เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 4 ตระกูลจ้าว
ตอนที่ 4 ตระกูลจ้าว
ตอนที่คุณพ่อจ้าวพาพี่รองจ้าว พี่สามจ้าว พี่สี่จ้าว รวมถึงพี่สะใภ้รองจ้าว พี่สะใภ้สามจ้าว และพี่สะใภ้สี่จ้าวกลับมาจากการทำงาน บ้านทั้งหลังก็ถูกเก็บกวาดจนสะอาดสะอ้านแล้ว
ครั้นเห็นทุกคนกลับมาถึงบ้าน เย่ฉูฉู่จึงรีบเดินถือกาน้ำออกมารินน้ำให้ทุกคนได้ดื่มดับกระหาย
ท่าทางเอาใจใส่ของน้องสะใภ้หก ทำให้บรรดาพี่สะใภ้ต่างอดไม่ได้ที่จะหันมาสบตากัน
นี่คงไม่ต้องให้ควักเงินก้อนโตจ่ายให้หรอกใช่ไหม?
พี่สะใภ้สามจ้าวและพี่สะใภ้สี่จ้าวไม่ได้แสดงท่าทางอะไรออกมา แต่พี่สะใภ้รองจ้าวที่เป็นพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านได้มองเย่ฉูฉู่แล้วกล่าวว่า “น้องสะใภ้หก วันนี้พวกเธอเข้าไปตรวจร่างกายที่ในเมืองมานี่นะ ผลตรวจเป็นยังไงบ้างจ๊ะ?”
เย่ฉูฉู่รู้ดีว่าการไม่ได้ไปทำงานในวันนี้ย่อมทำให้เหล่าพี่สะใภ้ไม่พอใจ นางพลันพูดขึ้น “ขอบคุณพี่สะใภ้สองที่เป็นห่วง ฉันไปตรวจร่างกายมาแล้วไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรค่ะ เพียงแค่อ่อนแอเล็กน้อย”
ไม่ต้องพูดก็พอจะทราบได้ว่าร่างกายนี้คงมีสภาพไม่ดีเท่าไรนัก แต่ในเมื่อคนยุคนี้เป็นแบบนี้กันหมด เย่ฉูฉู่ก็อยากจะดูแลร่างกายของตัวเองให้ดี
การทำแบบนี้จะช่วยให้นางมีลูกให้องค์ชายเร็วขึ้น
คิดเช่นนี้แล้ว เย่ฉูฉู่ก็แอบรู้สึกเขินอาย แต่เมื่อพูดถึงลูก เย่ฉูฉู่พลันมองไปยังเด็ก ๆ ที่อยู่เต็มบ้าน
พี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าว ผู้เป็นพี่ชายและพี่สะใภ้ใหญ่ของบ้านต่างก็มีอายุสามสิบต้น ๆ ในปีนี้ ทั้งยังมีลูกชายสองคนและลูกสาวอีกหนึ่งคน
พี่สามจ้าวและพี่สะใภ้สามจ้าวมีลูกชายหนึ่งคนและลูกสาวอีกหนึ่งคน
ส่วนพี่สี่จ้าวและพี่สะใภ้สี่ตอนนี้ยังไม่มีลูกชาย ลูกทั้งสองคนของพวกเขาเป็นผู้หญิงทั้งคู่
เนื่องจากฐานะทางครอบครัวที่ค่อนข้างจำกัด เด็ก ๆ ก็มีจำนวนไม่น้อย เด็กเหล่านี้จึงดูไม่ต่างจากลิงน้อยเท่าไรนัก
แต่เป็นลิงน้อยก็ดีเหมือนกันนะ นางเองก็อยากคลอดลิงน้อยให้องค์ชายเช่นกัน
ทว่าทันทีที่นางพูดออกมาเช่นนี้ พี่สะใภ้สี่ก็ถึงขั้นบุ้ยปากและพูดว่า “ถ้าอย่างเธอเรียกอ่อนแอ พวกเรายิ่งไม่อ่อนแอกว่าเหรอ?”
