เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 66 เหล่าชวีโถวและคนขับรถหลิว
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 66 เหล่าชวีโถวและคนขับรถหลิว
คนขับรถหลิวก็แย้มยิ้ม “เหล่าชวีโถว มองยังไงของลุง น้องชายจ้าวทำไม่รอดได้ไง”
เหล่าชวีโถวดื่มเหล้า ใบหน้าเดี๋ยวคล้ำเดี๋ยวแดงของเขาสำรวจมองจ้าวเหวินเทาพลางกล่าว “แค่เห็นนายก็รู้แล้วว่าไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องนี้”
“แล้วผมเหมาะกับทำอะไรล่ะครับ?” จ้าวเหวินเทากล่าว
“ฉันว่านายเหมาะกับการขยับปาก แต่ไม่เหมาะกับการขยับมือ นายทำโรงเรือนเพาะปลูกไม่ไหวหรอก นายว่าฉันพูดถูกหรือเปล่าล่ะ?” เหล่าชวีโถวกล่าว
จ้าวเหวินเทายิ้ม “ถูก ลุงพูดถูกต้องเลยล่ะ ผมทำไม่ไหวจริง ๆ นั่นแหละ อันที่จริงที่ผมมาก็ไม่ได้จะมาเรียนเพาะปลูกในโรงเรือนหรอก”
เขาก็แค่เดินทางมาดูไว้เฉย ๆ เพื่อให้มีประสบการณ์มากขึ้น ไม่ได้คิดจะทำเอง แบบนั้นไม่เหนื่อยตายเลยเหรอ?
“นายอยากจะเป็นตัวแทนค้าขายผักใบเขียวสินะ?” คนขับหลิวกล่าว
“พี่ใหญ่หลิว นี่พี่เองก็มองออกด้วยเหรอครับ? ผมแสดงออกชัดเจนขนาดนั้นเลย?” จ้าวเหวินเทาประหลาดใจ
พี่ใหญ่หลิวยิ้ม “มันจะไปยากอะไร มาหมู่บ้านไท่ผิงทั้งทีไม่เรียนรู้การเพาะปลูกผักในโรงเรือนก็ต้องเป็นเพราะอยากเป็นตัวแทนค้าขายผักนั่นแหละ นายบอกว่าไม่ได้มาเรียนรู้การเพาะปลูกผักในโรงเรือน งั้นก็ต้องมาเพื่อเป็นตัวแทนขายผักอยู่แล้ว หรือนายจะบอกว่ามาเที่ยวเล่นล่ะ?”
เหล่าชวีโถวกล่าว “จริงด้วย งานแบบนี้แหละถึงจะเหมาะกับนาย”
“ลุง ตาถึงมากเลยนะเนี่ย!” จ้าวเหวินเทายกนิ้วโป้งให้ชายชราหน้าตาอัปลักษณ์คนนี้
เหล่าชวีโถวยิ้ม ก่อนจะพูดอย่างพึงพอใจ “ปีนี้ตาแก่แบบฉันก็อายุหกสิบกว่าแล้ว เฝ้าประตูให้ทีมใหญ่นี้มาตั้งแต่เล็ก ๆ ดูประตูมาตลอดทั้งชีวิต และได้เห็นคนมาทั้งชีวิต ใครก็ตามที่เดินผ่านแค่แว๊บเดียวก็รู้แบบไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแล้ว เด็กหนุ่มแบบนายแค่เห็นก็รู้แล้วว่าเป็นบุคคลที่มีความเฉลียวฉลาด เป็นคนทำการทำงาน”
“เหล่าชวีโถว เดิมทีน้องชายจ้าวก็เป็นคนใช้ได้อยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องให้ลุงมองหรอก ฉันว่าลุงดื่มเยอะไปแล้วนะ เลยเริ่มคุยโวโอ้อวดอีกแล้วเนี่ย” คนขับหลิวยิ้ม
เหล่าชวีโถวกล่าว “ดื่มแค่นี้จะไปเมาอะไร ดื่มมากกว่านี้ก็ไม่เป็นไร!”
