เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 213 ดันทุรังที่จะทำ
ตอนที่ 213 ดันทุรังที่จะทำ
ซูหวานหว่านครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหยิบเงินออกมาแล้วสั่งให้เด็กในร้านไปซื้อยาขวดนั้นมาให้นาง แต่ใครจะไปคิดว่าเขาจะกลับมามือเปล่า!
“เฟิงอวิ๋น นางจำได้ว่าข้าเป็นคนของร้านอาหารเจวียเซ่อ นางเลยไม่ขายให้กับข้า! อีกทั้งนางยังบอกอีกว่าหากท่านต้องการมันก็ให้ไปซื้อด้วยตัวเอง และท่านจะต้องไปอ้อนวอนขอร้องนาง นางจึงจะขายให้!” เด็กในร้านพูดออกมาอย่างขุ่นเคือง “แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงต้องอยากซื้อของสิ่งนั้นด้วย ต่อให้ดีแค่ไหนท่านก็ไม่ได้ใช้มันหรอก! ยังไงซะผิวของท่านก็ดีมาก!”
จะพูดเช่นนั้นมันก็ถูก แต่ว่าคงจะไม่เป็นอะไรถ้าอยากจะศึกษามันซะหน่อย
ซูหวานหว่านคิด นางสั่งให้เขานำเงินไปมอบเงินให้แก่ภรรยาเพื่อไปซื้อมันมา แต่ทันใดนั้นซุนฉางอานก็เดินเข้ามาพร้อมกับขวดเหล่านั้น “เฟิงอวิ๋น! ข้าไปต่อแถวแล้วซื้อมันมายี่สิบขวด น้ำความงามนี้กำลังเป็นที่นิยมในเมือง ข้าซื้อมันมาเพื่อเป็นของชดเชยให้เจ้า เจ้าจะต้องรับมันเอาไว้นะ!”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ?” ซูหวานหว่านเลิกคิ้วขึ้นโดยคิดไม่ถึงว่าซุนฉางอานจะไปเข้าแถวซื้อของพวกนี้ด้วย! หากแต่นางก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร หญิงสาวหยิบขวดขึ้นมาหนึ่งขวด ก่อนจะเริ่มศึกษาว่ามันมีส่วนผสมอะไรบ้างที่อยู่ในน้ำ
ภายนอกของขวดดูธรรมดาทั่วไป แต่เมื่อเปิดจุกขวดออกมาก็พบว่าน้ำข้างในเป็นสีแดง และมีกลิ่นหอม เป็นกลิ่นมะนาวจาง ๆ
ซุนฉางอานที่นั่งอยู่ข้าง ๆ วางขวดเหล่านั้นเอาไว้อย่างเป็นระเบียบแล้วพูดว่า “ข้าไม่รู้ว่าซูเสี่ยวเหยียนไปค้นพบของแบบนี้มาได้อย่างไรกัน แต่มันใช้ได้ผลดีมาก! เดิมทีข้าจะไปซื้อแค่สองขวด แต่สุดท้ายกลับได้ติดมือมาถึงยี่สิบขวด!”
“นางใจดีถึงขนาดนั้นเชียวหรือ?” ซูหวานหว่านไม่อยากจะเชื่อเลย!
ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าสงสัย นางหยิบชามใบเล็กออกมาแล้วเทน้ำข้างในลงไป แต่ว่าแขนของนางกลับไปโดนผลส้มลูกเล็ก ๆ บนโต๊ะ ทำให้ส้มลูกเล็กตกลงไปในชาม ซูหวานหว่านกำลังจะหยิบผลส้มขึ้นมา แต่เมื่อหยิบขึ้นมาเปลือกส้มกลับดูเรียบเนียนและตื้นขึ้น ด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นชัดได้ด้วยตาเปล่า!
“เอ๊ะ!” ซูหวานหว่านก้มลงสูดดมน้ำภายในชาม นางไม่คิดว่าน้ำความงามขวดนี้จะกัดกร่อนได้ดีขนาดนี้!
