เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零] - ตอนที่ 93 พี่สะใภ้สี่จ้าวจอมอวด
- Home
- เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]
- ตอนที่ 93 พี่สะใภ้สี่จ้าวจอมอวด
ตอนที่ 93 พี่สะใภ้สี่จ้าวจอมอวด
“หา?” พี่สะใภ้สามจ้าวไม่เข้าใจ
“คือว่า…อุ๊บ…” เย่ฉูฉู่รีบวิ่งออกไปด้านนอก เมื่อถูกลมหนาวที่อยู่ด้านนอกพัดจึงรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
พี่สะใภ้สามจ้าวเดินตามออกมา เมื่อเห็นเย่ฉูฉู่เป็นแบบนี้จู่ ๆ หล่อนก็นึกบางอย่างขึ้นได้ จึงกระซิบด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้หก อย่าบอกนะว่าเธอมีแล้ว?”
เย่ฉูฉู่มึนงง “มีอะไรเหรอคะ?”
พี่สะใภ้สามจ้าวหัวเราะร่า “จะมีอะไรอีก ลูกไงล่ะ ยังจะมีอะไรได้อีก!”
เย่ฉูฉู่ยังคงมึนงงเล็กน้อย ลูก นี่เธอมีลูกแล้วเหรอ? ไม่จริงมั้ง?
“น้องสะใภ้หก เดือนนี้รอบเดือนยังไม่มาสินะ?” พี่สะใภ้สามจ้าวถาม
คำพูดของพี่สะใภ้สามจ้าวทำให้เย่ฉูฉู่รู้สึกตัว ดูเหมือนว่ารอบเดือนของเธอจะไม่มานานมากแล้วนะ?
พอมาคำนวณดูก็รู้สึกว่ามันจะไม่มาเป็นเวลาสองเดือนแล้ว ช่วงนี้เธอทุ่มเทอยู่กับการออกแบบเสื้อผ้า ยังต้องฝึกวาดรูป และมีความคิดที่จะทำอาหารดี ๆ ให้จ้าวเหวินเทา จึงปล่อยปละละเลยตัวเองอย่างแท้จริง
หรือว่าตัวเธอเองจะมีแล้วจริง ๆ?
เย่ฉูฉู่ลูบท้องตัวเองโดยไม่รู้ตัว ในใจเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้ ซึ่งมันเปี่ยมไปด้วยความสุข
ดีจริง ๆ เธอจะมีลูกสืบสกุลให้เหวินเทาแล้ว เด็กคนนี้คือลูกของเธอกับเหวินเทา
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นเธอเป็นแบบนั้นจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องสะใภ้หก พรุ่งนี้เธอหาเวลาว่างไปหาหมอหน่อยนะ ถ้ามีแล้ว นี่คือลูกคนแรกของเธอเลยนะ จะประมาทไม่ได้”
เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ได้ค่ะพี่สะใภ้สาม พรุ่งนี้ฉันจะไปหาหมอ บางทีอาจจะเป็นเพราะฉันเบื่ออาหาร เลยคลื่นไส้ก็ได้”
เธอยังไม่ได้ไปตรวจที่โรงพยาบาลให้ชัดเจน จึงพูดได้ไม่เต็มปากเต็มคำ
พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พอคิด ๆ ดูพวกเธอน่าจะมีแล้วล่ะ”
เย่ฉูฉู่ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่
“รีบกลับไปเถอะ ตอนค่ำน้องสามีหกกลับมาก็บอกเขานะ บอกว่าพรุ่งนี้ให้เขาพาเธอไปหาหมอตรวจดูสักรอบ” พี่สะใภ้สามจ้าวกล่าว
เย่ฉูฉู่ก็ไม่กล้าอยู่ข้างนอกเป็นเวลานาน เพราะไม่อยากทำให้ร่างกายของตัวเองเย็น ตอนนี้ในท้องของเธออาจจะมีเจ้าตัวน้อยอยู่แล้วก็ได้
พี่สะใภ้สามจ้าวกลับห้องกล่าวกับพี่สามจ้าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าน้องสะใภ้หกจะมีลูกแล้วล่ะค่ะ”
“ไม่ใช่ลูกคุณสักหน่อย จะตื่นเต้นไปทำไม” พี่สามจ้าวได้ยินกลับกล่าวอย่างไม่แยแส “หล่อนเอาอะไรมาให้?”
