เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 136 ไม่ให้คนชั่วได้สมดั่งใจหวัง
เจ้าของร้านหยูเหมียนเก๋อ? ซูหวานหว่านขมวดคิ้วอีกครั้ง โม่เหยียนก็พูดว่า “ร้านหยูเกมียนเก๋อต้องการที่จะผูกขาดการขายชาดในเมือง พวกเขาเริ่มคุกคามร้านค้าเล็ก ๆ หลายร้านและร้านเหล่านั้นก็ถูกบีบบังคับให้ปิดตัวลง”
หยูเหมียนเก๋อต้องการที่จะเป็นผู้ขายเพียงรายเดียวสินะ
ซูหวานหว่านเลิกคิ้วจ้องไปที่คนเหล่านั้น “ข้าเป็นเจ้าของที่นี่! พวกเจ้าไม่มีตาดูหรืออย่างไร ยังจะมาก่อความวุ่นวายที่นี่อีก ข้าอยากจะรู้นักว่าพวกเจ้าจะมีวิธีการใดที่จะทำให้ร้านของข้าปิดลง!”
ชายเหล่านั้นมองหน้ากันและพูดออกมาพร้อมกัน “ฆ่านางให้ตายซะ! อย่ามัวแต่เสวนาเรื่องไร้สาระกับนาง!”
หลังจากนั้นพวกเขาก็รีบวิ่งเข้าไป ทว่าถูกซูหวานหว่านยกขาขึ้นถีบจนกระเด็นออกไปไกลเสียก่อน
เหตุใดเด็กสาวถึงแรงเยอะเพียงนี้!
คนเหล่านั้นตกอยู่ในอาการตกใจและคิดว่าจะจัดการกับซูหวานหว่านพร้อมกันทั้งหมด พลันใดเมื่อเห็นชายชุดดำเดินเข้ามา แม้ว่าจะสวมหน้ากากซูหวานหว่านก็รู้ได้ทันทีว่าเขาคือสือเฉิงชุน!
“บังอาจ! ข้าให้พวกเจ้าเชิญแม่นางซูไป ไม่ใช่ทำร้ายนาง!” เสียงของสือเฉิงชุนเย็นชา
เหล่าอันธพาลตกอยู่ในการอาการตกตะลึง พลันใดก็มีคนในกลุ่มบ่นออกมาว่า “เมื่อก่อนที่ใช้ให้เราไปเชิญคนอื่น ๆ ก็ล้วนแต่ใช้วิธีนี้ไม่ใช่หรือ?”
“ใช่! ทำไมตอนนี้ถึงมากล่าวโทษพวกข้า!”
“…”
คนเหล่านี้มีตาหามีแววไม่! สือเฉิงชุนหลับตาลงพยายามระงับความโกรธ เมื่อลืมตาขึ้นเผยให้เห็นแววตาเย็นชาและเหล่าอันธพาลก็เงียบปากลงทันที
สือเฉิงชุนพูดออกมาว่า “แม่นางซู ข้าขอเชิญเจ้าไปพูดคุยเรื่องรายละเอียดการค้าของเจ้า”
“ข้าไม่ใช่คนที่ใครอยากมาพบก็สามารถเชิญไปได้อย่าง่าย ๆ” ซูหวานหว่านแสยะยิ้ม “วันนี้ข้าต้องขออภัยทุกคนด้วย ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่เป็นมงคลเอาเสียเลย ข้าจึงขอปิดร้านก่อน หากพวกเจ้าอยากซื้อของจริง ๆ ค่อยมาใหม่ในวันพรุ่งนี้เถอะ”
‘ไม่เป็นมงคล’ ที่พูดมาหมายถึงเขางั้นหรือ? ใบหน้าของสือเฉิงชุนเปลี่ยนสีไปเล็กน้อย “ซูหวานหว่าน ข้ามีเรื่องอยากจะคุยกับเจ้า เมื่อเจ้าได้ยินเรื่องนี้เจ้าจะต้องรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เช่นนั้นแล้วเรามาคุยกันเถอะ”
“เฮอะ สิ่งที่เจ้าพูดออกมามันช่างน่าขยะแขยง แล้วเหตุใดข้าจะต้องดีใจด้วย?” ซูหวานหว่านเหลือบมองเขา จากนั้นก็ช่วยโม่เหยียนปิดประตูเตรียมจากไป สือเฉิงชุนที่เห็นดังนั้นจึงยื่นมือของเขาออกมาเข้ามาขวางประตูไว้ทันที
“ซูหวานหว่าน! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง! เจ้าจะยอมทำตามดี ๆ หรือต้องให้ข้าใช้กำลังบังคับกัน! เรื่องที่เจ้าเอาคืนน้องสาวข้า ข้ายังไม่ได้จัดการเจ้าเลยนะ หากเจ้าบอกสูตรลับของน้ำศักดิ์สิทธิ์นั้นมา ข้าจะยกโทษให้!”