ว่าแล้วซูหวานหว่านก็ลองเอาส้มจุ่มลงไปอีกรอบ แล้วคีบผลส้มขึ้นมาด้วยตะเกียบ หลังจากนั้นก็สังเกตอย่างละเอียดอีกที นางพลันพบว่ารอยขรุขระบนเปลือกส้มตื้นขึ้น!
ผลลัพธ์ของน้ำนี้มันดีขนาดนี้เชียว แล้วหากใช้มันกับใบหน้าคนล่ะ? แน่นอนว่าจะลบรอยด่างดำบนใบหน้าของคนได้อย่างเกลี้ยงเกลา ทั้งยังทำให้ผิวเนียนละเอียดขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อใช้มันเป็นเวลานานจะทำให้ผิวหนังหน้าบางลง ทำให้ผิวหน้าเป็นรอยแดงและอาจจะทำให้ ‘หน้าพัง’ ได้!
“ของพันธ์นี้… จะให้ข้าต้องไปขอร้องนางเพื่อไปซื้อมันมาน่ะหรือ ไร้สาระสิ้นดี!” ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มเยาะเย้ย แล้วเทน้ำที่อยู่ในชามเททิ้งลงไปบนพื้นไม้ พอเทลงไปมันก็เหมือนน้ำเปล่า ค่อย ๆ ซึมหายเข้าไปในพื้นไม้และไม่นานมันก็หายไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สิ่งนี้… หากใช้กับใบหน้าคน มันจะต้องเป็นอันตรายอย่างมาก!
“นี่…” ซุนฉางอานก็จ้องมองซูหวานหว่านด้วยสายตาว่างเปล่า แต่เมื่อเห็นสีหน้าลำบากใจของนาง เขาก็รู้ว่าน้ำยาขวดนี้ไม่ใช่ของที่ดีจึงพูดออกมาว่า “เราควรที่จะบอกเรื่องนี้กับคนอื่นดีหรือไม่?”
บอกคนอื่นแล้วคนอื่นจะคิดแบบนางไหม? ทันใดนั้นก็นึกถึงเมื่อก่อนที่นางมีเจตนาที่ดี เตือนพวกชาวบ้านหากแต่ก็ถูกเหยียบย่ำและด่าทอ นางจึงพูดออกมาว่า “ไม่จำเป็น”
ถึงแม้จะพูดออกไปแบบนั้น แต่ซูหวานหว่านก็ยังคงเป็นกังวลใจและพูดว่า “หากเราพูดออกไป เราอาจจะถูกปองร้ายกลับมาและถูกหาว่าเป็นคนไม่ดี”
หลังจากพูดอย่างนั้นออกมา ซูหวานหว่านก็กวักมือเรียกเด็กในร้านที่อยู่ข้าง ๆ แล้วพูดกำชับอะไรบางอย่าง ขอให้เขาไปจ้างคนให้ไปก่อกวนร้านของซูเสี่ยวเหยียน หากเป็นอย่างนี้พวกชาวบ้านก็คงจะมาว่าพวกนางไม่ได้!
“วิเศษมาก!” ซุนฉางอานเอ่ยชมออกมา
“เจ้ารีบไปเร็ว” ซูหวานหว่านสั่งอีกรอบ เด็กในร้านก็หันหลังกลับแล้วรีบเดินออกไปทันที แต่ยังไม่ทันเดินไปถึงที่หน้าประตูร้าน เขาก็ชนกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ใครคือเป่ยฉวนเฟิงอวิ๋น? นี่เป็นจดหมายของเขา ข้านำมาส่งให้!” ชายหนุ่มคนนั้นพูดออกมาและส่งจดหมายให้กับซูหวานหว่านทันที
จดหมายนี้เขียนขึ้นมาเพื่อเชิญชวน เมื่อซูหวานหว่านเปิดอ่านก็พบว่ามันถูกส่งมาโดยซูเสี่ยวเหยียน เนื้อหาในจดหมายนั้นยั่วยุแถมเชิญชวนนางให้มารับคำท้าใช้เครื่องประทินโฉมของตัวเองเปรียบเทียบกับของนางอีกด้วย?
