เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 56 คุณแม่จ้าวแสดงอำนาจ
ตอนที่ 56 คุณแม่จ้าวแสดงอำนาจ
“ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ให้เจ้าหก แม่กับพ่อก็พึ่งครอบครัวเจ้าหกอยู่บ่อย ๆ ด้วย พวกเขากินของดีอะไรก็เอามาให้พวกเราส่วนหนึ่งทุกครั้ง ตอนนี้ภรรยาของแกกลับสงสัยว่าพวกเขาได้รับประโยชน์จากพ่อกับแม่ รู้สึกละอายใจบ้างไหม!” คุณแม่จ้าวกล่าว
พี่รองจ้าวยิ่งรู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี “พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ เรื่องนี้ผมจะคุยกับหล่อนให้เข้าใจ!”
คุณแม่จ้าวกล่าวเสียงเรียบ “นั่นเป็นสิ่งที่ต้องพูดกับหล่อนให้เข้าใจชัดเจน แต่ตระกูลจ้าวของเราไม่ได้มีธรรมเนียมที่จะทุบตีลูกสะใภ้ ดังนั้นแกกลับไปบอกหล่อนให้ชัดเจน ว่าพวกเราสองคนไม่เคยให้เงินเจ้าหกแม้แต่เฟินเดียว นั่นเป็นเงินที่เจ้าหกหามาด้วยตัวเองทั้งหมด!”
“ผมเข้าใจแล้วครับ ผมจะไปบอกหล่อนให้ชัดเจน!” พี่รองจ้าวพูดจบก็เดินออกไป
คุณแม่จ้าวแอบลังเล “คงจะไม่ทะเลาะกันใช่ไหมคะ?”
“ทะเลาะกันก็ดี จะได้จำไว้ให้ขึ้นใจ!” คุณพ่อจ้าวกล่าวเสียงเรียบ
เมื่อพี่รองจ้าวกลับมาก็ไม่ได้อ้อมค้อม เขาพูดกับพี่สะใภ้รองจ้าวอย่างตรงไปตรงมา “คุณฟังผมให้ดีนะ แม่บอกผมแล้วว่าไม่เคยแอบให้เงินเจ้าหกแม้แต่เฟินเดียว หลังจากแยกบ้านก็ทางใครทางมัน เจ้าหกซื้ออะไรก็เป็นเงินของเขาทั้งหมด คุณก็อย่าเอาแต่คิดเป็นตุเป็นตะงานการไม่ทำอีก!”
พี่รองจ้าวเป็นลูกกตัญญู ไม่ว่าภายในใจจะโกรธพี่สะใภ้รองมากขนาดไหน แต่เขาก็ทำตามคำสั่งของพ่อแม่ เขาข่มโทสะไว้ ไม่มีปากเสียงกับพี่สะใภ้รอง เพียงแต่พูดเรื่องนี้อย่างชัดเจน
พี่สะใภ้รองรับไม่ได้ที่จู่ ๆ สามีก็มาพูดกับหล่อนแบบนี้ตรง ๆ หมายความว่าอย่างไรที่พ่อกับแม่พูดแบบนี้ หรือพ่อกับแม่จะรู้แล้วว่าหล่อนคิดอะไรในใจ?
เป็นไปได้อย่างไรกัน นอกจากสามีของตัวเองแล้วหล่อนก็ไม่เคยพูดกับใคร อีกอย่างสามีของหล่อนก็ไม่มีทางบอกพ่อกับแม่ด้วย
ในเวลานี้พี่รองจ้าวก็พูดอีกหนึ่งประโยคว่า “หลังจากนี้คุณก็แอบฟังข้างกำแพงของพ่อกับแม่ให้มันน้อย ๆ หน่อย คุณไม่อายแต่ผมอาย!”
