เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 79 อยากมีลูก
พี่ใหญ่เย่และพี่รองเย่อาศัยอยู่ที่ห้องทางปีกตะวันออกและปีกตะวันตก
เย่หมิงเป่ยที่เป็นลูกชายคนสุดท้องนอนอยู่ที่ห้องทางฝั่งตะวันตกตรงข้ามห้องพ่อแม่ เตียงเตาถูกเผาให้ร้อนอยู่ตลอด ทำให้ห้องที่เย่หมิงเป่ยอาศัยอยู่เป็นที่แวะเวียนเข้าออกไม่ขาดสาย ภายในห้องจึงไม่เงียบเหงาแม้แต่น้อย
เย่หมิงเป่ยไปหยิบไม้แล้ว โจวหมิ่นอาศัยแสงไฟสลัวจากตะเกียงกวาดมองไปรอบ ๆ ห้อง
มีโต๊ะอยู่ข้างกำแพงทางทิศตะวันตกของเตียงนอน ด้านบนมีที่ใส่ปากกาของหล่อน มีดินสอและปากกาเสียบอยู่ ด้านข้างยังมีปากกาหมึกซึม ข้างโต๊ะเป็นห้องครัว แม้ว่าจะเก่า แต่ก็ถูกเช็ดถูจนสะอาดสะอ้าน ข้างในมีหนังสือและเอกสารเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยของหล่อนวางอยู่ ทั้งหมดล้วนถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ
ผนังด้านทิศตะวันตกมีกล่องสีแดงคู่หนึ่งที่พวกเขาขอให้ช่างไม้ทำให้ตอนแต่งงาน ด้านบนเป็นกระจกโต๊ะเครื่องแป้งของหล่อน ด้านข้างมีครีมโหยวอี้หนึ่งกระปุก
ทุกอย่างเหมือนกับตอนที่หล่อนอยู่ทุกประการ ขอบตาของโจวหมิ่นจึงแดงก่ำอีกครั้ง
เย่หมิงเป่ยเข้ามาเห็นหล่อนยังคงยืนอยู่ที่เดิม จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำไมถึงยังยืนอยู่ล่ะ รีบขึ้นเตียงสิ เตียงร้อนแล้ว ตอนค่ำแม่เผาฟืนไปไม่น้อยเลยนะ”
หล่อนมองดูตาทึ่มคนนี้ โชคดีที่สวรรค์มีตา ชาตินี้และทั้งหมดนี้หล่อนยังมีเวลา!
โจวหมิ่นขจัดอารมณ์เศร้าหมองออกไป
“ห้องอุ่นขึ้นมากแล้ว ฉันไม่หนาวสักนิดเลยค่ะ” โจวหมิ่นกล่าวขณะถอดเสื้อคลุมขนสัตว์สีแดงเข้มออก จากนั้นนำไปแขวนไว้ที่ตะปูตรงผนังห้อง
เย่หมิงเป่ยก่อกองไฟอย่างรวดเร็ว เขาเติมฟืนเข้าไป เพียงไม่นานเตาอุ่นเตียงก็กระจายความร้อนออกมา
“มาผิงไฟกันเถอะครับ” เย่หมิงเป่ยเรียกภรรยาของเขา
โจวหมิ่นเดินมานั่งตรงขอบเตียง เตาและเตียงรวมเข้าด้วยกัน ปล่องควันและเตียงก็ไปทางเดียวกัน ขอบเตียงอุ่นมาก เย่หมิงเป่ยนั่งตรงเตาทางด้านนั้น และมองมายังภรรยาที่สวยงามราวกับนางฟ้าของตัวเอง
“ดูท่าทางซื่อบื่อนั้นของคุณสิ มองอะไรนักหนา มีอะไรน่ามองกันคะ” โจวหมิ่นถูกสายตาคู่นั้นมองจนร่างกายอ่อนระทวย จึงกล่าวอย่างแง่งอน
เย่หมิงเป่ยมองดวงตาสุกสกาวที่กำลังเขินอายเจือโกรธเคืองคู่นั้นของภรรยา ไม่ต้องพูดถึงความรู้สึกในใจเลย
คุณแม่เย่เข้ามาในห้องพร้อมกับบะหมี่ นางรู้สึกสงสัยเล็กน้อย สงสัยอะไรน่ะเหรอ?
