เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 169 ตัวตนที่น่าสงสัย
“สวรรค์! พวกเราเข้าไปข้างในไม่ได้งั้นรึ? ทำไมกันหรือว่าวิญญาณของนางยังไม่ออกไปไหน? ข้าว่าพวกเราควรเตรียมข้าวเหนียวดำเพื่อกำจัดวิญญาณชั่วร้ายเสียแล้วละ!” แม่เจิ้นพูดออกมาด้วยความประหลาดใจ
ซูหวานหว่านมองออกไปก็เห็นแม่เจิ้นโผล่ออกมาจากด้านหลังกลุ่มนักบวช นางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะ แม้แต่แม่เจิ้นก็ยังมาที่นี่ด้วย! นางสงสัยเหลือเกินว่าแม่เจิ้นต้องอยากให้นางตายมากขนาดไหนกัน!
ใบหน้าภายใต้หน้ากากของซูหวานหว่านเผยสีหน้าไม่เต็มใจออกมา แม่เจิ้นมองมาที่ประตูก็พบเสี่ยวเฮ่ยยืนอยู่ นางเกิดอาการตื่นตระหนก ด้วยรู้ว่าเสี่ยวเฮ่ยมีฝีมือมาก ดังนั้นจึงไม่กล้าเดินเข้าไป และกำลังคิดว่าควรทำอย่างไรให้เสี่ยวเฮ่ยช่วยเปิดประตูให้ แต่จู่ ๆ ก็มีเสียงเย็นชาดังขึ้นที่ประตูลานบ้าน “เข้ามานั่งเถอะ อย่าไปขวางทางพวกเขาเลย”
ทันทีที่สิ้นเสียงของชายหนุ่ม เสี่ยวเฮ่ยก็เปิดประตูให้พวกเขาเข้ามาและหยิบเมล็ดแตงโยยื่นให้กับทุกคน ไป๋หยวนซูประหลาดใจทันทีและมองเสี่ยวเฮ่ย พร้อมพูดออกมาอย่างรวดเร็ว “คนเหล่านี่จะมาจัดการแม่นางซู เจ้ายังนั่งนิ่งได้อยู่อีกงั้นหรือ!”
พูดจบไป๋หยวนซูก็ลุกขึ้นยืน หากแต่ซูหวานหว่านห้ามเอาไว้ “อย่าเพิ่งใจร้อนไป ข้าอยากจะดูว่าพวกเขานั้นคิดจะทำอะไร แน่นอนว่าหากเขาฆ่าศิษย์น้องของข้า ข้าจะไม่ปล่อยพวกเขาไปง่าย ๆ แน่!”
พูดจบซูหวานหว่านก็หยิบหินก้อนหนึ่งออกมาแล้วโยนไปในลานบ้าน ดูเหมือนว่าก้อนหินก้อนนั้นจะไปกระทบกับอะไรบางอย่างบนอากาศและทันใดก็ตกลงมา จากนั้นนักบวชที่เหยียดขากำลังจะก้าวเดินเข้าไปก็ตัวแข็งไปชั่วครู่ และหลบสายตาลงต่ำทันทีเพื่อซ่อนความตื่นตระหนกเอาไว้พร้อมกับพูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! เจ้าอย่ามายุ่ง! ข้ามาที่นี่เพื่อที่จะมาจับวิญญาณที่เร่ร่อนของเจ้า!”
นักบวชก้าวเดินเข้าไปพร้อมกับทุกคนที่เดินตามมา หญิงสาวเห็นเช่นนั้นก็ลุกขึ้นยืนเดินไปที่ประตู และเอ่ยออกมาอย่างเย็นชา “ใครกันที่กล้าบุกรุกเข้ามา ผู้นั้นต้องตาย!”
น้ำเสียงของซูหวานหว่านเย็นยะเยือกราวกับธารน้ำแข็ง นักบวชเหล่านั้นถึงกับตัวสั่นสะท้านหาก แต่ไม่นานก็สงบลง นางจึงเอ่ยขึ้น “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อปัดเป่ากำจัดสิ่งชั่วร้าย? คิดว่าจะบุกรุกเข้ามาภายในบ้านผู้อื่นได้โดยไม่ต้องขออนุญาตงั้นรึ?”