พี่สะใภ้รองจึงเข้าใจได้ ที่แท้หล่อนโดนจับได้ในเรื่องที่วันนี้ไปแอบฟังเสียแล้ว หล่อนอายเสียจนหน้าร้อนผ่าว คนที่รักษาหน้าตาแบบหล่อนจึงระเบิดออกในทันที
“คุณอาย คุณยังมีหน้ามาบอกว่าคุณอาย ฉันทำแบบนี้ไปเพื่ออะไรล่ะ? คิดไม่ถึงเลยนะว่าคุณจะพูดกับฉันแบบนี้ คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า? พ่อกับแม่เอาแต่ลำเอียงไปหาน้องสามีตลอด ฉันพูดอะไรงั้นเหรอ ก็เพื่อเศษผักพวกนั้นไม่ใช่เหรอ ปากของฉันแค่คนเดียวมันจะกินสักเท่าไรกันเชียว ฉันทำไปเพื่อใครล่ะ? คุณยังมาพูดแบบนี้กับฉันอีก? คุณยังมีจริยธรรมหลงเหลืออยู่ไหม! เจ้ารองจ้าว ตั้งแต่ฉันแต่งงานกับคุณในวันนั้นฉันก็ไม่เคยได้ใช้ชีวิตดี ๆ สักวันเลย นี่ก็ผ่านมาหลายปีแล้ว ฉันต้องลุกขึ้นมากลางดึก ปรนนิบัติทั้งคนแก่ทั้งเด็ก ฉันพูดอะไรได้เหรอ? ฉันคลอดลูกชายให้พ่อแม่ของคุณตั้งสองคน ฉันทำให้พวกเขาทั้งสองคนไม่ต้องผิดหวังแล้ว แต่คุณกลับบอกว่าฉันหน้าไม่อายแบบนี้เนี่ยนะ!”
พี่สะใภ้รองจ้าวยิ่งพูดก็ยิ่งทุกข์ จนถึงขั้นร้องไห้โฮออกมา
พี่รองจ้าวเดิมทีกำลังข่มโทสะไว้ แต่กลับถูกกระตุ้นเพราะคำพูดของพี่สะใภ้รองจ้าว จึงตะคอกเสียงดัง “หุบปาก! ถ้าคุณทำเรื่องดี ๆ ยังต้องกลัวว่าคนอื่นจะมาด่าอีกเหรอ?”
ลูกทั้งสามคนตกใจจนวิ่งออกไปหาคุณพ่อจ้าวและคุณแม่จ้าวแล้ว
“คุณปู่คุณย่าคะ พ่อกับแม่ทะเลาะกันแล้ว!” ต้าหยาวิ่งออกมาพร้อมกับน้องชายทั้งสองคนพลางตะโกนบอก
เด็ก ๆ ตะโกนแบบนี้ บ้านพี่สามจ้าวและพี่สี่จ้าวก็ได้ยินเช่นกัน ตอนนี้ทุกคนยังไม่นอน จึงใส่รองเท้าแล้ววิ่งออกมา
“เกิดอะไรขึ้น ฉันได้ยินพี่รองกับพี่สะใภ้รองทะเลาะกันแล้ว?” พี่สามจ้าวถามด้วยสีหน้าประหลาดใจ
“ไม่รู้สิ ผมได้ยินต้าหยาตะโกนว่าทะเลาะกันแล้ว!” พี่สี่จ้าวเองก็แปลกใจ ช่วงกลางคืนพี่รองกับพี่สะใภ้รองก็ยังดี ๆ อยู่เลย ทำไมถึงทะเลาะกันได้ล่ะ?
พี่สะใภ้สี่จ้าวข่มกลั้นความตื่นเต้น หล่อนพูดเร่งว่า “ยังจะพูดอะไรอีกล่ะ รีบไปดูสิ!”
เพียงไม่นานคุณแม่จ้าวก็เดินไปพร้อมกับต้าหยา เถี่ยต้านและหลูต้าน
คุณพ่อจ้าวไม่ได้ไป ถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้เขาที่เป็นพ่อสามีก็จัดการไม่ได้อยู่ดี
จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่นอนอยู่ในห้องด้านหลัง อยู่ห่างจากที่นี่ค่อนข้างไกล อีกอย่างก็เพิ่งจะพลอดรักอย่างเร้าร้อนไป จึงนอนหลับฝันหวานไปแล้ว เย่ฉูฉู่ที่ถูกทำให้เหนื่อยซ้ำไปซ้ำมาได้ยินเสียงเคลื่อนไหว จึงพูดด้วยเสียงสะลึมสะลือ “เหวินเทา คุณได้ยินเสียงอะไรไหมคะ?”