เพิ่งจะพูดจบ ตาแก่อย่างเขาก็เอนตัวนอนลงบนเตียงสลบเหมือด
“นี่คงดื่มเยอะจริง ๆ สินะ?” จ้าวเหวินเทาพูดอย่างมีความสุข
คนขับรถหลิวดึงผ้าห่มหนึ่งผืนมาคลุมให้เขา “ใช่ ตาแก่นี่เวลาดื่มเยอะก็จะเป็นแบบนี้แหละ ไม่เป็นไร นอนสักหน่อยก็ดีขึ้นแล้ว เฮ้อ แต่ก็เป็นคนอาภัพคนนึงเลยนะ พ่อกับแม่ตายเพราะความหิว เขาเติบโตมาได้เพราะกินข้าวของเพื่อนบ้านในหมู่บ้านนี่แหละ นอนอยู่ในทีม ไม่ได้สร้างบ้านเป็นของตัวเอง เขามองว่าในทีมก็คือบ้าน ก็อยู่แบบนี้มาตลอดตั้งหลายปีแล้ว”
เห็นได้ชัดว่าเขาเข้าใจสถานการณ์ของเหล่าชวีโถวเป็นอย่างดี
จ้าวเหวินเทาเองก็ถอนหายใจเช่นกัน แต่ก่อนหน้านี้ในยุคนั้นก็เป็นแบบนั้น การใช้ชีวิตไม่ดีเลยจริง ๆ
“ตาแก่ปากไม่ดี แต่ใจดีนะ อย่างอื่นไม่ดี แต่เรื่องดื่มนี่เก่งเชียว ถ้านายมาก็เอาเหล้ามาให้เขาสักหน่อย เหล้าอะไรก็ได้ เขาไม่เลือกหรอก” คนขับรถหลิวชี้แนะ
พูดแบบนี้ จ้าวเหวินเทาก็คิดว่าเหล่าหลิวคนนี้ก็เป็นคนมีน้ำใจ เขาพยักหน้า “ลุงพูดถูกนะ ฉันมาก็เพื่อเป็นตัวแทนขายผักนั่นแหละ คงต้องรบกวนเขาอีกมาก ครั้งหน้าจะเอาเหล้ามาให้เขาแน่นอน แต่ไม่รู้ว่าเลขาของทีมใหญ่จะไม่พอใจรึเปล่า?”
คนขับหลิวหัวเราะ “เรื่องนี้นายไม่ต้องห่วง อีกฝ่ายเป็นคนมองการณ์ไกลนะ เขาก็หวังเป็นอย่างมากที่จะมีคนแบบนายมาที่นี่ ยิ่งมากก็ยิ่งดี ผักของพวกเขาไม่ต้องออกไปข้างนอกก็ขายออกแล้ว นอกจากผักยังมีพวกไก่เป็ดแล้วก็หมูด้วยนะ ตามคำกล่าวของเลขา คนแบบพวกนายก็คือเจ้าของทอง[1] เลยล่ะ!”
จ้าวเหวินย่อมรู้สึกดีใจ เมื่อได้ฟังคำนี้แล้ว ก็ตระหนักได้ว่าตนเป็นผู้นำทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่
“มา ขอบคุณพี่ใหญ่หลิวมากนะที่สอนฉันมากมายขนาดนี้!” จ้าวเหวินเทายกจอกเหล้าขึ้นมา
คนขับหลิวก็ยกถ้วยเหล้าขึ้นมาชนกับเขา “ขอให้น้องชายร่ำรวย ชน!”