“เจ้านายของพวกเรายังฝากมาบอกอีกว่า ให้เจ้าและพี่ชายของเจ้าดูแลร้านให้ดี เพราะร้านอาหารของเจ้าจะคึกคักเพียงแค่สองสามวันเท่านั้น อีกไม่กี่วันเจ้านายของข้าจะขายน้ำยานี้จนหมด ได้เงินมหาศาลกลับมาร่ำรวยอีกครั้ง!” คนใช้ของซูเสี่ยวเหยียนเลิกคิ้วขึ้นและเดินจากไป พร้อมกับทำหน้าตาที่ดูเย่อหยิ่งคล้ายกับที่ซูเสี่ยวเหยียนชอบทำใส่นาง!
ซูหวานหว่านเยาะเย้ยออกมา “แน่นอนว่าเจ้านายเป็นแบบไหน สุนัขรับใช้ก็จะเป็นแบบนั้นด้วย!”
จดหมายที่ถืออยู่ในมือของนางดูเหมือนจะร้อนขึ้นมาในทันที นางโกรธมากจนขยำจดหมายที่อยู่ในมือกลายเป็นก้อนกลม ๆ จากนั้นก็ปาทิ้งลงไปบนพื้น
“อย่าไปยอมรับคำท้าของนาง! น้ำความงามของนางอาจจะใช้ได้ดีก็จริง ถึงแม้มันเป็นอันตรายต่อใบหน้าของคนเรา แต่ไม่มีใครอื่นรู้นี่!” ซุนฉางอานรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อยว่าซูหวานหว่านจะใช้อารมณ์แก้ไขปัญหา
“ไม่! ข้าจะรับคำท้าของนาง!” ซูหวานหว่านจ้องมองออกไปข้างนอก ราวกับว่าเห็นใบหน้าของซูเสี่ยวเหยียน ริมฝีปากสีแดงของนางพลันแยกออกจากกันและพูดออกมาเบา ๆ ว่า “อย่างที่พูดออกไป ข้าจะรับคำท้าและแข่งกับพวกมัน หากแพ้ก็แค่ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะก็เท่านั้น!”
“เจ้า…มันใจกล้าบ้าบิ่น!” ซุนฉางอานก็พูดออกมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ชายหนุ่มมองดูสายตาที่แข็งกร้าวของซูหวานหว่าน เขาก็รู้สึกกังวลใจมาก เมื่อเห็นว่าน้ำยาของซูเสี่ยวเหยียนนั้นมันมีผลลัพธ์ที่ดีต่อผิวส้มมาก แน่นอนว่ามันก็ย่อมมีผลต่อใบหน้าของคนเช่นเดียวกัน! น้ำศักดิ์สิทธิ์ของซูหวานหว่านนั้นใช้ดีก็จริง แต่ว่าเห็นผลช้ากว่ามาก!
ซุนฉางอานคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้จึงพยายามพูดพยายามเกลี้ยกล่อมซูหวานหว่าน แต่ว่านางก็ได้เตรียมพร้อมเป็นอย่างดี ก่อนจะลงเดินลงไปที่ชั้นล่างทันที ทำให้ซุนฉางอานตื่นตระหนกและเดินตามลงไปอย่างรวดเร็ว
ทันทีที่นางออกจากร้านอาหารเจวียเซ่อ ซูหวานหว่านก็ถูกกลุ่มคนจำนวนหนึ่งเดินเข้ามายืนล้อมรอบเอาไว้แล้วพูดว่า “เฟิงอวิ๋น! เราได้ซื้อน้ำศักดิ์สิทธิ์มาจากร้านพี่ชายของเจ้า! ขวดหนึ่งมันมีราคาถึงห้าสิบเหรียญทีเดียว! ทว่าผลลัพธ์ที่ได้ก็งั้น ๆ เจ้าจะต้องจ่ายค่าชดใช้แก่พวกเรา!”