จ้าวเหวินเทาได้ยินอย่างชัดเจน ภายในใจก็แอบแค่นเสียงเย็น เขาจูบภรรยาอย่างอบอุ่น พลางพูดปลอบใจ “เรื่องเล็ก ๆ ไม่ได้สำคัญอะไร นอนเถอะ ไม่ต้องสนใจหรอก”
เย่ฉูฉู่เองก็ง่วงนอนมากแล้ว เธอพิงอยู่ในอ้อมกอดของสามีเพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไป อากาศหนาวแบบนี้ มีผู้ชายนอนกอดอยู่ใต้ผ้าห่มที่แสนอบอุ่นนั้นช่างรู้สึกสบายสุด ๆ ไปเลย
อีกอย่างเมื่อครู่ขาทั้งสองข้างของเธอก็ถูกเขายกขึ้น ร่างกายของเธอถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับตุ๊กตาผ้าขี้ริ้ว เธอจึงหมดแรงแล้วจริง ๆ เพียงไม่นานก็ผล็อยหลับไปอีกรอบ
ตอนนี้ภายในห้องทางซ้ายของลานบ้านที่อยู่ด้านหน้าสุด สงครามครอบครัวกำลังปะทุ!
ตอนที่พี่สามจ้าวและคนอื่น ๆ มาถึง ก็พบว่าพี่รองจ้าวและพี่สะใภ้รองจ้าวกำลังด่ากันอยู่ ถึงจะพูดว่ากำลังด่ากัน แต่อันที่จริงพี่สะใภ้รองต่างหากล่ะที่กำลังด่า ส่วนพี่รองจ้าวก็แค่ย้อนกลับไปสองสามประโยค เขาไม่ใช่คนที่ถนัดในการทะเลาะเลย
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นพี่สะใภ้รองที่โดยปกติจะเป็นคนประณีตอยู่เสมอ นั่งอยู่บนเตียงด้วยผมเผ้ารุงรัง น้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเต็มหน้า อยู่ในสถานการณ์ที่คับขันแสนลำบาก หล่อนก็ถึงกับประหลาดใจ จากนั้นก็รีบไปนั่งข้าง ๆ พี่สะใภ้รองพลางกล่าว “พี่สะใภ้รอง เป็นอะไรไปคะ? พี่รอง พี่ทำอะไร ดูสิพี่สะใภ้รองร้องไห้ใหญ่แล้ว พี่พูดให้มันน้อย ๆ หน่อยได้ไหม!”
พี่รองจ้าวไม่อยากทะเลาะกับภรรยาของน้องชาย เขาจึงนั่งลงบนพื้นด้วยท่าทางกระฟัดกระเฟียด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
พี่สามจ้าวและพี่สี่จ้าวพูดอยู่ข้าง “พี่รอง เกิดอะไรขึ้น?”
ดวงตาของพี่สะใภ้สี่กำลังทำงานจนยุ่งเหยิงไปหมด หล่อนยืนนิ่งอยู่กับที่มองคนนี้ทีคนนู้นที ภายในใจก็ลอบซุบซิบถึงขั้นสุด พูดตามไปว่า “นั่นสิ นี่มันอะไรกันเนี่ยคะ ดึกดื่นป่านนี้ทุกคนเขาหลับกันหมดแล้ว ยังดี ๆ อยู่เลยทำไมถึงทะเลาะกันล่ะ?”
พี่สะใภ้รองไม่สนใจหล่อน เอาแต่ร้องห่มร้องไห้
พี่สะใภ้สามปลอบใจพี่สะใภ้รอง “พี่สะใภ้รองไม่ต้องร้องนะคะ ร้องไห้เดี๋ยวตาก็บวมหมดหรอก ดูสิ ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมดแล้ว!”
พี่สะใภ้รองจ้าวไม่ได้สนใจพี่สะใภ้สี่ที่เอาแต่ยืนมองเรื่องสนุก หล่อนดึงมือสะใภ้สามพลางกล่าวขณะร้องไห้ “น้องสะใภ้สาม แบบนี้คงไปกันไม่รอดแล้ว ฉันเองก็ไม่อยากจะมีชีวิตต่อไปแล้วเหมือนกัน ฉันทนไม่ไหวแล้ว! ฮือ ๆ ๆ!”