ก็สงสัยว่ากลิ่นหอมหวานที่ฟุ้งกระจายทั่วห้องนี้มาจากไหนน่ะสิ!
แต่นางก็มีประสบการณ์แล้ว จึงกล่าวเสียงเรียบ “ขึ้นรถกินเกี๊ยวลงรถกินบะหมี่ รีบมากินเถอะ กินเสร็จแล้วก็เอาถ้วยไปวางบนที่วางหม้อ ไม่ต้องล้างนะ”
“ขอบคุณมากนะคะคุณแม่” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เย่หมิงเป่ยรับถ้วยบะหมี่สองถ้วยใหญ่มาจากคุณแม่เย่ “แม่ แม่ไปนอนเถอะ เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง”
“ได้ พวกเธอก็รีบ ๆ นอนล่ะ” คุณแม่เย่ก็ไม่อยากอยู่นาน การห่างกันช่วงสั้นเพื่อมาหวานชื่นกันใหม่ไม่ใช่เรื่องตลกเลย นางไม่อยากอยู่เป็นก้างขวางคอแล้ว!
บะหมี่สองถ้วยใหญ่ โปะหน้าด้วยไข่ดาวอีกสี่ฟอง และผักกาดขาวหั่นซอย แค่ได้เห็นก็ทำให้คนเกิดความรู้สึกอยากอาหารแล้ว
“หมินหมิ่น หิวแล้วใช่ไหม รีบกินสิ” เย่หมิงเป่ยกล่าว
“กว่าจะได้กินมื้อเที่ยงก็สายแล้ว จะไปหิวได้ยังไงล่ะคะ” โจวหมิ่นลากเก้าอี้ไม้ที่อยู่ใต้โต๊ะออกมาให้เขา ส่วนตัวเองนั่งอยู่ตรงขอบเตียง “คุณหิวแล้วสินะ?”
“นิดหน่อย” เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยรอยยิ้มขณะมองไปที่หล่อน
“แล้วทำไมไม่รีบกินล่ะคะ ยังจะยิ้มโง่ ๆ เหมือนกับคนซื่อบื่ออยู่นั่นแหละ” โจวหมิ่นถูกเขามองจนหน้าแดงระเรื่อเล็กน้อย
เย่หมิงเป่ยจึงนั่งลง หยิบตะเกียบขึ้นมาและลงมือรับประทาน
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว ทั้งสองจึงล้างหน้าแปรงฟันแบบง่าย ๆ และขึ้นนอนบนเตียง
“ภรรยา ผมคิดถึงคุณนะ” เย่หมิงเป่ยมองแสงไฟอันสลัวราง ขณะกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
โจวหมิ่นเองก็มีอารมณ์ร่วมด้วยอย่างมากเช่นกัน เวลาล่วงเลยไปหลายปี หล่อนก็ได้กลับมานอนกับผู้ชายที่หยาบกระด้างคนนี้อีกครั้ง บนเตียงในฤดูหนาวนี้ ไม่เพียงแต่เตียงที่ร้อนระอุ ร่างกายของหล่อนก็ร้อนผ่าวเช่นกัน
“อือ” โจวหมิ่นตอบรับเบา ๆ เสียงนี้แผ่วเบาราวกับน้ำ เกรงว่าแม้แต่คิงคอง(1)ได้ฟังก็ยังต้องอ่อนระทวย
ย่อมไม่ต้องกล่าวถึงเย่หมิงเป่ยที่เป็นเพียงผู้ชายธรรมดา
หลังจากหยั่งเชิงระยะสั้นไปอีกครั้ง ก็พบว่าภรรยาของเขาขยิบตาเบาๆ ไม่ได้ต่อต้านเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังตอบรับเป็นอย่างดี เขาจึงกลายเป็นหมาป่าแล้ว
ไม่ได้เจอภรรยาของเขามานานขนาดนี้ ถ้าเขายังคงเฉยเมยก็คงเป็นหลิ่วเซี่ยฮุ่ย(2)แล้วล่ะ แบบนั้นก็ไม่ใช่ผู้ชายสามัญแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ชายสามัญ และแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว!