“ใช่แล้ว! น้ำศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันแย่มากเกินกว่าที่จะใช้มัน! น้ำของมันเหนียวเหนอะหนะ เทียบกับของจูเหยียนไม่ได้เลย!”
“…”
นางไม่รู้ว่าคนเหล่านี้เป็นลูกค้าที่ซื้อน้ำศักดิ์สิทธิ์ของนางทุกคนหรือไม่ แต่นางแน่ใจได้เลยว่าคนเหล่านี้ที่มารายล้อมนางอยู่ตอนนี้จะต้องเป็นคนของซูเสี่ยวเหยียนที่จ้างมาเพื่อเอาคืนนางอย่างแน่นอน!
ซูหวานหว่านจึงพูดออกมาอย่างใจเย็นว่า “น้ำศักดิ์สิทธิ์ของข้าที่เจ้าซื้อมาจากร้านของพี่ชายของข้าได้ผลลัพธ์ที่ไม่ดีอย่างงั้นรึ? และมันยังมีความแตกต่างอย่างมากเมื่อเทียบกับของจูเหยียนอย่างงั้นรึ?”
“ใช่! มันแตกต่างกันมากจนเห็นได้ชัด!”
“…”
คนเหล่านี้ตอบกลับมาเร็วมากราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าซูหวานหว่านจะพูดอย่างนั้นออกมา ตอนนี้นางก็ได้ข้อสรุปทันทีว่าคนเหล่านี้เป็นคนของซูเสี่ยวเหยียน!
ซูหวานหว่านยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและพูดว่า “จูเหยียนนั้นขายมันในราคาขวดละหนึ่งตำลึง ส่วนข้านั้นขายมันในราคาห้าสิบเหรียญต่อขวด ผลลัพธ์ที่ได้มันอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แล้วจะมาถามข้าแบบนี้เพื่ออะไรกัน ถ้าข้านั้นขายราคาขวดละสองตำลึงเมื่อไหร่ พวกเจ้าค่อยมาขอเงินคืนดีกว่าหรือไม่?”
ถึงแม้ว่าจะฟังดูสมเหตุสมผล แต่ดูเหมือนว่าความคิดสำหรับทุกคนนั้นคือผลลัพธ์ของน้ำศักดิ์สิทธิ์ของซูหวานหว่านนั้นมันได้ผลไม่ดีเท่ากับของซูเสี่ยวเหยียน! ดังนั้นการตั้งราคาขวดละหนึ่งตำลึงจึงนับว่าคุ้มค่าคุ้มราคากว่าเยอะมาก!
ซุนฉางอานดูหมดหนทางอย่างยิ่ง เมื่อซูหวานหว่านพูดออกมาแบบนี้ นี่กำลังหมายความว่านางจะแพ้ตั้งแต่ยังไม่เริ่มใช่หรือไม่?
ปกติซูหวานหว่านเป็นคนที่ฉลาดมาก แต่ทำไมตอนนี้ถึงโง่เขลาขนาดนี้ได้?
ซุนฉางอานเกิดความกังวลใจ ขณะกำลังจะชักชวนให้ซูหวานหว่านเดินกลับไปที่ร้านเพื่อหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น ใครจะไปรู้ว่าซูเสี่ยวเหยียนจะเดินเข้ามา! แล้วพูดประชดประชันว่า “เอ๊ะ ! เฟิงอวิ๋น เจ้าเป็นอะไรไป? หรือว่าน้ำศักดิ์สิทธิ์ของเจ้ามันจะใช้ไม่ได้ผล? งั้นพวกเรานั้นก็ไม่ต้องพิสูจน์ให้เสียเวลาแล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่ใช่สักหน่อย ฮึ! ข้าขอรับคำท้า!” คำที่ซูหวานหว่านพูดออกมา ทำให้ทุกคนต่างหัวเราะ ซูหวานหว่านกำลังรนหาที่ให้ตัวเองอับอายขายหน้าจริง ๆ!