารอยยิ้ม
จ้าวเหวินเทาแทบจะขายทุกอย่างในวันข้ามปี ของที่เปรี้ยวอมหวานแบบนี้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่ขาย
จ้าวเหวินเทาพูดเคล้ารอยยิ้ม “คำพูดของพี่สะใภ้สามเตือนผมพอดีเลย รอปีหน้าเดี๋ยวผมไปถามเขาดูว่าพวกเราจะปลูกของแบบนี้ได้ไหม ถ้าปลูกได้พวกเราจะได้ปลูก ขายดีด้วย!”
“ถูกต้องเลย นายกับพี่สามของนายนี่เหมือนกันเลยนะ เห็นอะไรทำกำไรได้ก็จะทำไปซะทุกอย่าง” พี่สะใภ้สามจ้าวส่ายหน้า
จ้าวเหวินเทาตอบด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้สาม ของสำหรับวันปีใหม่ก็มีกำไรนะ ทำไมพี่สามไม่ทำล่ะ?”
“ไม่ใช่ว่าเขาคิดอยากจะทำอะไรก็ทำได้ แต่เขาต้องมีเวลาด้วย!” พี่สะใภ้สามจ้าวตอบ
พี่สามจ้าวเห็นจ้าวเหวินเทาได้กำไรจากของปีใหม่ก็รู้สึกคันยุบยิบอยู่ในใจจริง ๆ แต่ธุรกิจโรงเต้าหู้ของเขากำลังขายดี ยอดสั่งจองเต้าหู้ยาวไปถึงปีหน้า ตอนนี้อากาศหนาว ต่อให้ซื้อเต้าหู้มาเยอะหลายชิ้นก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเสีย มากสุดก็เอามากินเป็นเต้าหู้แช่แข็งได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มีเวลาไปทำอย่างอื่น
อีกอย่าง ของปีใหม่ต้องใช้เงินทุน แถมยังเป็นเงินจำนวนมากด้วย พี่สามจ้าวทำใจไม่ได้หากต้องใช้เงินส่วนนี้ อีกอย่างพี่สะใภ้สามก็โน้มน้าวเขาแล้ว บอกให้เขาตั้งใจทำอย่างใดอย่างหนึ่งไปเลย อย่าอันนี้อยากทำอันนั้นก็อยากทำ เพราะท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นการจับปลาสองมือที่ไม่ได้อะไรเลย!
“ถ้าพี่สามอยากขายของปีใหม่ ก็ต้องเรียกให้พวกเราแม่ลูกนี่แหละมาขาย แต่พอขายได้ไม่ว่าจะมากหรือน้อยเขาก็ไม่พอใจอยู่ดี ฉันไม่อยากหาเหาใส่หัวน่ะ” พี่สะใภ้สามจ้าวพูดความคิดของตัวเองออกมา “นายคงไม่รู้ พี่สามของนายเอาใจยากจะตายไป!”
“งั้นก็ไม่ต้องเอาใจเขาสิ!” จ้าวเหวินเทาพูด
สองพี่สะใภ้ถึงกับหลุดหัวเราะร่าออกมา
หลังจากคุยกันด้วยรอยยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง พวกหล่อนก็กลับไป เย่ฉูฉู่พูดว่า “คิดไม่ถึงเลยนะคะว่าพี่สามก็มีความคิดอยากขายของปีใหม่เหมือนกัน”
“ขอแค่เป็นเรื่องที่ได้เงิน มีอะไรบ้างที่เขาไม่อยากทำ” จ้าวเหวินเทาตอบ “แต่พี่สามทำไม่ได้หรอก ของพวกนี้เล็กน้อยเกินไป โลภมากก็ไม่ได้ด้วย พี่สามทำไม่ได้หรอก”
“พี่สามทำเต้าหู้อร่อยจริง ๆ ฉันยังไม่เคยกินเต้าหู้ของใครที่ทำได้อร่อยกว่าที่พี่สามทำมาก่อนเลย” เย่ฉูฉู่กล่าวอย่างจริงใจ “หวังว่าพี่สามจะทำแบบนี้ต่อไปให้ตลอดรอดฝั่งนะ”
ทันทีที่โรงเต้าหู้ของพี่สามจ้าวเปิดให้บริการก็เป็นที่นิยม นั่นก็เป็นเพราะเขาสามารถรักษารสชาติไว้ได้ตลอด ในจุดนี้เขาไม่มีทางที่จะทำอะไรแบบย้อมแมวขาย เขาหวงแหนการบอกปากต่อปากมาก จ้าวเหวินเทาก็ชื่นชมมากเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ไม่สามารถขยายการผลิตให้ใหญ่ขึ้นได้
ทว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หาเงินไม่เหนื่อยแต่ก็ไม่ว่าง เหมาะกับชีวิตของคนในชนบทเป็นอย่างดี
จ้าวเหวินเทาทำงานเร็วมาก แป้งขึ้นฟูแล้ว เพียงไม่นานก็นึ่งหมั่นโถวเสร็จ ต่อไปก็เป็นการกวาดห้อง ในบ้านหลังนี้สะอาดสะอ้านมาก ไม่มีอะไรต้องกวาด จากนั้นก็ซักเสื้อผ้า ผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม ในบ้านมีสมาชิกน้อย เย่ฉูฉู่ก็ขยันซักผ้าด้วย นำมารวมเข้าด้วยกันมีผ้าให้ซักแค่กะละมังเดียว ใช้เวลาช่วงเช้าก็เสร็จสิ้นแล้ว ส่วนที่เหลือคือเก็บกวาดในส่วนของลานบ้าน หิมะที่กองอยู่และทางเดินส่วนใหญ่ถูกกวาดออกไปทุกวัน จึงสะอาดมาก ราวกับไม่มีงานอะไรต้องทำเลย
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ชีวิตคนชนบทดูเหมือนจะว่างแต่จริง ๆแล้วยุ่งมากนะคะ ต้องทำนู่นทำนี่ไม่หยุดเลย
ไหหม่า(海馬)