เพียงแต่ในจังหวะสำคัญนั้นเอง โจวหมิ่นได้อ่อนระทวยกลายเป็นแอ่งน้ำไปแล้ว หล่อนเองก็เตรียมพร้อมการมาเยือนของเขา ทว่าเขากลับหยุดลง จากนั้นก็วิ่งไปหยิบถุงยางอนามัยมา
“คุณ คุณทำอะไรน่ะคะ?” โจวหมิ่นชะงักงัน
“ผม…ผมไปโรงพยาบาลมา เพื่อไปเอาอุปกรณ์คุมกำเนิดอันนี้” เย่หมิงเป่ยกล่าวด้วยใบหน้าแดงก่ำ ภรรยาของเขาจะคิดว่าเขาเป็นคนไม่เอาถ่านหรือเปล่านะ คิดไม่ถึงเลยว่าขณะจะมีอะไรกับหล่อนเขายังคิดไปหยิบสิ่งนี้มา
“คุณ…ไม่อยากมีลูกเหรอ?” โจวหมิ่นอดไม่ได้ที่จะมองเขา
“จะมีได้ยังไง คุณยังต้องไปเรียนหนังสือนะ จะมาท้องตอนนี้ได้ยังไง?” เย่หมิงเป่ยกล่าว ถ้าหล่อนท้องแล้วชีวิตการเรียนของหล่อนล่ะ?
โจวหมิ่นขอบตาแดงระเรื่อ ผู้ชายคนนี้ไม่ว่าตอนไหนก็คิดถึงหล่อนก่อนเสมอ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะคิดเพื่อหล่อนเสมอ
“หมิงเป่ย ฉันอยากอยู่กับคุณโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้นนะ” โจวหมิ่นโยนถุงยางทิ้ง ขณะกระซิบบอกเขา
เย่หมิงเป่ยกลืนน้ำลาย กล่าวว่า “หมินหมิ่น ถ้าคุณท้องขึ้นมาจะทำยังไง?”
“ถ้ามีก็คลอดเขาออกมาสิคะ ฉันจะหยุดเรียนสักสองเดือนเพื่อคลอดลูก ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว รอให้ลูกคลอดออกมาค่อยส่งไปที่บ้านให้แม่ช่วยเลี้ยงให้ก็ได้” โจวหมิ่นกล่าวเสียงเบา “หมิงเป่ย คุณไม่อยากมีลูกเหรอ พวกเรายังไม่มีลูกเลยนะ ฉันอยากมีลูกสักคน คุณช่วยฉันหน่อยได้ไหม”
เย่หมิงเป่ยทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
คืนนี้ถูกกำหนดไว้แล้วว่าคงต้องอดตาหลับขับตานอนสักหน่อย
วันที่หิมะตกอากาศก็จะหนาวเหน็บ โดยเฉพาะตอนกลางคืนที่อุณหภูมิลดต่ำถึง -30 องศาเซลเซียสจนทำให้น้ำค้างกลายเป็นน้ำแข็ง แต่ถ้าได้นอนบนเตียงเตาที่ร้อนระอุควบคู่กับบุรุษผู้เร่าร้อน แบบนั้นคงเพลิดเพลินไม่น้อย
เย่ฉูฉู่ซบหน้าอกจ้าวเหวินเทาพลางกล่าวว่า “แม่ของฉันบอกว่าวันนี้พี่สะใภ้สามของฉันจะกลับมาแล้ว ไม่รู้ว่าพี่สามของฉันจะรับพี่สะใภ้สามมาหรือยังนะคะ”