เขาเกิดเป็นลูกชายตระกูลมั่งคั่งได้อย่างไร? เหตุใดถึงโง่เขลาเพียงนี้? ใครกันที่ลงมือทำร้ายนางก่อน ซูหวานหว่านปฏิเสธ “นี่เจ้าสองคนยังกล้าอยู่ในเมืองนี้อีกงั้นรึ? ข้ารู้สึกขายหน้าแทนพวกเจ้าจริง ๆ”
เมื่อพูดจบซูหวานหว่านก็เดินจากไป
นิ้วมือของเขาถูกประตูหนีบ จากนั้นจึงเอ่ยออกมา “ซูหวานหว่าน! เจ้าจะต้องเสียใจ เมื่อถึงเวลานั้นหากเจ้ามาขอร้องอ้อนวอน ข้าก็ไม่ตอบตกลง!”
คิดว่านางจะไปขอร้องเขางั้นหรือ? ไร้สาระ! ซูหวานหว่านเดินกลับไปที่บ้านฮวงเหล่าพร้อมกับโม่เหยียน
โม่เหยียนรู้สึกเป็นกังวล ระหว่างทางนางได้ยินมาว่าพวกเขาทั้งสองเป็นลูกของอัครมหาเสนาบดี ผิดกับซูหวานหว่านที่มีท่าทีนิ่งเฉยแล้วพูดออกมาว่า “พวกเขาก็แค่เกิดมาเป็นลูกของอัครมหาเสนาบดีเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะเกิดมาในตระกูลใหญ่โต พวกเขาทั้งสองก็เป็นแค่ไอ้โง่ที่ชอบอวดอ้างตน”
เป็นสตรีเช่นไหนกันนะ! น่าทึ่งมาก! พูดถึงตระกูลอัครมหาเสนาบดีได้อย่างเจ็บแสบ! โม่เหยียนรู้สึกนับถือซูหวานหว่านขึ้นมาในใจ
วันรุ่งขึ้น หลังจากเตรียมของเสร็จแล้ว ซูหวานหว่านและโม่เหยียนก็ตรงไปที่ร้าน หน้าร้านของพวกนางมีคนมารอซื้อของเยอะมาก มีเป็นผู้ชายจำนวนนับสิบคนที่มารอต่อแถวเพื่อซื้อของให้กับหญิงสาวด้วย!
หรือหากผู้ชายเริ่มจะรักสวยรักงามแล้วยังไง?
ทันใดนั้น เมื่อนางนึกถึงฉีเฉิงเฟิงก็นึกภาพของตัวเองที่เขียนคิ้วให้กับฉีเฉิงเฟิงขึ้นมา มันทำให้นางหัวเราะคิกคักอย่างอารมณ์ขัน แต่ในวินาทีต่อมา รอยยิ้มของนางก็พลันหยุดนิ่ง
นางเห็นชายหนุ่มสวมชุดผ้าไหมสีส้มเดินมา ในมือถือไม้กวาดเอาไว้ในมือ “พวกเจ้ารีบไปเถอะ! วันนี้ร้านของพวกเขาเปิดไม่ได้แล้ว!”
“ทำไมล่ะ?” หญิงสาวคนหนึ่งถามออกมา
“เพราะเหตุใดน่ะหรือ? ก็เพราะว่าร้านนี้เป็นของเถ้าแก่ข้าไง! เถ้าแก่ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าขายแล้ว! เถ้าแก่ได้ปล่อยร้านให้กับเถ้าแก่ของหยูเมียนเก๋อเช่าแล้ว!” ชายคนนั้นกล่าวออกมาอย่างหยิ่งผยอง
โม่เหยียนตกใจ พวกนางเพิ่งจะตกแต่งร้านเสร็จไม่กี่วันก่อนและใช้เงินไปจำนวนมากเองนะ!
ทันทีที่คิดถึงเรื่องนี้ โม่เหยียนพูดกับเขาทันที “ข้าจ่ายค่าเช่าไปแล้วในเดือนนี้ เจ้าจะมาบอกให้พวกข้าเก็บของกลับไปได้อย่างไร!”
ซูหวานหว่านพยายามเอ่ยปลอบนางและมองไปที่ชายคนนั้น นางคาดไม่ถึงเลยว่าสือเฉิงชุนจะลงมือได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ คิดว่าให้เจ้าของร้านไล่พวกนางไปแล้วนางจะไม่สามารถทำการค้าได้งั้นหรือ?
ไร้สาระ!
