เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 149 แผนสมคบคิดที่วางแผนเอาไว้นานแล้ว
ทะเลสาบจันทราอยู่ห่างจากในเมืองออกไปไกล กว่าที่ทั้งสองคนจะไปถึงสถานที่เกิดเหตุก็กินเวลาเกือบครึ่งชั่วยามกว่าแล้ว
ชาวบ้านต่างมุงดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหล่าพลลาดตระเวนประจำตำแหน่งอยู่ ณ ที่เกิดเหตุ เมื่อทั้งสองเดินเข้าไป พวกเขาก็เจอเข้ากับศพแล้ว
ร่างไร้วิญญาณของหญิงสาวนอนอยู่บนพื้น เสื้อผ้าของนางเปียกปอน และรอบลำคอมีรอยแดงจากการถูกบีบ เมื่อก้าวเข้าไปใกล้ซูหวานหว่านก็ได้กลิ่นเหม็นเน่าของน้ำ นางจับใบหน้าของหญิงสาวผู้นั้นกลับมา ซึ่งใบหน้านั้นซูหวานหว่านจำมันได้เป็นอย่างดี
เป็นโม่จิงจริง ๆ ด้วย!
โม่จิงและหลิวเหรินออกมาด้วยกัน เหตุใดนางถึงตายได้? ซูหวานหว่านวางมือลงเพื่อลองตรวจสอบชีพจรของนาง ซึ่งหญิงสาวดีใจมากที่โม่จิงยังไม่ตาย!
ซูหวานหว่านเหลือบมองฉีเฉิงเฟิง เขาก็เข้าใจนางได้ทันทีและไล่ให้พวกชาวบ้านถอยห่างออกไป จากนั้นเอ่ยขอยืมเกวียนวัวจากใครสักคนพาตัวโม่จิงกลับบ้าน
ถนนหนทางเต็มไปด้วยหลุมบ่อ ซูหวานหว่านพยายามกดช่องท้องของโม่จิงอยู่ครู่ใหญ่ จนในที่สุดนางก็ลำสักน้ำที่กลืนเข้าไปออกมา หญิงสาวไออย่างรุนแรง พวกเขาเดินทางเกือบเข้ามาถึงในเมืองแล้ว ซูหวานหว่านไม่ต้องการให้ใครเห็นโม่จิง นางจึงถอดเสื้อคลุมของตนเองออกเพื่อปกปิดใบหน้าของโม่จิงไว้
เมื่อเดินทางมาถึงในเมืองและเห็นว่ามีพลลาดตระเวนติดตามเกวียนวัวมาด้วย ผู้คนที่อยู่พบเห็นจึงรีบเข้าไปดูด้วยความสงสัย พอบอกว่าเป็นศพคนตายพวกเขาก็รีบถอยห่างออกไปทันที
กว่าจะกลับมาถึงศาลาว่าการก็เป็นช่วงยามดึกแล้ว ซูหวานหว่านเอ่ยขอให้ท่านนายอำเภอเรียกตัวหลิวเหรินมา ฝากขังเอาไว้เพื่อรอการไต่สวนคดี
รุ่งสางวันรุ่งขึ้นที่หน้าประตูของศาลาว่าการคึกคักเต็มไปด้วยผู้คน กลางห้องโถงมีร่างที่คลุมด้วยผ้าขาวนอนอยู่ มีบุคคลสองคนนั่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างของร่างที่นอนอยู่ ซึ่งนั่นคือ หลิวเหริน และ โม่เหยียน!
“ข้าไม่ได้เป็นคนทำ!” หลิวเหรินร้องไห้คร่ำครวญออกมา “ข้าไม่ได้ฆ่านาง! เมื่อวานข้ายังไม่ได้เจอนางเลย!”
“ใช่แล้ว! ท่านนายอำเภอ! ข้าพิสูจน์ได้เมื่อวานนี้ข้าอยู่กับเขาตลอดเวลา! ซูหวานหว่านใส่ร้ายสามีของข้า!” โม่เหยียนร้องไห้ออกมา
“เหลวไหล!” ซูหวานหว่านก้าวเท้าเข้ามาด้านใน หญิงสาวโค้งตัวทำความเคารพต่อท่านนายอำเภอ ก่อนจะหันไปจ้องโม่เหยียนด้วยความผิดหวัง และพูดออกมาอย่างทนไม่ได้ “ท่านนายอำเภอ ข้าสามารถเป็นพยานได้ว่าข้าเห็นหลิวเหรินพาตัวโม่จิงออกไปเมื่อวาน และก่อนหน้านั้นโม่เหยียนก็ได้มาหาข้าที่หน้าร้าน”
เช่นนั้นแล้วต้องมีคนพบเห็นนางสองคนอยู่ด้วยกันอย่างแน่นอน ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์ต่างส่งเสียงยืนยันออกมา ท่านนายอำเภอจึงสันนิษฐานเรื่องราวนี้ได้ “แม่นางโม่ โม่จิงเป็นน้องสาวของเจ้า เหตุใดถึงพูดจาเช่นนั้น?”
