เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 85 กะล่อน
ตอนที่ 85 กะล่อน
โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม “คุณแม่ ฉูฉู่เปลี่ยนไปมากเลยนะคะ วันนี้ที่พูดคุยกันก็ดูอ่อนโยนขึ้น ฉันได้เจอแล้วก็รู้สึกว่าหาได้ยากมากเลย”
คุณแม่เย่อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ไม่ต้องรอให้ลูกสะใภ้สามพูดถึงลูกสาวของนางหรอก แม้แต่ตัวหล่อนเองก็เปลี่ยนไปไม่น้อยเหมือนกันไม่ใช่เหรอ?
ก่อนหน้านี้โจวหมิ่นไม่ยินดีที่จะทำกิจกรรมร่วมกับคนในบ้าน กลับมาคราวนี้ นางเห็นแล้วก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก รู้สึกได้ว่าหล่อนกลมกลืนเข้ากับตระกูลเย่แล้ว
“คุณแม่คะ ฉันเอาของขวัญมาให้ทุกคนด้วย มีของพวกพี่สะใภ้ด้วยนะ มีของทุกคนเลย พวกเราไปแบ่งของกันเถอะค่ะ ดูว่าทุกคนจะชอบกันหรือเปล่า” โจวหมิ่นแย้มยิ้ม
คุณแม่เย่รีบกล่าว “มีน้ำใจก็พอแล้วล่ะ จะจ่ายเงินพวกนั้นไปทำไมกัน? เธอยังเรียนอยู่นะ เงินของตัวเองพอใช้เหรอ?”
“ฉันทำงานหาเงินได้แล้วค่ะ ฉันร่วมออกแบบเสื้อผ้ากับเพื่อนไว้ขาย ได้เงินมาไม่น้อยเลย” โจวหมิ่นกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
หล่อนหยิบของขวัญออกมาจากกระเป๋า เป็นเพราะถือมาไม่สะดวก คนในบ้านก็มีจำนวนมาก ของที่นำกลับมาจึงเป็นของที่มีประโยชน์ทั้งหมด และหล่อนก็นำผ้ากลับมาให้พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รอง
คุณพ่อเย่และคุณแม่เย่นอกจากจะได้ผ้าแล้ว แต่ละคนยังได้กางเกงฤดูใบไม้ร่วงหนา ๆ หนึ่งตัว ถุงเท้าสองคู่และรองเท้าหนึ่งคู่ และหมวกอีกหนึ่งใบ เรียกได้ว่ามีตั้งแต่หัวจรดเท้า ทั้งด้านในจนถึงด้านนอกมีครบทั้งหมด
ประเพณีโดยทั่วไปของทางฝั่งนี้ลูกชายจะดูแลพ่อแม่ยามแก่เฒ่า ส่วนลูกสาวจัดการเรื่องเสื้อผ้า
แต่โจวหมิ่นรู้สึกละอายใจ ในเมื่อกลับมาแล้ว หากทุ่มเทอย่างเต็มความสามารถได้หล่อนก็จะทำอย่างเต็มที่
“หมินหมิ่น ทำไมเธอถึงซื้อของมาเยอะขนาดนี้? ใช้เงินไปเท่าไรกันเนี่ย?” คุณแม่เย่คิดไม่ถึงว่าหล่อนจะซื้อมามากมายขนาดนี้ จึงเอ่ยปากกล่าว
“คุณแม่คะ คุณแม่กับคุณพ่อเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้ว ปีใหม่แล้วก็ควรจะเปลี่ยนของใหม่นะคะ” โจวหมิ่นกล่าวเคล้ารอยยิ้ม
เย่หมิงเป่ยไม่ได้พูดอะไร เขาเอาแต่มองภรรยาของตนเองด้วยรอยยิ้ม
โจวหมิ่นบอกให้แม่สามีลองสวมใส่ดู
คุณแม่เย่ก็ไม่ได้อิดออด ในเมื่อซื้อมาแล้วก็รับไว้อย่างใจกว้าง
พี่สะใภ้ใหญ่เย่และพี่สะใภ้รองเย่ได้รับผ้ามาก็ดีใจมากเช่นกัน หลายปีมานี้พวกหล่อนไม่ได้ใส่เสื้อผ้าชุดใหม่เลย ปีนี้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ล้วนได้เปลี่ยนมาใส่เสื้อใหม่กันทั้งหมด
แต่เมื่อเห็นโจวหมิ่นซื้อมาให้พ่อแม่สามีมากขนาดนั้น ภายในใจก็แอบพึมพำเช่นกัน พวกหล่อนที่เป็นลูกสะใภ้เหมือนกัน ก็ต้องแสดงน้ำใจในปีใหม่นี้ด้วยสินะ?