ก่อนที่จ้าวเหวินเทาจะมา เขาได้บอกเย่ฉูฉู่แล้วว่าจะไปหมู่บ้านไท่ผิง ระยะทางนั้นห่างไกลนัก คงกลับมาไม่ทันในตอนค่ำ เย่ฉูฉู่เองก็บอกกับคุณแม่ที่เข้ามาถามไถ่ไปรอบหนึ่ง แต่ก็กังวลว่าที่นั่นจะมีอะไรให้รับประทานหรือไม่
“ไม่ต้องห่วงหรอก ต่อให้หิวก็ไม่มีใครทำให้เขาหิวได้” คุณแม่จ้าวได้ยิน ก็ย้อนคำปลอบใจมาที่ลูกสะใภ้ของนาง
เย่ฉูฉู่รู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนมีความสามารถ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ดูแลตัวเองเป็นอย่างดี เพียงแต่เธอเป็นกังวลนิดหน่อย เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เดินทางไกล
“คุณแม่คะ งั้นคุณแม่ก็รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่จ้าวยิ้ม “ตกลง เธอเองก็นอนเร็ว ๆ นะ ตอนนี้อากาศหนาวจริง ๆ เลย”
เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ฉันทราบแล้วค่ะ”
คุณแม่จ้าวเห็นว่าเธอฉลาดมีไหวพริบ จึงแอบพยักหน้าอย่างพึงพอใจอยู่ภายในใจ เหล่าลิ่วเป็นคนโชคดี ได้แต่งงานกับภรรยาที่รักเขาสุดหัวใจขนาดนี้ นางจึงพูดอีกสองประโยคว่า “หนุ่ม ๆ ลำบากหน่อยไม่เป็นไรหรอก ถ้าทำเรื่องเป็นจริงเป็นจัง ก็ปล่อยให้เขาทำไปเถอะ ผู้ชายจะให้ขลุกตัวอยู่แต่ในบ้านไม่ได้ ควรจะออกไปทำอะไรสักหน่อย”
ตอนนี้กระแสนิยมของสังคมไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้แล้ว ทุกคนต่างก็โยนอาหารลงดิน มีสักคนหนึ่งออกจากประตูเพื่อไปลองก็นับว่าไม่เลวเลย
นี่เป็นสิ่งที่คุณพ่อจ้าวบอกกับคุณแม่จ้าว นางมาคิด ๆ ดูแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเช่นนี้จริง ๆ ดังนั้นจึงไม่ได้คัดค้านขนาดนั้นแล้ว ต่อให้ล้มเหลวอย่างมากก็ยังกลับบ้านมาทำนาได้ ขาดทุนก็ไม่ได้มากมายอะไร อายุยังน้อยไม่กลัวขาดทุนหรอก
เมื่อได้ฟังคำพูดของแม่สามี เย่ฉูฉู่ก็อดถอนหายใจไม่ได้ “พูดแบบนี้ก็ถูกค่ะ แต่ตอนนี้อากาศหนาวแล้ว เขาก็ยังเทียวไปเทียวมาได้ทุกวัน” ระหว่างพูดก็ถามไปว่า “คุณแม่คะ แม่ว่าฉันสามารถทำอะไรเพื่อช่วยเขาได้บ้างไหมคะ?”
คุณแม่จ้าวกล่าวอย่างปลื้มใจ “เธอจัดการอาหารการกินในบ้านให้เขาดี ๆ ก็นับว่าดีมากแล้ว”
ทว่าเย่ฉูฉู่กลับวางแผนอย่างจริงจัง
กล่าวถึงทางฝั่งหมู่บ้านไท่ผิง สถานที่แห่งนี้หารถได้ง่ายมาก โดยเฉพาะรถที่ไปในเมือง เหล่าชวีโถวรู้สึกถูกโฉลกกับเขา จึงบอกว่าเรื่องนี้ให้เป็นหน้าที่ของเขาเอง ถึงอย่างไรเขาก็เกิดและโตที่นี่ ย่อมคุ้นเคยอยู่แล้ว