“ท่านนายอำเภอ ไม่ใช่…ข้าน้อยทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยเหตุผลมิใช่เพราะความสัมพันธ์ใกล้ชิด แต่ข้าก็ไม่รู้จะต้องทำอย่างไร!” โม่เหยียนร้องออกมาและพร่ำบอกว่าหลิวเหรินเป็นคนดีอย่างไร ทุกคนในที่นี้ไม่ได้หูหนวกตาบอดสามารถแยกแยะออก สิ่งเดียวที่สามารถกล่าวได้ในตอนนี้มันมีเพียงคำเดียวเท่านั้น ‘ลุ่มหลง’
โม่เหยียนหน้าแดงด้วยความละอายใจ
ซูหวานหว่านจึงเอ่ยออกมา “เช่นนั้นก็ช่วยบอกข้าทีว่าเหตุใดน้องสาวของเจ้าถึงตาย เพราะในตอนนั้นก็มีคนไปเดินเล่นที่ทะเลสาบมากมาย และเห็นหลิวเหรินเดินออกมาด้วยท่าทางร้อนรน”
“คือว่า…” โม่เหยียนหยุดครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง พร้อมกับกัดฟันพูดออกมา “จริง ๆ แล้วน้องสาวของข้าแอบชอบสามีของข้ามาโดยตลอด! ข้าเคยเห็นนางให้ท่าเขาหลายครั้งแล้ว! เพียงแต่ข้าไม่เคยพูดออกมา นางต้องการเหยียบหัวข้าขึ้นมาเป็นเมียรอง! ใช่ เมื่อวานนางมาอ้อนวอนเรื่องนี้กับสามีข้า แต่นางถูกปฏิเสธก็เลยกระโดดลงไปในทะเลสาบ”
“เฮอะ!” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มมุมปาก “โม่เหยียน ไม่คิดเลยว่าแค่ไม่เจอเจ้าไม่กี่วัน ความสามารถในการกุเรื่องขึ้นมาจะพัฒนาขนาดนี้ เช่นนั้นแล้วเราจะได้ให้อีกฝ่ายพูดเสียจะดี!”
กล่าวจบ ‘ศพ’ ที่อยู่ข้าง ๆ ซูหวานหว่านก็ดึงผ้าสีขาวออกเอง ทุกคนจ้องมองไปที่โม่จิง ซึ่งหญิงสาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ริมฝีปากซีดเซียวของนางก็เอ่ยคำพูดออกมาช้า ๆ “ท่านพี่ ข้าผิดหวังในตัวท่านมาก!”
ทุกคนตกตะลึง รวมถึงหลินเหรินที่ตกใจจนสะดุ้ง “ผี!”
“เจ้า! ทำไมเจ้ายังมีชีวิตอยู่!?” ใบหน้าของโม่เหยียนซีดเผือดไร้สีเลือดกล่าวออกมาอย่างตกใจ
“ทำไมรึ? เจ้าไม่อยากให้น้องสาวคนเดียวของเจ้ามีชีวิตงั้นเหรอ?” ซูหวานหว่านยิ้มอย่างเย็นชา
“ข้า…” โม่เหยียนปิดปากแน่น และก้มศีรษะลง ดวงตาของนางกลอกไปมาอย่างคนหวาดหวั่น
“หากให้ข้าเดานะ โม่เหยียนมาหาข้าเพราะต้องการสูตรน้ำศักดิ์สิทธิ์ ต้องการที่จะยื้อเวลาข้าเอาไว้เพื่อให้หลิวเหรินหลอกล่อโม่จิงออกมาจากบ้าน เกลี้ยกล่อมให้โม่จิงเอาสูตรน้ำศักดิ์สิทธิ์จากข้า ยุยงให้โม่จิงทำร้ายข้า แต่ว่าโม่จิงไม่เห็นด้วย ดังนั้นหลิวเหรินจึงบีบคอของนางเพื่อระบายโทสะ ส่วนโม่จิงพยายามดิ้นรนเอาชีวิตรอดจนตกลงไปในทะเลสาบ หลิวเหรินไม่คิดว่าเรื่องราวจะกลายเป็นเช่นนี้จึงรีบหนีออกมา” ซูหวานหว่านกล่าว
ร่างกายของหลิวเหรินสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้ “มันไม่ใช่อย่างนั้น!”
ทว่าโม่จิงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่! หากแต่แม่นางซูยังขาดบางจุดไปเล็กน้อย พี่สาวของข้าก็อยู่ที่นั่นด้วย! นางเชื่อฟังคำพูดของหลิวเหรินทุกอย่างและพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมข้า แม้ข้าจะตกลงไปในทะเลสาบ นางก็หาได้มีความคิดที่จะช่วยข้าไม่!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนตกตะลึงด้วยความหวาดกลัว ซูหวานหว่านมองโม่เหยียนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ “หลิวเหรินบอกว่าจะแต่งงานกับเจ้า สั่งให้เจ้ามาลวงสูตรลับไปจากข้า และเจ้าคงจะไม่รู้ ความคิดนี้มันเป็นของภรรยาและแม่ของเขา! เขาเพียงต้องการหลอกใช้เจ้าเท่านั้น!