พี่สะใภ้สามจ้าวได้ยินดังนั้นจึงชักสีหน้า กล่าวด้วยน้ำเสียงโมโห “ถึงจะพูดยังไงในท้องนั้นก็มีหลานชายหลานสาวของคุณอยู่นะ กว่าจะท้องได้ก็ไม่ใช่ง่าย ๆ แต่คุณกลับมีทัศนคติแบบนี้อีก? คนตาบอดแบบคุณไม่เคยเห็นอะไรดี ๆ เลยสักอย่าง!”
พี่สามจ้าวแค่นเสียงเย็น “เจ้าหกหาเงินได้มากขนาดนั้น ฉันที่เป็นพี่ชายป่วยขนาดนี้ เขายังไม่เอาของดีมาให้อีกเหรอ?”
ขณะที่กล่าว พี่สามจ้าวก็ลุกขึ้นนั่ง
พี่สะใภ้สามจ้าวเห็นเขาฝืนกำลังขนาดนี้ จึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญา “คนแบบคุณนี่มันจริง ๆ เลย”
จากนั้นหล่อนจึงหยิบเนื้อหมูสามชั้นที่เย่ฉูฉู่นำมาให้ออกมาให้เขาดู
เนื้อ?!
พี่จ้าวสามจับจ้องไปที่เนื้อ อย่ามองว่าเขาไม่เคยขายเนื้อแล้วจะหมายความว่าเขาไม่ชอบรับประทาน อันที่จริงเขาอยากรับประทานแทบตายอยู่แล้ว แต่เสียดายที่จะใช้เงินของตัวเองซื้อ ตอนนี้ได้เนื้อมารับประทานเปล่า ๆ เขาจึงรีบกล่าวขึ้น “เร็วเข้า ไปทำบะหมี่ให้ผมหน่อย ใส่เนื้อลงไปหน่อย ผมอยากกินบะหมี่เนื้อหมู!”
พี่สะใภ้สามจ้าวถึงกับอ้าปากค้าง ทว่าทั้งรู้สึกโกรธและขำ ดูคนหน้าไม่อายคนนี้สิ ดูเหมือนคนป่วยที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นผีตะกละตะกลามต่างหากล่ะ
ทางด้านเย่ฉูฉู่เมื่อกลับมา ก็เริ่มคิดเรื่องก่อนหน้านี้
นี่ก็สองเดือนกว่าแล้วสินะ?
เธอเองก็ไม่ได้แน่ใจมากนัก
“เหล่าจ้าวหกอยู่บ้านไหม?” มีเสียงดังมาจากประตูหลังบ้าน
เย่ฉูฉู่จึงออกไปดู ก็พบว่าเป็นป้าหลี่ที่อยู่ในหมู่บ้าน
“คุณป้าคะ เข้ามาข้างในเร็ว” เย่ฉูฉู่กล่าวเรียกด้วยรอยยิ้ม
ป้าหลี่ยิ้มหน้าบาน “ฉูฉู่ ฉันไม่เข้าไปข้างในหรอก ฉันมาซื้อผักใบเขียวนิดหน่อยน่ะ”
เย่ฉูฉู่ประหลาดใจ ป้าหลี่มาซื้อผักใบเขียว?
