เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 158 เจอผี
“ที่ข้าเรียกท่านว่าแม่ เพราะว่าท่านเป็นแม่ของภรรยาข้า ไม่ใช่เพราะว่าข้านั้นแต่งงานเข้าบ้านท่าน และข้าก็ไม่สามารถที่จะแต่งงานกับคนอื่นได้ หากเกิดว่ามีผู้หญิงจะฆ่าตัวตายเพราะข้าไม่แต่งงานด้วย ข้าก็คงตกปากแต่งกับแม่นางจ้าวไปแล้ว และข้าคงจะไม่มายืนอยู่ที่นี่!” ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมาเบา ๆ พร้อมกับจับมือของซูหวานหว่านแน่นขึ้น “ตั้งแต่ข้าเข้าพิธีแต่งงานกับนาง นางก็ถือเป็นภรรยาของข้าแล้ว สำหรับคนอื่นข้าขอปฏิเสธ!”
ผู้เป็นมารดาและน้องสาวบังคับนาง มีเพียงฉีเฉิงเฟิงคนเดียวที่ยืนเคียงข้างนาง ซูหวานหว่านประทับใจเล็กน้อย นางหลบสายลมที่พัดผ่านอยู่ภายในอ้อมแขนของชายหนุ่มและพูดกับแม่เจิ้น “ท่านแม่ ท่านอย่าพูดอะไรเลย ไม่ว่าอย่างไรข้าก็ไม่เห็นด้วย”
แม่เจิ้นจ้องมองซูหวานหว่านด้วยความโกรธเคือง “เหตุใดเจ้าถึงพูดไม่รู้เรื่อง!
ไป๋หยวนซูที่อยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะพูดออกมา “แม่นางเจิ้น มีที่ไหนที่จะยกสามีให้กับน้องสาวของตัวเอง! มันจะไม่ถือเป็นการร่วมประเวณีระหว่างพี่น้องสายเลือดเดียวกันรึ! หากท่านทำเช่นนั้น สวรรค์จะลงโทษได้!”
“ใช่แล้ว ท่านลองคิดดูให้ดี ๆ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ลูกสาวอีกคนของท่านเสียใจ!” โม่จิงพูดออกมา
เพี้ยะ!
แม่เจิ้นตบใบหน้าของโม่จิงอย่างแรง “พวกเจ้าเป็นคนนอก! จะพูดออกมาให้มากความทำไม! หากลูกสาวของข้าไปตายจริง ๆ ข้าจะไปเอานางคืนมาจากที่ไหน! นางที่เป็นพี่สาวไม่เห็นใจข้าเลย! แต่พวกเจ้ากลับมาพูดแทนนาง! ใครกันแน่ที่ไม่มีเหตุผล!”
“ท่าน!” ไป๋หยวนซูกัดฟันด้วยความโกรธ มองดูรอยมือบนใบหน้าของโม่จิง และพูดออกมาอย่างโกรธเคือง “แม่นางเจิ้น ข้าคิดดูแล้ว ในครอบครัวท่านนอกจากซูหวานหว่านแล้ว คนอื่นนั่นแหละที่ไม่มีเหตุผล!”
กล่าวจบก็พาโม่จิงเดินออกมา
ผู้ดูแลหลิวยังคงยืนอยู่ที่เดิมอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร แม่เจิ้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง “ท่านเองก็เป็นคนนอกเช่นกัน! อย่ามายุ่งเรื่องครอบครัวของพวกเรา!”
ผู้ดูแลหลิวเหลือบมองซูหวานหว่าน จากนั้นก็โบกมือให้กับนางแล้วเดินจากไป
ชาวบ้านที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร พวกเขาเห็นว่าซูหวานหว่านนั้นอยู่ในตำแหน่งที่เสียเปรียบ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้าข้างแม่เจิ้นแล้วพูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน เหตุใดเจ้าเป็นลูกถึงไม่เชื่อฟังคำพูดของพ่อแม่ เจ้าลองคิดดูว่าก่อนหน้านี้น้องสาวของเจ้าเกือบจะตายมันเป็นเพราะใคร เหตุใดเจ้าถึงไม่ยอมรับเรื่องนี้?”
“ใช่แล้ว! เจ้าจะต้องตอบตกลง!”
“…”
คนพวกนี้ยังมีหน้ามายืนพูดแบบนี้อยู่อีกรึ!
สองมาตรฐานชัด ๆ! หากแต่ไม่เคยมองตัวเองเลย!
ซูหวานหว่านหัวเราะออกมาอย่างประชดประชัน และพูดกับหญิงเมื่อครู่ว่า “ท่านป้า เมื่อไม่กี่วันก่อนมีผู้หญิงคนหนึ่งในหมู่บ้านอยากจะแต่งงานกับสามีของท่าน นางเองก็ตั้งท้องอยู่ แต่ท่านกลับทุบตีนางจนแท้งลูก เหตุใดท่านถึงยังมีหน้ามาพูดแบบนี้อีก? ถ้าจะพูดให้ถูกท่านก็ควรยินยอมให้แต่งไม่ใช่หรือ!”