“ไม่! ไม่ใช่อย่างนั้น!” โม่เหยียนตื่นตระหนกร้องตะโกนลั่นห้องโถง
ท่านนายอำเภอทุบโต๊ะและพูดว่า “นำตัวสองคนนี้ออกไป! จับขังห้าสิบปี!”
ห้าสิบปี! นั่นมันไม่ใช่ครึ่งชีวิตของเขาเลยนะ! หลิวเหรินเป็นลมล้มพับไปทันที!
โม่จิงก้มหัวขอบคุณท่านนายอำเภอ จากนั้นจึงเดินไปอยู่ข้าง ๆ ซูหวานหว่าน หญิงสาวมองดูทั้งสองด้วยแววตาสมเพชหากแต่ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าสมเพชสำหรับคนอื่น
ซูหวานหว่านรู้สึกเสมอว่าเหมือนมีบางอย่างที่ซ่อนเอาไว้ในใจของนางอยู่ หากแต่ไม่ได้ถามออกไป เมื่อกลับมาถึงบ้านของฮวงเหล่า โม่จิงจึงได้เริ่มเปิดปากเล่า
“ความจริงแล้วพี่สาวของข้ามีจิตใจที่ซับซ้อน และข้าก็มีส่วนที่ทำให้นางเป็นเช่นนั้น เนื่องจากนางพาข้ามาอยู่ด้วยหลังจากแต่งงาน แต่เป็นเพราะข้าป่วยต้องใช้เงินค่ารักษารายเดือนของครอบครัวหลิวเกือบ 100 เหรียญ ทำให้ครอบครัวของพวกเขาไม่ชอบข้า และหลิวเหรินก็ทอดทิ้งพวกข้าสองคนพี่น้อง เขาทอดทิ้งข้า แต่เขาก็มักจะสื่อเป็นนัย ๆ ว่าอยากได้ข้าเป็นเมียรองของเขาเสมอ หากแต่ข้าได้ปฏิเสธ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เขาพยายามจะปลุกปล้ำข้าและพี่สาวของข้าก็มาเห็นเข้า นางไม่ได้กล่าวอะไร แต่นางไม่ได้ดีกับข้าเหมือนเมื่อก่อน หลังจากนั้นพวกเราสองคนก็ออกจากบ้านหลังนั้นมา ต้องออกไปหางานทำด้วยตัวเองหลายครั้ง แต่นางก็ไม่สามารถทำได้ ข้ามีฝีมือในการทำเยียนจือ นางก็เลย…”
กล่าวถึงเรื่องนี้โม่จิงก็ถอนหายใจมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยใบหน้าซึ่งนองไปด้วยน้ำตา “พี่ซู ก่อนที่ท่านจะมาที่นี่เมื่อสองสามวันก่อน ข้าพบว่าพี่สาวของข้าและหลิวเหรินติดต่อกันอีกครั้ง ข้าได้เตือนนางแล้ว แต่ถูกดุกลับมา ข้าจึงไม่ได้พูดอะไรหลังจากนั้น ใครจะรู้ว่าความสัมพันธ์ของพวกเราสองพี่น้องจะมาถึงจุดนี้ได้!”
ซูหวานหว่านเอ่ยปลอบนางอยู่สักพัก จากนั้นก็ขอตัวไปทำอาหาร มื้ออาหารกลางวันมื้อนี้ก็เป็นมื้อที่ใหญ่มาก เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วซูหวานหว่านจะไปพักผ่อนแต่ก็ถูกฉีเฉิงเฟิงคว้าตัวไว้เสียก่อน เขาดึงปิ่นปักผมไม้ออกมาจากแขนเสื้อ “เจ้าเดาดูสิว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”
“เจ้าเงินเดือนออก?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้ว
“ไม่ใช่!” ฉีเฉิงเฟิงปฏิเสธพร้อมกับกระซิบข้างหูของซูหวานหว่าน “มันเป็น…วันที่เราพบกันเก้าสิบเก้าวันแล้วต่างหาก”
ใบหน้าของซูหวานหว่านแดงก่ำ นางไม่รู้จะเอ่ยอะไรออกไป ฉีเฉิงเฟิงจึงพูดออกมาอีกครั้งว่า “เมื่อไหร่พวกเราจะแต่งงานกัน?”
ซูหวานหว่านกำลังคิดถึงวันมงคล ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของหลี่ฉือโทวและเสียงเกวียนวัวดังขึ้นนอกประตูบ้าน “แม่นางซู! พ่อหนุ่มฉี! พวกเจ้ารีบกลับไปดูที่หมู่บ้านเถอะ! มีคนมาที่บ้านของพ่อหนุ่มฉีเพื่อที่จะมาสู่ขอเขาแต่งงาน!”