จะว่าไปแล้วพี่สะใภ้สี่จ้าวต่างหากล่ะที่อยู่ในขั้นวิกฤติ
เพราะหลังจากที่หล่อนแต่งเข้าตระกูลมาก็มีลูกสาวติดกันถึงสองคน หากสะใภ้หกทำสำเร็จในคราวเดียว เช่นนั้นในบรรดาสะใภ้ตระกูลจ้าวก็เหลือแค่หล่อนคนเดียวที่ไม่มีลูกชาย
ถึงเวลานั้นก็คงไม่ต่างจากผงธุลีจริง ๆ
“พี่สะใภ้สี่พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนะคะ ก่อนที่ฉันจะแต่งเข้ามา แม่ของฉันก็บำรุงฉันเป็นอย่างดี ท่านเชือดไก่หนึ่งตัวนำมาตุ๋นให้ฉันกิน และให้ฉันกินไข่ไก่วันละฟองทุกวันด้วย ที่ตอนนี้ฉันยังไม่ท้องก็คงเป็นเพราะโชคชะตายังมาไม่ถึงน่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
ท่านพ่อและท่านแม่ของนางในชาตินี้แตกต่างจากชาติก่อน เพราะท่านพ่อและท่านแม่ในชาตินี้ประคบประหงมนางเป็นอย่างดี
พี่สะใภ้สี่จ้าวถึงขั้นสะอึกจนพูดไม่ออก
พี่สะใภ้คนอื่น ๆ ก็หมดคำพูดอย่างกะทันหันเช่นกัน
ครอบครัวของสะใภ้หกคนนี้ไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ อีกฝ่ายเป็นลูกสาวคนสุดท้องในบ้าน พ่อแม่ต่างก็รักทะนุถนอมเธอเป็นอย่างดี ก่อนแต่งงานพวกหล่อนก็เคยได้ยินเรื่องทำนองว่าฝั่งตระกูลเย่เชือดไก่เพื่อบำรุงร่างกายให้ลูกสาวคนสุดท้องจริง ๆ
เป็นเรื่องที่ทุกคนต่างรับรู้ว่าเธอได้กินไข่ไก่วันละฟอง
อีกอย่างการที่น้องสะใภ้หกแต่งเข้ามาด้วยความมั่นใจถึงขั้นนี้ ก็เป็นเพราะเธอนำสินเดิมเข้ามาไม่น้อย
ยกตัวอย่างเช่นตู้ที่อยู่ในห้องของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีผ้านวมหนึ่งผืน มีแม้กระทั่งอ่างล้างหน้าและกาต้มน้ำกระเบื้องเคลือบ!
สินเดิมแบบนี้ก็นับว่าดีสุด ๆ แล้ว คนธรรมดาทั่วไปที่ไหนจะยอมยกสินเดิมมากขนาดนี้ให้กันล่ะ?
ยกตัวอย่างเช่นเหล่าสะใภ้ทั้งสามตอนที่แต่งงานเข้าตระกูลมาใหม่ ๆ นอกจากเสื้อผ้าเก่า ๆ สองชุด ก็ไม่มีอะไรติดตัวมาแม้แต่อย่างเดียว
ดังนั้นอีกฝ่ายจึงมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
หากเปรียบเทียบหน้าตาของเย่ฉูฉู่กับคนอื่น ถือว่าเธอดูดีขั้นสุดเลยก็ว่าได้ เพียงแต่เย่ฉูฉู่มีมาตรฐานสูง เธอมักคิดว่าตัวเองหน้าตาไม่ดี จึงต้องคิดหาวิธีเพื่อบำรุงร่างกายตัวเองสักหน่อยจึงจะดี ไม่เช่นนั้นจะให้กำเนิดลูกตัวอ้วน ๆ ได้อย่างไรกันล่ะ?