โจวหมิ่นเอ่ยปากพูดแล้ว ทั้งยังหยิบต่างหูทองคู่หนึ่งออกมาโดย หล่อนยื่นให้คุณแม่เย่พลางกล่าว “คุณแม่คะ นอกจากของชิ้นอื่น ๆ ต่างหูทองคู่นี้ฉันตั้งใจทำเพื่อมอบให้คุณแม่โดยเฉพาะเลยนะคะ”
พี่สะใภ้ใหญ่เย่และพี่สะใภ้รองเย่ถึงกับอ้าปากค้าง พวกหล่อนคิดไม่ถึงเลยว่าบ้านเจ้าสามจะซื้อเครื่องประดับทองด้วย!
สู้ไม่ได้ๆ พวกหล่อนไม่ขอทำตามแล้วกันนะ
“เด็กคนนี้” คุณแม่เย่เองก็คิดไม่ถึง นางมองภรรยาของบ้านเจ้าสาม
“แม่ หมินหมิ่นซื้อกลับมาแล้ว แม่ก็รับไว้เถอะ” เย่หมิงเป่ยกล่าว
“คุณแม่รับไว้นะคะ” โจวหมิ่นกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่เย่พยักหน้าและรับไป ทว่านางเองก็เอ่ยถามเช่นกันว่าวิธีการทางธุรกิจเสื้อผ้าที่ลูกสะใภ้สามทำอยู่ด้านนอกเป็นแบบใด?
พี่สะใภ้ใหญ่เย่และพี่สะใภ้รองเย่ก็เงี่ยหูฟังด้วยเช่นกัน
จากนั้นก็ได้ยินสะใภ้บ้านสามเล่าแบบง่าย ๆ ไปหนึ่งรอบ แม้ว่าจะพูดอย่างง่าย ๆ แต่พวกหล่อนก็พอจะทราบแล้วว่าบ้านเจ้าสามร่ำรวยแล้วล่ะ!
ไม่แปลกใจเลยที่หล่อนจะไม่ได้กลับมามือเปล่า ไปเรียนแล้วก็ยังทำเงินได้ด้วย!
ทุกคนต่างก็หยิบของขวัญของตัวเองกลับไป ตอนที่ภายในห้องเหลือแค่พวกเขาสองคน เย่หมิงเป่ยก็เปิดกล่องของขวัญที่ภรรยาซื้อกลับมาให้เขา
มันคือเสื้อกันหนาวและกางเกงบุขนสัตว์กันหนาว
“นี่ใช้ด้ายขนแกะบริสุทธิ์ ฉันตัดเย็บด้วยมือตัวเองเลยนะคะ” โจวหมิ่นมองเขา “แต่ตอนนี้ยังใส่ไม่ได้ ฤดูใบไม้ผลิปีหน้าถึงจะใส่ได้นะ”
ฤดูหนาวที่นี่ ต่อให้เป็นเสื้อกันหนาวขนสัตว์ที่บริสุทธิ์มากกว่านี้ก็ยังหนาวอยู่ดี มีเฉพาะกางเกงผ้าฝ้ายและแจ็คเก็ตผ้าฝ้ายเท่านั้นที่สามารถสู้กับลมเหนือได้
ส่วนเสื้อขนเป็ด สิ่งนั้นเป็นของที่มีราคาแพงเกินไป ยังซื้อไม่ได้จริง ๆ
“สวมใส่เสื้อที่ภรรยาเป็นคนเย็บก็อบอุ่นแล้ว ภรรยา คุณช่างแสนดีจริงๆ” เย่หมิงเป่ยมองภรรยาพลางกล่าว
“กะล่อนนักนะ” โจวหมิ่นหัวเราะเบา ๆ
“ภรรยา พวกเรานอนลงบนเตียงสักแป๊บสิ?” เย่หมิงเป่ยไม่อยากจะทนอีกต่อไปแล้ว เขาจึงเอ่ยปากกล่าว
โจวหมิ่นหน้าแดง หล่อนหยิกเอวเขาพลางกล่าว “เมื่อคืนก็ไม่ได้พักทั้งคืน ไม่กลัวเหนื่อยจนเอวเคล็ดบ้างหรือไงคะ?”