อย่ามองว่าจ้าวเหวินเทาจะซื้อขายผักใบเขียวมานาน เพราะในหมู่บ้านไม่มีใครซื้อแม้แต่คนเดียว คนในหมู่บ้านรับประทานผักใบเขียวในช่วงฤดูหนาวที่ไหนกันล่ะ? ถ้ามีเงินไปซื้อเนื้อหมูมารับประทานไม่ดีกว่าเหรอ!
ครอบครัวของป้าหลี่มีฐานะที่ดี มีกำลังทรัพย์ซื้อผักได้ แต่ไม่คิดว่าจะอีกฝ่ายจะเต็มใจซื้อขนาดนี้
ป้าหลี่คือใครน่ะเหรอ นางเป็นแม่ของหลี่เฉียจื่อผู้มีชื่อเสียงในหมู่บ้าน เป็นแม่สามีของแม่ม่ายหม่าคนที่รับประทานไก่ตอนตั้งครรภ์คนนั้น
ครอบครัวนางเลี้ยงไก่เป็นอาชีพ การซื้อผักใบเขียวจึงเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เย่ฉูฉู่คิดถึงเรื่องที่แม่ม่ายหม่ารับประทานไก่ก่อนหน้านี้ เป็นไปได้ไหมว่า…
“คุณป้าคะ พี่สะใภ้คลอดลูกแล้วสินะคะ?” เย่ฉูฉู่ถามด้วยรอยยิ้ม
ป้าหลี่เห็นว่าเธอเดาถูกจึงพยักหน้ายิ้ม “ใช่แล้ว คลอดลูกชายตัวจ้ำม่ำเมื่อคืนนี้เอง!”
คลอดลูกในวัยนี้ แถมยังเป็นเด็กผู้ชายอีก นางจะไม่ดีใจได้อย่างไรกัน?
“ยินดีด้วยนะคะคุณป้า!” เย่ฉูฉู่แย้มยิ้มแสดงความยินดี
ป้าหลี่ดีใจมากจนอดไม่ได้ที่จะพูดเพิ่มอีกสองสามประโยค “นี่เป็นบัญชาสวรรค์เลยนะ ครั้งแรกก็ให้เด็กชายตัวอ้วนจ้ำม่ำมาให้ฉันแล้ว ในช่วงอยู่เดือนนี้ ปากของหล่อนไม่รู้รสชาติเลย จึงอยากกินผักใบเขียวสักหน่อย ในหมู่บ้านนี้ก็มีแค่บ้านของเธอนี่แหละที่จะมีผักใบเขียว”
“ได้เลยค่ะ คุณป้า คุณป้ารอสักครู่นะเดี๋ยวฉันไปหยิบให้” เย่ฉูฉู่หันหลังเดินกลับไปในห้องใต้ดิน หยิบแต่ละชนิดมาส่วนหนึ่ง
ช่วงนี้จ้าวเหวินเทาซื้อผักใบเขียวมาน้อย แต่ก็จะเก็บไว้รับประทานเองทุกครั้ง ผักที่เย่ฉูฉู่หยิบออกมาคือผักใบเขียวที่เก็บไว้สำหรับรับประทานเอง
ถ้าเป็นของอย่างอื่นนางก็ไม่อยากจะคิดเงินหรอก แต่ผักใบเขียวในช่วงนี้มีค่ามาก สามีของเธอเองก็ลำบากขนาดนั้น ถ้าไม่คิดเงินก็คงไม่เหมาะสม แต่เธอก็คิดในราคาที่ถูกลง
เพื่อหลานชายแล้วป้าหลี่ย่อมจ่ายได้ นางซื้อผักใบเขียวทุกชนิดอย่างละนิดอย่างละหน่อย ทั้งหมดจ่ายไปห้าหยวนกว่า โดยไม่กะพริบตาเลยด้วยซ้ำ
“ฉูฉู่ สามวันหลังจากนี้พวกเธอก็มากินบะหมี่มงคลด้วยนะ!” ป้าหลี่เชิญเย่ฉูฉู่
ทางภูมิภาคนี้หลังจากคลอดสามวันหรือเจ็ดวันจะมีการจัดงานฉลอง ญาติสนิทมิตรสหายในละแวกจะนำของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ มาแสดงความยินดี
“ได้เลยค่ะคุณป้า สามวันหลังจากนี้ฉันจะไปแน่นอน” เย่ฉูฉู่กล่าวด้วยรอยยิ้ม อีกฝ่ายให้กำเนิดลูกชาย เธอย่อมอยากไปแสดงความยินดีอยู่แล้ว
ป้าหลี่ถือตะกร้าผักใบเขียวเดินจากไป
ในขณะนั้นเองพี่สะใภ้สี่จ้าวก็ถือขวดโหลเดินออกมาจากลานบ้าน ถามว่า “น้องสะใภ้หก เธอคุยกับใครเหรอ?”