“นังเด็กคนนี้!” หญิงคนนั้นไม่พอใจ นางกำลังจะเดินเข้าไปหาซูหวานหว่าน หากแต่พอสบตากับฉีเฉิงเฟิงเข้าก็กลัวขึ้นมาไม่กล้าขยับตัว
เมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เอ่ยอะไรออกมา ซูเสี่ยวเหยียนก็เริ่มเกิดวิตกกังวล “ท่านแม่!”
ซูเสี่ยวเหยียนตะโกนดังลั่น แม่เจิ้นก็รีบเดินเข้าไปหานางทันที หญิงสาววัยกลางคนพยายามเกลี้ยกล่อมลูกสาวของตัวเอง จนทำให้ซูหวานหว่านรู้สึกหงุดหงิด ฝ่ามือของนางเย็นเฉียบไร้ความอบอุ่น แต่โชคดีที่ได้ฉีเฉิงเฟิงจับมือของนางเอาไว้แล้วถอนหายใจออกมา “กลางคืนลมแรง พวกเรากลับไปคุยกันที่ห้องเถอะ”
“ได้”
ทั้งสองเดินกลับเข้าไปในห้อง นอนลงบนเตียงก่อนจะมองหน้าโดยไม่พูดอะไรออกมา
เสียงแม่เจิ้นที่ปลอบโยนซูเสี่ยวเหยียนดังลอดเข้ามาในห้อง ซูหวานหว่านที่ได้ยินไม่อาจข่มตาให้หลับตาลงได้ จนกระทั่งนางไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ของซูเสี่ยวเหยียนแล้ว ซูหวานหว่านก็ลุกขึ้นไปดู และเห็นว่าแม่เจิ้นเหมือนจะปลอบนางให้สงบลงได้แล้ว เด็กสาวจึงกลับขึ้นไปนอนบนเตียงอีกครั้ง
ในยามเช้า ซูหวานหว่านลืมตาขึ้นก็พบกับดวงตาคู่หนึ่งที่สดใสกำลังมองมา
ฉีเฉิงเฟิงนอนตะแคง เขาเท้าคางด้วยมือข้างหนึ่ง สายตาคู่นั้นมองไปที่ซูหวานหว่าน สายตาของเขาร้อนแรงราวกับว่าต้องการประทับจูบนาง
ใบหน้าของซูหวานหว่านแดงซ่านอย่างควบคุมไม่ได้ “ฉีเฉิงเฟิง เจ้ามองข้าทำไม?”
“สามีจะมองภรรยาของตนเองไม่ได้รึ?” ฉีเฉิงเฟิงเอ่ยแผ่วเบาและบีบคางของซู หวานหว่านด้วยมือเบา ๆ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนนางก็งดงามนัก
ในขณะที่ใบหน้าของทั้งคู่เคลื่อนเขาหากัน ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอย่างรุนแรงดังขึ้น จากนั้นก็ได้ยินเสียงของซูจิ่นหมิง “ท่านพี่ ท่านเห็นเสี่ยวเหยียนหรือไม่?!!”
“นางหายไปรึ?” ซูหวานหว่านเกิดอาการตกใจ นางหันไปมองฉีเฉิงเฟิง และสวมเสื้อผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย ก่อนจะออกจากห้องไปเพื่อตามหาน้องสาว
พวกเขาแยกย้ายกันตามหาซูเสี่ยวเหยียน แต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง ทำให้แม่เจิ้นโกรธจนทนไม่ไหวเอ่ยตำหนิซูหวานหว่านชุดใหญ่ และหลังจากนั้นก็นำเงินไปจ้างพวกชาวบ้านเพื่อให้ช่วยตามหาซูเสี่ยวเหยียน ไม่ว่าจะเป็นบนภูเขาหรือในหมู่บ้าน ทุกซอกทุกมุมก็ตามหาจนทั่วแล้ว แต่ก็ยังไม่พบซูเสี่ยวเหยียนแม้แต่เงา
พลันใดได้มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาจากหัวของชาวบ้านบางคนว่า ซูเสี่ยวเหยียนอาจจะเป็นผีที่ปรากฏตัวในตอนกลางวันไม่ได้ แต่แม่เจิ้นที่ได้สัมผัสมือของซูเสี่ยวเหยียนแล้วพบว่ามันยังอุ่นจึงเอ่ยแย้ง หากแต่ชาวบ้านยังพูดบอกด้วยว่า ผีสามารถปลอมเป็นคนได้ เช่นนั้นจึงทำให้แม่เจิ้นเกิดความกลัวขึ้นไปใหญ่…