ซูหวานหว่านหัวเราะเยาะออกมา “เช่นนั้นแล้วเจ้าก็จ่ายค่าเช่าคืนให้กับพวกเราเสีย ข้าจะรีบเก็บของทันทีและออกจากร้านไป”
หากเป็นแบบนี้แล้ว ซูหวานหว่านจะต้องอ้อนวอนขอความเมตตาไม่ใช่หรือ? ชายคนนั้นตกตะลึง และเอ่ยออกมา “แต่หากพวกเจ้าขอร้องข้า ข้าจะพิจารณา…”
“ขอร้องเจ้า? เจ้าก็แค่อยากทำให้ข้าขายหน้า เจ้าคิดว่าข้าโง่อย่างงั้นหรือ?” ซูหวานหว่านกลอกตาและใช้เงินไม่กี่เหรียญจ้างคนมาช่วยเก็บของ
เมื่อเห็นเช่นนี้คนเหล่านั้นต่างตกตะลึง พวกมองดูการกระทำของซูหวานหว่าน ส่วนโม่เหยียนก็เดินเข้ามาขอเงินค่าเช่าคืน ชายคนนั้นพูดออกมาอย่างไม่เต็มใจนักว่า “ทุกคนต่างรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี หากเจ้าสามารถจ่ายค่าเช่าร้าน 10 ตำลึงหนึ่งเดือนได้ ข้าจะโน้มน้าวเถ้าแก่ให้เจ้าได้เช่าต่อ”
คิดว่านางบ้าเหรอ? ใช้เงิน 10 ตำลึงเพื่อซื้อสถานที่ทรุดโทรมแบบนี้?
ซูหวานหว่านกลอกตาอีกครั้ง เด็กสาวเหลือบไปมองชายคนนั้นและจากไปโดยไม่สนใจ
โม่เหยียนรู้สึกกังวลใจ นางต้องการเกลี้ยกล่อมให้ซูหวานหว่านใจอ่อน ทว่าตอนนี้ควรหาสถานที่ขายของก่อนจะดีกว่า หลังจากนั้นนางก็ได้ยินซูหวานหว่านพูดออกมาว่า “ข้าขอโทษทุกคนด้วย ในวันนี้เราจะย้ายไปที่บ้านของฮวงเหล่า จากนี้ไปพวกข้าจะตั้งแผงขายนอกประตูบ้านและจะปิดในวันที่ฝนตก ของมีไม่เยอะมาก หากใครมาก่อนก็จะได้ก่อน”
ซูหวานหว่านพูดออกมาอย่างเฉยเมย นางไม่เกรงกลัวอิทธิพลอะไรทั้งนั้น แต่นางกลัวว่าจะขายของไม่ได้มากกว่า
ซูหวานหว่านเดินจากไปโดยไม่ลังเล ส่งผลให้โม่เหยียนก็รีบเดินตามออกไป
ในเวลานี้ สือเฉิงชุนที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ในระยะไกลนั้นถึงกับหน้าซีดด้วยความโกรธ “นางยังไม่รับข้อเสนออีกรึ! บ้านของฮวงเหล่าก็อยู่ไกลมาก ดูท่าแล้วนางคงจะไม่ยอมอ่อนข้อง่าย ๆ!”
ชาวบ้านที่ยืนฟังอยู่แถวนั้นก็เดินตามซูหวานหว่านไป ด้วยกลัวว่าจะซื้อของไม่ทัน
สือเฉิงชุนรู้สึกหงุดหงิด หากเขาไม่สามารถเอาสูตรมาได้หรือหากเขาไม่สามารถซื้อน้ำศักดิ์สิทธิ์จากซูหวานหว่านได้ เช่นนั้นแล้ว… สัญญาทางการค้าระหว่างเขาและพ่อค้าที่เมืองโจวคงจะต้องเป็นโมฆะ!
สือเฉิงชุนจึงรีบหาสาวใช้ไปซื้อของของซูหวานหว่านทันที
ไม่นานหลังจากนั้น ที่หน้าประตูบ้านของฮวงเหล่าก็เต็มไปด้วยความคึกคัก
ของถูกขายหมดลงไปอย่างรวดเร็ว
ขวดบรรจุภัณฑ์นั้นมีไม่เพียงพอใส่ ดังนั้นซูหวานหว่านจึงไม่ได้นำน้ำจากในมิติฟาร์มออกไปวางขาย และรีบรวบรวมของที่มีจำนวนมากออกไปตั้งขายทันที
เมื่อคนของสือเฉิงชุนเดินมาถึงก็ก้าวไปยืนข้างซูหวานหว่านและเอ่ยกระซิบเบา ๆ ทันที “แม่นางซู พอดีว่าฮูหยินของเรากำลังจะออกจากเมือง และต้องการซื้อของของเจ้าทั้งหมด 500 ขวด”
จากนั้นนางก็หยิบก้อนเงินออกมาแล้วพูดว่า “นี่เป็นเงินค่ามัดจำ”
นี่คือลูกค้ารายใหญ่! ซูหวานหว่านรับเงินมาและมองดูด้วยความยินดี
ไกลออกไปจากหน้าต่างชั้นบน สือเฉิงชุนกำลังลอบมองคอยดูสถานการณ์และหัวเราะออกมาเบา ๆ “ซูหวานหว่าน ในที่สุดเจ้าก็หนีข้าไปไม่พ้น!”
ทว่าถัดมาเพียงไม่กี่อึดใจ กลุ่มฝูงนกก็บินผ่านมาบดบังการกระทำของซูหวานหว่านจนมองไม่เห็น ส่งผลให้สือเฉิงชุนรู้สึกโกรธอย่างมาก