“พี่สะใภ้สี่ พี่ไปทำอะไรมาเหรอคะ?” เย่ฉูฉู่หันกลับมาเห็นขวดโหลที่อยู่ในอ้อมแขนของพี่สะใภ้สี่ จึงย้อนถามกลับไป
พี่สะใภ้สี่จ้าวเริ่มอวด กล่าวว่า “เธอยังไม่รู้สินะ ไม่กี่วันนี้ฉันอยากกินอะไรเปรี้ยว ๆ ฉันก็เลยไปถนนหน้าบ้านยายซุนเพื่อสั่งพริกดอง พริกดองที่ยายซุนทำอร่อยมากเลยนะ น้องสะใภ้หกเธออยากกินไหม ให้ฉันแบ่งให้นิดหน่อยไหมล่ะ?”
“ฉันไม่กินล่ะค่ะ พี่สะใภ้สี่ พี่เก็บไว้กินเองเถอะ” เย่ฉูฉู่กล่าว
“คนที่เพิ่งไปคือป้าหลี่เหรอ?” พี่สะใภ้สี่จ้าวถาม
เย่ฉูฉู่พยักหน้า “ค่ะเป็นป้าหลี่ ลูกสะใภ้ของป้าเพิ่งคลอดลูกเมื่อคืน เป็นเด็กผู้ชายตัวจ้ำม่ำด้วยนะ ก็เลยมาซื้อผักใบเขียวนิดหน่อย”
“อะไรนะ? แม่ม่ายหม่าคลอดลูกแล้ว? แถมยังเป็นเด็กผู้ชายตัวจ้ำม่ำด้วย?” พี่สะใภ้สี่จ้าวไม่เชื่อหูตัวเองจึงรีบถามว่า “ตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ?”
เย่ฉูฉู่แอบรู้สึกอยากหัวเราะ พี่สะใภ้สี่คนนี้น่าสนใจจริง ๆ ถ้าไม่รู้คงคิดว่าหล่อนและแม่ม่ายหม่ามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน กล่าวว่า “เพิ่งคลอดเมื่อคืนนี้เองค่ะ”
“ฉันว่าแล้วเชียว คลอดเมื่อคืนนี่เอง” พี่สะใภ้สี่จ้าวกล่าว ทั้งยังพูดด้วยความอิจฉาเล็ก ๆ “หลี่เฉียจื่อนี้โชคดีจริง ๆ มีลูกชายแล้ว!”
“พี่สะใภ้สี่ ถึงตอนนั้นพวกเราไปกินบะหมี่มงคลด้วยกันไหมคะ? จะได้ไปแสดงความยินดีด้วย” เย่ฉูฉู่กล่าวอย่างสบาย ๆ
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผูกสัมพันธ์กับคนในหมู่บ้านไว้หน่อยไม่ใช่เรื่องเสียหาย เผื่อได้ช่วยเหลือกัน
สะใภ้สี่นี่ท้องจริงหรือท้องลมคะ คนท้องจริงเขายังไม่อวดอะไรเลย
ไหหม่า(海馬)