“งั้นรอคืนนี้ก็ได้” เย่หมิงเป่ยจึงทำได้เพียงแค่พูดไป
โจวหมิ่นหน้าแดงระเรื่อ หล่อนไม่สนใจเขาอีก
เมื่อคืนบุรุษหยาบกระด้างเล่นงานเสียจนแทบจะเอาชีวิตหล่อนไปอยู่แล้ว แต่หล่อนก็ทราบดี ว่าเขาเองก็ให้ชีวิตกับหล่อนเช่นกัน
ไม่ว่าจะชาติที่แล้วหรือชาตินี้
ในเวลานี้เย่ฉูฉู่และจ้าวเหวินเทาก็กลับมาถึงบ้านหลังน้อยของตนเองแล้วเช่นกัน
คุณแม่จ้าวเติมฟืนในเตาให้พวกเขา เตียงร้อนแล้ว ภายในห้องจึงไม่ได้หนาวเหน็บอะไร
จ้าวเหวินเทาเผาเตาแล้ว และรอไปครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกว่าอบอุ่นขึ้นเขาจึงกล่าวว่า “ภรรยา พี่สะใภ้สามกลับมาครั้งนี้ทำเอาพี่สามมีความสุขเชียวเห็นไหมครับ?”
เย่ฉูฉู่ยื่นมือออกไปบิดเขาเบา ๆ “คุณเลิกหยอกล้อพี่สามได้แล้ว”
จ้าวเหวินเทายิ้ม แต่มันก็มีเหตุผลนะ ไม่ได้เจอภรรยามาตั้งหลายปีแล้ว ย่อมมีความสุขอยู่แล้ว
เย่ฉูฉู่หยิบกระเป๋าออกมา ระหว่างที่เปิดก็พูดไปว่า “ฉันจะให้คุณดูของขวัญที่พี่สะใภ้สามเอากลับมาให้ฉันค่ะ”
จ้าวเหวินเทาชะโงกหน้าเข้ามาดู กล่าวว่า “นี่คืออะไรเหรอ มีกลิ่นหอมแปลก ๆ ด้วย?”
“นี่คือน้ำหอม พี่สะใภ้สามซื้อมาให้ฉันโดยเฉพาะเลยนะ” เย่ฉูฉู่ฉีดลงบนมือเล็กน้อย และให้จ้าวเหวินได้ดมกลิ่น
จ้าวเหวินเทาดมไปฟอดหนึ่ง กล่าวว่า “หอมเกินไปมั้งเนี่ย?”