“เจ้าเป็นใคร? กำลังพูดพล่ามอะไรอยู่ สถานที่แห่งนี้เป็นที่ที่พี่สาวของข้าเคยอยู่ตอนที่นางยังมีชีวิตอยู่ พวกเราเข้ามาที่นี่มันก็เหมือนเป็นบ้านของพวกเราเอง มันจะเป็นการบุกรุกเข้ามาได้ยังไงกัน?!” ซูเสี่ยวเหยียนพูดออกมา นางกำลังจะเดินเข้าไปและจ้องไปที่ซูหวานหว่านที่ตอนนี้เป็นชายหนุ่ม เพื่อที่จะให้อีกฝ่ายรู้ว่าอะไรเป็นอะไรและปล่อยให้นางทำในสิ่งที่ต้องการ
ซูหวานหว่านกางพัดขวางประตูเอาไว้ “ข้าไม่เคยพบเจอผู้ใดหน้าด้านเช่นนี้มาก่อน! เจ้าไม่ได้บอกเองหรอกหรือว่านางนั้นเป็นวิญญาณ? ครอบครัวเจ้าฆ่านาง ยังมีหน้ามาที่นี่อีกรึ คิดว่าข้าจะมองไม่ออกหรือว่าที่พวกเจ้ามาที่นี่นั้นต้องการอะไร? ฆ่าคนและยังจะมาเอาเงินของนางอีก พวกเจ้านี่มันช่างไร้ยางอายจริง ๆ!”
พูดจบหญิงสาวก็โยนพัดขึ้นไปในอากาศและฟาดไปที่คอของซูเสี่ยวเหยียน พลันมีบางอย่างที่ให้ความรู้สึกมันไหลเยิ้มออกมาจากคอของตัวเอง ซูเสี่ยวเหยียนจับคอของตัวเองเอาไว้ และพบกับของเหลวสีแดง “เจ้าเป็นใครกันแน่? มีสิทธิ์อะไรมาทำกับข้าแบบนี้!”
“ก็สิทธิ์…” ซูหวานหว่านยืดมือออกไป และแอบเตะไปที่ซูเสี่ยวเหยียนทันที “ของศิษย์พี่ซูหวานหว่านอย่างไรล่ะ”
พลันมีสายลมกระโชกแรงพัดผ่าน ผ้าคลุมสีดำปลิวไหวไปตามสายลมเผยให้เห็นใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา
เหตุใดเขาถึงหล่อเหลาเพียงนี้?
ซูเสี่ยวเหยียนจ้องมองดวงตาของซูหวานหว่าน หัวใจของนางก็เต้นระรัว จ้องมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความตกตะลึง ลืมเรื่องที่ต้องการที่จะพูดเสียหมดสิ้น
“เอาล่ะ ข้าจะให้พวกเจ้าเข้าไปเก็บของข้างใน แต่ว่า…ห้ามเอาสิ่งของแปลกประหลาดเข้ามาในบ้านของอาจารย์ข้าหรือเอาของอาจารย์ข้าออกไปเด็ดขาด หากพวกเจ้ากล้าแตะต้อง ถึงเวลานั้นข้าจะ…หึ!”
ซูหวานหว่านหลีกทางให้พวกเขาและเดินไปหยุดอยู่หน้าห้องและชี้เข้าไปข้างใน “เชิญ”
ซูเสี่ยวเหยียนนิ่งเงียบไป เมื่อเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของซูหวานหว่าน นางจึงสงสัยว่านี่อาจจะเป็นกลลวง เลยไม่กล้าเดินเข้าไปในห้อง แต่ว่านักบวชกลับเดินเข้าไปในห้องและสำรวจรอบ ๆ อย่างละเอียดพร้อมกับตะโกนออกมาอย่างอวดดีว่า “พวกเจ้าเข้ามาเก็บของกันเร็ว!”
แม่เจิ้นเดินตามเข้าไปในห้องทันที นางจับมือของซูเสี่ยวเหยียนพยายามลากนางเข้าไปด้วย แต่เด็กสาวไม่แม้แต่จะขยับร่างกาย ทำให้แม่เจิ้นมองนางด้วยความโกรธ “ตามมา! เจ้ามัวยืนอึ้งด้วยเหตุอันใด นางมารคนนั้นหาเงินได้มาก แต่ไม่มีเงินอยู่ในห้องที่บ้านเลยแม้แต่เหรียญเดียว เป็นไปได้ว่านางอาจจะซ่อนเงินเอาไว้ที่นี่ก็เป็นได้!”
“ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีจริง ๆ!” ซูหวานหว่านที่ยืนมองอยู่ข้าง ๆ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ในห้องนอนมีเพียงเสื้อผ้า และเครื่องประทินผิวอยู่ไม่กี่กล่อง อีกอย่างนางได้โรยผงคันทั่วทั้งห้อง ซึ่งพวกเขาก็ได้ทำการรื้อค้นจนห้องเละเทะไปหมด!