จ้าวเหวินเทาเองก็เชื่ออีกฝ่าย หลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วเขาก็เดินเตร็ดเตร่ในหมู่บ้านต่อ เดินเล่นรอบนี้เขาไม่ได้ดูอย่างเดียว แต่ยังตัดสินใจจะซื้อผักใบเขียวกลับไปด้วย
มาช้าไปหนึ่งวัน ต่อให้มาหาประสบการณ์แต่ก็ต้องกู้คืนความสูญเสียกลับมา
อยู่บ้านประหยัดอดออม แต่เมื่อออกจากบ้านก็ต้องพกเงินติดตัวให้พอใช้ ภรรยาของเขาให้เงินมา 10 หยวน ซึ่งการเดินทาง อาหารการกิน และที่พักอาศัยล้วนไม่ต้องใช้เงิน เงินจำนวน 10 หยวนนี้จึงยังอยู่ในกระเป๋าเป็นอย่างดี จ้าวเหวินเทาจึงตัดสินใจที่จะใช้เงินสิบหยวนนี้ซื้อผักใบเขียวและนำไปขายในเมือง
เหล่าหลิวสนับสนุนเขาเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่สนับสนุนเท่านั้น ทั้งยังมอบเงินให้เขา 5 หยวนด้วย “จะนำผักเข้าเมืองก็ต้องเอาเข้าไปให้มากหน่อย ฉันมีเงินติดตัวอยู่ห้าหยวน นายเอาไปใช้ก่อน แล้วค่อยมาคืนฉันวันหลัง”
จ้าวเหวินเทาซึ้งใจ แต่ก็ไม่ได้รับไว้
ทว่าเหล่าหลิวกลับนึกฉุน “ไอ้หนุ่มนี่อย่ามัวแต่ชักช้าอืดอาด ฉันให้เงินก็รับไป อีกอย่างฉันก็รู้จักบ้านนาย นายหนีไม่รอดหรอก!”
จ้าวเหวินเทายิ้ม “พี่ใหญ่หลิวไม่กลัวว่าที่ผมพูดไปเป็นเรื่องโกหกเหรอ?”
พี่ใหญ่หลิวโบกมือ “งั้นนายก็คงดูถูกฉันเกินไปหน่อยแล้ว ฉันไม่เคยไปเมืองใหญ่มาก่อน แต่ละแวกใกล้เคียงฉันคุ้นเคยมาก นายพูดเรื่องจริงหรือโกหกมีเหรอที่ฉันจะไม่รู้?”
จ้าวเหวินเทาเองก็ทราบดี คนที่ออกมาทำงานบ่อย ๆ เหมือนกับพี่ใหญ่หลิว สายตาเฉียบคม ไม่ใช่คนที่เขาจะเปรียบเทียบได้
“ได้ งั้นผมจะเขียนสัญญายืมเงินสักฉบับ…”
“เขียนสัญญายืมเงินอะไร ไม่ต้องใช้สิ่งนี้หรอก” จ้าวเหวินเทาเพิ่งพูด เหล่าหลิวก็โบกมือก่อนจะไปพลิกหน้าดิน
จ้าวเหวินเทารู้สึกจิตใจร้อนผ่าว ภายในใจยืนยันได้ว่าเหล่าหลิวคนนี้คือเพื่อนของเขาแล้ว
เขานำเงิน 15 หยวนซื้อผักใบเขียวเข้าเมืองหนึ่งชุด ซื้อมาอย่างละนิดอย่างละหน่อยเกือบจะทุกชนิด ยังไม่ถึงช่วงเที่ยงเหล่าชวีโถวก็หารถให้เขาได้แล้ว
เงินทั้งหมดที่จ้าวเหวินเทามีถูกนำไปซื้อผักทั้งหมดแล้ว ในกระเป๋าจึงว่างเปล่า เขาพูดกับเหล่าชวีโถวว่า “ลุง ครั้งหน้าผมซื้อเหล้ามาให้ลุงแน่นอน ครั้งนี้ผมติดลุงไว้ก่อนนะ”
……………………………………………………………………
[1] เจ้าของทอง (金主) คนมั่งมี มีอันจะกิน
สารจากผู้แปล
ลุงแกมองเฉียบจริง ๆ ดูออกว่าเหวินเทาไม่เหมาะจะมาทำไร่ทำสวน เหมาะจะเป็นพ่อค้ามากกว่า
เหวินเทามาไม่เสียเที่ยวจริง ๆ ค่ะ มาแล้วก็ขายผักเลย
ไหหม่า(海馬)