“พี่สอง พี่สาม พี่สี่ล้างหน้าก่อนเถอะค่ะ เถี่ยต้าน หลูต้าน หม่าต้าน ต้าหยาก็ด้วย ถึงเวลากินมื้อค่ำกันแล้ว” เย่ฉูฉู่เอ่ยด้วยรอยยิ้ม โดยไม่ได้สนใจความคิดของเหล่าพี่สะใภ้
พี่รองจ้าวและคนอื่น ๆ ต่างก็เดินไปล้างหน้าล้างตา
เถี่ยต้านและหลูต้านคือลูกของพี่รองจ้าว หม่าต้านคือลูกของพี่สามจ้าว นี่คือชื่อของเหล่าหลานชายในบ้าน ส่วนชื่อของหลานสาวคือต้าหยา เอ้อร์หยา ซานหยาและซื่อหยา
แม้ว่านางเพิ่งจะมาเข้าร่าง แต่ก็มีความทรงจำอยู่จึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะจำได้ ต่อให้มีมากกว่านี้ก็ยังแยกแยะได้สบาย ๆ
ต้าหยาคือลูกของพี่รองจ้าว เอ้อร์หยาคือลูกของพี่สามจ้าว ส่วนซานหยาและซื่อหยาเป็นลูกสาวตัวน้อยของพี่สี่จ้าว
ทุกคนต่างเดินไปล้างหน้ากันหมด
คุณพ่อจ้าวได้รับการปรนนิบัติดีที่สุด เพราะเย่ฉูฉู่ใช้อ่างส่วนตัวเติมน้ำมาให้เขา ทั้งยังวางผ้าขนหนูหนึ่งผืนไว้ข้าง ๆ เพื่อให้เขาล้างหน้าเช็ดมือด้วย
พี่สะใภ้สี่จ้าวแอบเบ้ปากอยู่ในใจ เพราะหล่อนเองก็เคยใช้ทักษะพื้นฐานเหล่านี้!
ตอนนี้เป็นช่วงอากาศร้อนอบอ้าว หลังจากเสียงนกหวีดดังในตอนเที่ยงก็ต้องออกไปทำงาน จนกระทั่งตอนนี้เพิ่งจะได้เลิกงานกลับมาบ้าน เหนื่อยจนสายตัวแทบขาดจริง ๆ
เย่ฉูฉู่จึงเข้าไปช่วยคุณแม่จ้าวยกอาหารค่ำในคืนนี้ออกมา
อันที่จริงไม่ใช่อาหารเลิศเลออะไรหรอก มันก็คือข้าวโพดบดหยาบนั่นแหละ
ชาติที่แล้วตอนที่เย่ฉูฉู่ถูกเนรเทศก็ไม่ได้ใช้ชีวิตสุขสบายอะไร ดังนั้นนางจึงเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาก่อน ความจริงแล้วข้าวโพดบดหยาบในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากตอนนั้นเท่าไรนัก
เพียงแต่หลังจากที่เข้าไปในจวนขององค์ชายและได้อยู่ข้างกายองค์ชาย เสื้อผ้า อาหารการกิน ที่พัก และการสัญจรของนางจึงดีกว่าบรรดาคุณหนูตระกูลขุนนางโดยทั่วไป
ข้างกายขององค์ชายไม่มีสตรีนางอื่น มีนางแค่คนเดียวเท่านั้น บางครั้งนางก็อดไม่ได้ที่จะคิดเข้าข้างตัวเองเพียงฝ่ายเดียวว่า ในใจขององค์ชายนั้น…ชอบนางใช่หรือไม่?