ซูเสี่ยวเหยียนรีบเดินตามเข้าไปทันทีและใช้เวลาภายในไม่ถึงหนึ่งก้านธูป คนพวกนี้ก็พากันเดินออกมาพร้อมหยิบสิ่งของในห้องออกมาไม่กี่อย่าง ในตอนที่กำลังจะเดินออกจากลานที่บ้านไป
จู่ ๆ นักบวชก็รู้สึกคันบริเวณใบหน้าขึ้นมา เขาเกาใบหน้าของตนเองเพราะรู้สึกดีขึ้นเมื่อเกา จนไม่สามารถหยุดเกาได้ เกาจนมีเลือดไหลออกมา ซูเสี่ยวเหยียนกำลังจะเอ่ยตำหนิขึ้น นางก็เห็นว่าแม่เจิ้นนั้นก็เริ่มเกาใบหน้าของตัวเองด้วยเช่นกัน และใบหน้าของนางก็ค่อย ๆ รู้สึกคันขึ้นมา!
ซูเสี่ยวเหยียนรู้สึกสับสน ดูภายนอกเขาเป็นคนที่ดูดีมาก หากแต่นิสัยของเขานั้นไม่ใช่ ซูเสี่ยวเหยียนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คุณชาย ข้ารู้สึกว่าพวกเราโดนวางยาเสียแล้ว ขอยาแก้แพ้ให้ข้าหน่อยได้หรือไม่…”
ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยจบ ซูหวานหว่านก็เหลือบมองนางเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไปและชี้ไปที่ประตู “ไม่มียาแก้หรอก นี่เป็นผลกรรมของพวกเจ้า รีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ!”
“เจ้า!” ช่างเป็นคนที่มีทิฐิสูงเสียจริง ๆ หากแต่ซูเสี่ยวเหยียนนั้นไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากพาตัวเองออกไป นางต้องการกลับไปอาบน้ำที่บ้าน เมื่อเดินออกมาถึงประตูพวกเขาก็ได้ยินสิ่งที่ซูหวานหว่านพูดว่า “หากพวกเจ้ากล้ามาที่นี่อีกล่ะก็ ต่อไปจะไม่ได้โดนแค่นี้ ข้าจะเอาชีวิตของเจ้ามาสังเวยให้แก่ศิษย์น้องของข้า!”
“…”
ซูเสี่ยวเหยียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า และเกือบจะก่นด่าออกมา เหตุใดซูหวานหว่านมักจะได้พบกับชายหนุ่มรูปงามที่รักนางอยู่เสมอ! และทำไมพวกเขาจะต้องมาอยู่เคียงข้างกับหญิงคนนี้ด้วย! นางก็ไม่ได้น่าเกลียดไปกว่าซูหวานหว่านเลย! ทำไมถึงไม่มีใครรักนาง!
ยิ่งคิดเท่าไรนางก็ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเท่านั้น จึงพูดออกมาอย่างเย็นชา “คุณชาย เรื่องที่ท่านพูดมามันตลกดีนะ พี่สาวของข้านั้นตายแล้ว และคนที่เป็นศิษย์น้องของท่านก่อนหน้านี้ก็เป็นเพียงวิญญาณที่ชั่วร้าย ไม่รู้ว่าเป็นวิญญาณเร่ร่อนมาจากที่ใด! ท่านยังจะไปสนใจนางอยู่อีกหรือ!”
วิญญาณเร่ร่อน?
เฮอะ!
หัวใจของซูหวานหว่านพลันเย็นยะเยือกขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเดินเข้าไปยืนประจันหน้ากับซูเสี่ยวเหยียน
เพี้ยะ!
ซูเสี่ยวเหยียนนิ่งอึ้งไป ซูหวานหว่านจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ากล้าว่าศิษย์น้องของข้างั้นรึ นี่มันเป็นเพียงการสั่งสอนเท่านั้น!”
“นี่เจ้า…เฮอะ!” ซูเสี่ยวเหยียนกระทืบเท้าด้วยความไม่พอใจก่อนจะเดินจากไป
ซูหวานหว่านที่กำลังจะเดินจากไป ก็ได้ยินซูเสี่ยวเหยียนพูดกับแม่เจิ้นว่า “ท่านแม่เจ้าคะ พวกเราเข้าไปในเมืองกันเถอะ แล้วไปที่ร้านค้าที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้กัน ข้าจะทำสบู่ แน่นอนว่ามันจะทำให้ครอบครัวของเรามีรายได้”
สบู่? ซูหวานหว่านก็ชะงันไป เป็นไปได้ไหมที่ซูเสี่ยวเหยียนก็ทะลุมิติมาเหมือนกัน
ถ้าใช่…
ซูเสี่ยวเหยียนก็ตั้งใจใส่ร้ายนาง และแน่นอนว่ามันอันตรายอย่างมาก!
เช่นนั้นแล้วซูหวานหว่านก็สะกดรอยตามซูเสี่ยวเหยียนไปอย่างเงียบ ๆ นางต้องการรู้เบื้องหลังตัวตนของซูเสี่ยวเหยียนว่าเป็นใครกันแน่!