จ้าวเหวินเทากอดภรรยาตัวหอม ๆ ผิวนุ่มนิ่มพลางกล่าวว่า “ต้องรับกลับมาอยู่แล้วล่ะ ถ้าพี่สะใภ้สามของคุณไม่กลับมาก็คงไม่เรียกพี่สามของคุณให้ไปรับหรอก ถ้าเรียกไปรับแล้วไม่กลับมา แบบนั้นก็เท่ากับเล่นกับความรู้สึกคนไม่ใช่เหรอ สมองของพี่สะใภ้สามคงต้องโดนลาเตะแล้วล่ะถึงได้กลายเป็นแบบนั้น”
“คุณพูดไร้สาระอีกแล้วนะคะ” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “พี่สะใภ้สามของฉันไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย ฉันแค่คิดไม่ถึงว่าพี่สะใภ้สามจะกลับมา อันที่จริงที่บ้านของฉันก็ไม่มีใครคิดว่าจะกลับมา มีแต่พี่สามของฉันนั่นแหละที่เชื่อว่าพี่สะใภ้สามจะต้องกลับมา”
“อันที่จริงในใจของพี่สามคุณก็ไม่ค่อยเชื่อนักหรอก” จ้าวเหวินเทากล่าวความในใจของพี่ชายสามของเธอ “เขาก็แค่ทำเป็นเข้มแข็งเท่านั้นแหละ”
เย่ฉูฉู่ตีเขา “ทีเรื่องของพี่ชายฉันรู้ดีเชียวนะ แล้วถ้าเป็นคุณล่ะ คุณเจอแบบนี้จะทำยังไง?”
“ผมยังไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้ ภรรยาผมก็ยังอยู่กับผมที่นี่ไม่ใช่เหรอ” จ้าวเหวินเทาตีก้นเย่ฉูฉู่
เย่ฉูฉู่แอบหยิกเขาเบา ๆ
“เอาล่ะ ๆ ผมไม่พูดถึงพี่ชายของคุณแล้ว หากคุณไม่สบายใจ งั้นพรุ่งนี้พวกเราก็ไปหาสิ หยิบผักที่อยู่ในห้องใต้ดินกลับไปสักสองสามหัว เอาไปให้พี่สะใภ้ของคุณชิมด้วย” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยรอยยิ้ม
ก่อนที่หิมะจะตก จ้าวเหวินเทาได้ไปหมู่บ้านไท่ผิงมาสองรอบแล้ว รอบแรกเอาเหล้าไปให้และคืนเงิน เพราะพี่ใหญ่หลิวยังต้องพลิกหน้าดินอีกสองวัน เขาจึงไปอีกหนึ่งรอบ เขาซื้อผักใบเขียวกลับมาทั้งสองครั้ง นอกจากเหลือไว้ให้จงย่งบางส่วน ส่วนที่เหลือก็ถูกเหมาเกลี้ยงโดยเสี่ยวหวังคนที่ขายผักให้เขาครั้งแรกคนนั้น
…………………………………………………………………………
วานรยักษ์ในภาพยนตร์อเมริกัน ฉายครั้งแรกเมื่อปี 1933 ในชื่อเรื่อง King Kong
นักปราชญ์จีนผู้หนึ่งในสมัยชุนชิวจ้านกั๋ว ได้ชื่อว่าเป็นชายที่มีคุณธรรมและมีจิตใจแน่วแน่มั่นคง มีหญิงสาวอยู่ในอ้อมกอดก็ไม่ล่วงเกินต่อนาง
สารจากผู้แปล
แปลตอนนี้แล้วหน้าเห่อร้อน เขินตัวม้วนเป็นกุ้งต้มไปแล้วค่ะ น่ารักกันทั้งสองคู่เลย
ไหหม่า(海馬)