“พี่สะใภ้รองพูดอะไรเนี่ยคะ อย่าพูดอะไรมั่ว ๆ สิ ชีวิตแบบนี้ดีจะตายไป ลูกชายสองคนลูกสาวอีกหนึ่ง พี่มีทั้งลูกสาวลูกชาย จะมีชีวิตต่อไปไม่ได้ได้ยังไงกัน?” พี่สะใภ้สามรีบกล่าว
“เธอก็ลองถามเขาดูสิ เขานั่นแหละที่ทำให้ฉันมีชีวิตต่อไปไม่ได้!” พี่สะใภ้รองร้องไห้โฮอีกครั้ง
คุณแม่จ้าวที่ถูกหลาน ๆ ทั้งสามเรียกมาก็มาถึงแล้ว
ครั้นเห็นสะใภ้รองจ้าวที่ถูกจับได้ว่าแอบลักฟังมุมกำแพงยังกล้าพูดจาสาดเสียเทเสีย นางจึงไม่เกรงใจ อ้าปากด่าซ้ำ “พวกฉันยังไม่ตาย จะมาร้องคร่ำครวญดึก ๆ ดื่น ๆ เพื่ออะไร!”
พี่สะใภ้รองจ้าวเห็นแม่สามีเดินมา ความรู้สึกไม่สบายใจที่ถูกจับได้ว่าตนแอบไปยืนฟังมุมกำแพงทำให้หล่อนยิ่งรู้สึกอับอายเกินกว่าจะหาสิ่งใดเทียบเทียม ทั้งหมดนี้ไม่ใช่เพราะพวกคุณทั้งสองเหรอที่ทำให้เกิดปัญหาขึ้นมา หากพวกคุณไม่ลำเอียงรักน้องสามีเล็กมากกว่า ฉันจะทำเรื่องน่าอายแบบนี้ได้อย่างไรกัน!
“แม่คะ แม่ก็ถามพ่อของลูกฉันดูสิคะ ฮือ ๆ ๆ!” พี่สะใภ้รองจ้าวร้องไห้
คุณแม่จ้าวย่อมรู้ดีว่าเกิดอะไรขึ้น นางแค่นเสียงเย็น ก่อนยอกย้อนกลับไป “ฉันรู้ดีว่าลูกชายของฉันเป็นยังไง ยังต้องถามอะไรอีก? มีแต่เธอนั่นแหละที่ฉันต้องถาม ลูกชายของฉันตบเธอหรือว่าเหน็บแนมเธอล่ะ? ถึงทำให้เธอตะโกนโวยวายกลางดึกแบบนี้ ถ้าเรื่องนี้ถูกแพร่งพรายออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้ คงคิดว่าตระกูลจ้าวร่วมมือกันเรียนรู้ระบบศักดินาเก่ามาทรมานลูกสะใภ้แบบเธอไปแล้วมั้ง!”
พี่รองจ้าวกล่าว “แม่ ผมยังไม่ได้ทุบตีหล่อนเลย ผมก็แค่พูดกับหล่อนให้ชัดเจน แต่หล่อนก็เอาแต่ร้องไห้โอดครวญอยู่นั่นแหละ”
คุณแม่จ้าวย่อมรู้ดีว่าลูกชายรองของตนเองเป็นอย่างไร ทั้งยังเป็นคนไม่มีอนาคต แม้แต่เมียตัวเองก็ยังควบคุมไม่อยู่!
ดูอย่างเจ้าหกสิ ฉูฉู่จะทำอะไรก็ให้เขาเป็นใหญ่ทั้งหมด!
……………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านเจ้าหกสบายสุด ปล่อยให้คนอิจฉาทะเลาะกันเอง
สงสารพี่รองจ้าวสุดที่ควบคุมเมียไม่ได้จนวุ่นวายทั่วบ้าน
แอบยินดีบนความทุกข์ของคนอื่นเหรอสะใภ้สี่ ระวังถึงตาเธอบ้างนะ
ไหหม่า(海馬)