แม่เจิ้นเข้าไปในห้องที่ซูเสี่ยวเหยียนใช้นอนเมื่อคืน บนเตียงยังคงเรียบร้อยไร้รอยยับราวกับว่าไม่มีคนนอนมาก่อน
หรือว่าซูเสี่ยวเหยียนจะเป็นผีจริง ๆ? ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในใจของของนาง แม่เจิ้นถึงกับตัวสั่นด้วยความตกใจ ในบ้านมีผีอย่างงั้นหรือ? นางหวาดกลัวไปทั้งวันจนนั่งตากแดดอยู่ด้านนอกไม่กล้าเข้าไปในบ้าน
ซูหวานหว่านเองก็ได้ยินข่าวลือเรื่องนี้เช่นกัน และไม่รู้จะกล่าวอะไรออกมา แต่นางสงสัยว่าซูเสี่ยวเหยียนนั้นหายไปไหนได้อย่างไร จึงไม่ได้ออกตามหาแต่อย่างใด ส่วนฉีเฉิงเฟิงก็ถูกซูต้าเฉียงเรียกตัวออกไปช่วยกันตามหาที่ภูเขา
ตอนเที่ยง ซูหวานหว่านก็หอบเสื้อผ้าของตัวเองมาที่ริมแม่น้ำเพื่อซักผ้า แต่เมื่อนางมาถึงก็โดนชาวบ้านรุมด่า ยิ่งไปกว่านั้นหญิงคนนั้นก็ใช้ผักป่าที่ตัวเองขุดออกมาขว้างปาใส่ซูหวานหว่านพร้อมกับพูดว่า “ซูหวานหว่าน! นังสารเลว! มันจะไม่โหดร้ายไปหน่อยหรือไร! ผีของน้องสาวเจ้ามาที่หมู่บ้านของเราก็เพราะมาตามตัวเจ้า!”
“เจ้าไม่กลัวแต่พวกเรากลัว! เหตุใดเจ้าถึงไม่คิดถึงพวกเราบ้าง เวลาที่เจ้าทำสิ่งเลวร้ายเหล่านั้น!”
“…”
พรึ่บ!
ใบผักฟาดใส่หน้าของซูหวานหว่าน หญิงสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่กระตุกยิ้มมุมปากพร้อมกับหยิบใบผักมาโยนใส่กลับไปทันที ผักที่นางโยนไปกระแทกเข้ากับใบหน้าของหญิงผู้นั้นอย่างแรงจนเกิดรอยบวมแดงราวกับถูกตบ!
ผู้หญิงคนนั้นตกใจ ส่วนคนอื่น ๆ ฉุกคิดขึ้นมาได้ พากันเก็บผักลงกลับเข้าไปในตะกร้าของตัวเองตามเดิม
“เจ้าบอกว่าข้านั้นเป็นคนนำวิญญาณชั่วร้ายมา?” ซูหวานหว่านมองพวกเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า “ว่าข้าเลว แล้วพวกเจ้าล่ะ หัวใจของพวกเจ้านั้นเป็นสีดำหรือว่าสีแดงกันแน่!”
“เจ้า…” หญิงผู้นั้นโกรธมาก นางจับไปที่แก้มของตัวเอง พร้อมก้มลงไปหยิบท่อนไม้ที่พื้นขึ้นมาและขว้างใส่ซูหวานหว่าน แต่ก็ถูกซูจิ่นหมิงเข้ามารับเอาไว้
“ท่านพี่! รีบกลับบ้านไปดูเถอะ! ตอนนี้ที่บ้านของเรามีนักบวชลัทธิเต๋ากลุ่มหนึ่งมาที่บ้าน! พวกเขาบอกว่าเขามาตามหาวิญญาณชั่วร้าย! ข้าเห็นเขาเข้าไปในห้องนอนของท่าน! ท่านรีบกลับบ้านไปดูเถิด!” ซูจิ่นหมิงพูดออกมา
“ได้!” ซูหวานหว่านรีบวิ่งกลับไปที่บ้านตนเองทันที
หญิงสาวเมื่อครู่รู้สึกไม่มีความสุข โมโห และเสียหน้า ดังนั้นนางจึงปลุกระดมชาวบ้านข้าง ๆ ไปดูที่บ้านของซูหวานหว่านด้วยกัน
ซูหวานหว่านกลับมาถึงบ้าน เมื่อกำลังจะก้าวเท้าเข้าไปก็มีดาบไม้พุ่งเข้ามาเกือบจะแทงที่หน้าผากของนาง
เมื่อมองดูดาบนั้น ซูหวานหว่านก็เห็นนักบวชเต๋าคนในชุดคลุมสีเหลืองคนหนึ่งหลับตาและพูดว่า “ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงชั่วร้าย แต่นางยังชั่วช้าอีกด้วย!”
พอพูดจบ นักบวชคนนั้นก็มองไปที่แม่เจิ้น “ยิ่งไปกว่านั้น นางยังถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิง! นางไม่ใช่ลูกสาวของเจ้า!”