เย่ฉูฉู่ยิ้ม พี่สะใภ้สามบอกว่าตั้งใจซื้อมาให้เธอโดยเฉพาะ เพื่อให้จ้าวเหวินเทาหลงใหลในตัวเธอ
จากนั้นเย่ฉูฉู่ก็หยิบผ้าออกมาอีก “พี่สะใภ้สามซื้อผ้ามาให้พวกเราคนละผืนด้วยนะคะ เอาไว้ตัดชุดสำหรับปีใหม่”
เย่ฉูฉู่ จ้าวเหวินเทา พี่สะใภ้และพี่ชายทั้งสองก็ได้รับของขวัญแบบเดียวกัน เพียงแต่เย่ฉูฉู่เป็นน้องสาวคนเล็กในตระกูลเย่ ต่อให้ได้มากกว่าพี่ชายและพี่สะใภ้ก็พูดอะไรไม่ได้อยู่ดี
อีกอย่างน้ำหอมก็ไม่เหมาะกับพวกพี่สะใภ้ใหญ่เย่และพี่สะใภ้รองเย่ แต่เหมาะกับเย่ฉูฉู่ที่ใช้ชีวิตอย่างสวยงาม
เย่ฉูฉู่นำคำพูดของพี่สะใภ้สามมาพูด “พี่สะใภ้สามถามว่าคุณอยากซื้อรถไหม? ถ้าอยากซื้อ พี่เขาจะให้คุณยืมเงินก่อน”
“พี่สะใภ้สามไปเอาเงินมากมายขนาดนี้มาจากไหนเนี่ย? ตอนนี้หล่อนยังเรียนไม่จบแถมยังไม่ได้ทำงานไม่ใช่เหรอ?” จ้าวเหวินเทากล่าวด้วยความแปลกใจ
เย่ฉูฉู่กล่าว “พี่สะใภ้สามยังเรียนไม่จบก็จริง แต่หล่อนตัดชุดเอง ทำเงินได้เยอะเลยนะคะ”
“หาเงินจากการตัดชุด?” จ้าวเหวินเทาไม่เข้าใจ
เย่ฉูฉู่นั่งลงข้าง ๆ จ้าวเหวินเทา พลางกล่าวขึ้นว่า “ชุดหนึ่งตัว ราคาสูงสุดคือหนึ่งร้อยกว่าหยวน ส่วนที่ถูกที่สุดก็มีราคาถึงสิบหยวนเชียวนะ แต่ชุดที่มีราคาสิบหยวน ขายครั้งหนึ่งสามารถขายได้หลายร้อยตัวเลย คุณลองคำนวณดูสิว่าได้เงินเท่าไร?”
จ้าวเหวินเทากลับสงสัย “หนึ่งร้อยกว่า? ใครกันที่สามารถซื้อเสื้อแพงขนาดนี้ได้?”
“พี่สะใภ้สามบอกว่าที่ตลาดในเมืองใหญ่มีคนรวยจำนวนมาก โดยเฉพาะพื้นที่บริเวณชายฝั่งทะเล พี่สะใภ้สามบอกว่าบางเมืองตามแนวชายฝั่งเปิดกว้างแล้วด้วย ทุกที่คือทอง อยู่ที่ว่าคุณจะไปหยิบมันหรือเปล่า” อันที่จริงเย่ฉูฉู่ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน เธอจึงพูดตามที่พี่สะใภ้สามบอกไว้
จ้าวเหวินเทานึกถึงช่วงเวลานี้ที่ตนเองวิ่งไปที่มณฑลเพื่อฟังข่าวเหล่านั้น รวมถึงหนังสือพิมพ์ที่พี่สาวทั้งสองคนเห็น ไม่ต่างอะไรกับที่โจวหมิ่นกล่าวไว้เลย
เพียงแต่ในส่วนของเสื้อผ้านี้ เขาไม่เข้าใจ แต่ในความเห็นของเขา เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็ไม่มีทางสู้ของกินได้อยู่ดี อย่างน้อย ๆ เขาก็คงไม่ยอมจ่ายเงินหนึ่งร้อยกว่าหยวนเพื่อไปซื้อเสื้อผ้าหรอก เอาไปซื้อเนื้อหอมกรุ่นดีกว่าตั้งเยอะ?
“เหวินเทา ฉันมีความคิดเห็นอยู่อย่างหนึ่ง” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ความคิดเห็นอะไรเหรอ?” จ้าวเหวินเทาตกใจจนสะดุ้งโหยง
“ฉันเห็นรูปเสื้อผ้าที่พี่สะใภ้สามออกแบบแล้ว รูปวาดบนกระดาษนั่น ฉันเองก็วาดได้เหมือนกันนะคะ” เย่ฉูฉู่พูดถึงตรงนี้ ดวงตาของเธอที่มองจ้าวเหวินเทาก็ยิ่งมองการณ์ไกลมากขึ้น
…………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านสามเย่ก็หวานไม่พัก ส่วนบ้านสามจ้าวก็จะมาจับธุรกิจอีกอย่างแล้ว
ไหหม่า(海馬)