แน่นอนว่าในชาติที่แล้วตั้งแต่ต้นจนถึงคราวสิ้นพระชนม์ องค์ชายไม่เคยเอ่ยวาจาทำนองนั้นเลย นางจำได้เพียงแค่ว่าในคืนที่องค์ชายสิ้นพระชนม์ พระองค์ได้มอบตั๋วเงินจำนวนมากให้แก่นาง เพียงพอที่จะทำให้นางได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายชั่วชีวิต ทั้งยังจัดเตรียมให้นางออกไปใช้ชีวิตด้วยตนเอง
เพียงแต่นางจะตัดใจไปได้อย่างไรกัน? ในเมื่อองค์ชายจากไปก่อน หลังจากนั้นนางจึงตามองค์ชายไป
“ฉูฉู่ ไปเรียกเหวินเทามากินข้าวสิ” คุณแม่จ้าวพูด
“ยังนอนอยู่เหรอ?” คุณพ่อจ้าวขมวดคิ้ว
“คุณพ่อคะ เป็นเพราะวันนี้ระหว่างทางที่พวกเราเดินกลับมาไม่รู้ว่ามีอันธพาลที่ไหนออกมาปล้นชาวบ้านน่ะค่ะ มีพี่สาวคนหนึ่งถูกปล้น เหวินเทาเห็นก็เลยเข้าไปช่วยอย่างกล้าหาญ แต่เขาก็โดนทุบตีแทน ฉันเพิ่งใช้ยาดองเช็ดแผลให้เขา บนหลังกับบนแขนมีแผลเต็มไปหมดเลยค่ะ!” เย่ฉูฉู่รีบพูด
“มีเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ?” พี่รองจ้าวและคนอื่น ๆ ชะงักงัน
เหล่าพี่สะใภ้ก็มองมาที่นางเช่นกัน
“ค่ะ” เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ถ้าไม่เชื่อก็ถามคุณแม่ดูสิคะ สามีของผู้หญิงคนนั้นซาบซึ้งในน้ำใจของพวกเรา ก็เลยขี่รถจักรยานมาส่งพวกเราด้วยค่ะ”
“คนในหมู่บ้านก็รู้กันหมด พวกเธอออกไปถามดูก็รู้แล้วล่ะ เกิดเรื่องที่หมู่บ้านหลังเขาทางฝั่งนู้น” คุณแม่จ้าวพูด
“เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ ดังนั้นฉันก็เลยให้เขานอนพักก่อนน่ะค่ะ” เย่ฉูฉู่พูด
“งั้นก็ไปเรียกน้องหกให้ตื่นเถอะ ลุกขึ้นมากินข้าวได้แล้ว เดี๋ยวอาหารก็ชืดหมดหรอก” พี่สามจ้าวพูด
เย่ฉูฉู่จึงเดินมาเรียกจ้าวเหวินทาว
จ้าวเหวินทาวกำลังฝันว่าได้กินซาลาเปา มันเป็นซาลาเปาเนื้อลูกใหญ่ที่เสิร์ฟโดยพนักงานของร้านอาหารภาครัฐ ตอนที่เขากำลังลงมือกินนั้นเอง ก็ถูกภรรยาเรียกให้ตื่นเสียแล้ว
จ้าวเหวินเทาถึงกับหดหู่ไปพักหนึ่ง
“เหวินเทาคะ ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน กินเสร็จแล้วค่อยกลับมานอนต่อดีไหมคะ?” เย่ฉูฉู่มองเขาด้วยความเป็นกังวล
จ้าวเหวินเทายังจะทำอะไรได้อีก? ก็ทำได้แค่ลุกขึ้นมาน่ะสิ ซาลาเปาแป้งขาวไส้เนื้อในฝันของเขาได้จากไปไม่หวนคืนกลับมาแล้ว
เขาตัดสินใจแล้วว่าหากเข้าเมืองในครั้งหน้า เขาจะไปลิ้มลองรสชาติซาลาเปาแป้งขาวไส้เนื้อนี้!
ตอนที่จ้าวเหวินเทาสวมเสื้อผ้ากำลังจะออกไป เย่ฉูฉู่กลับเรียกเขาไว้ จากนั้นหยิบไข่ไก่สองฟองออกมาจากใต้หมอนและกระซิบเสียงเบา “คุณแม่ต้มให้คุณค่ะ ให้คุณกินทั้งหมดเลย คุณกินเสร็จแล้วค่อยออกไปกินข้าวนะคะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ฉูฉู่เวอร์ชันนี้จะทำให้คนในบ้านจ้าวรู้สึกเอ็นดูได้ไหมนะ
สงสารเหวินเทา กำลังฝันหวานได้กินซาลาเปาอยู่แล้วเชียว ภรรยามาเรียกก่อน ฝันสลายเลย
ไหหม่า(海馬)