เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 229 ปะทะคารม
ตอนที่ 229 ปะทะคารม
ฮูหยินเฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าต้องการสิ่งใด หากสิ่งที่เจ้าต้องการมันไม่ได้มากเกินไป ข้าก็จะให้เจ้า”
“เจ้าค่ะ” ซูหวานหว่านพยักหน้าและพูดว่า “ประการแรก ให้ท่านเตรียมห้องครัวใหม่ให้กับข้า ข้าไม่ชอบใช้ห้องครัวทำอาหารร่วมกับใคร ประการที่สอง เงินที่ท่านจะจ่ายให้ ข้าขอให้ท่านจ่ายเป็นรายวัน ประการที่สาม ข้าสามารถทำอาหารให้คนได้แค่สามคนเท่านั้น แล้วอาหารหนึ่งชุดอาจจะมีเพียงไม่กี่อย่าง หากจะให้ข้าทำอาหารคนเดียวหนึ่งร้อยอย่างต่อวันข้าคงจะทำให้ไม่ได้”
ทุกคนในที่แห่งนี้ต่างตกใจ หญิงคนนี้น่าจะเสียสติไปแล้ว มีใครบ้างจะกล้าเอ่ยเช่นนี้ออกมา
นี่เป็นถึงตระกูลเชียวเลยนะ!
ฮูหยินเฉียวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางหยิบช้อนขึ้นมาตักขนมนุ่ม ๆ ขึ้นมาชิม แล้วก็พยักหน้าตอบรับพลางพูดว่า “ข้าตกลงยอมรับเงื่อนไขของเจ้า เจ้ามีความสามารถถึงแม้จะอายุยังน้อย และบ้าไปหน่อยก็ตาม แต่เหตุผลที่เจ้าพูดออกมาล้วนถูกต้อง”
“ว่าอย่างไรนะ ฮูหยินยอมรับเงื่อนไขของนางจริง ๆ หรือ!” ทุกคนเบิกตากว้างมองไปที่ซูหวานหว่านด้วยความอิจฉา
พ่อบ้านหวังที่ยืนอยู่ด้านข้างถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก โชคดีที่เขาไม่ได้ลงมือทำอะไรกับซูหวานหว่านเหมือนกับที่หลี่หม่าทำ ไม่เช่นนั้นจุดจบของเขาก็คงเหมือนหลี่หม่า
เมื่อมองไปยังฮูหยินเฉียวที่กำลังนั่งกินขนมอยู่ ก็พบว่ายังมีขนมอยู่ภายในจานอีกหนึ่งถ้วยที่ยังกินไม่หมด ดูเหมือนว่านางกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ภายในใจ
ซูหวานหว่านจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “ฮูหยิน ท่านต้องการให้ข้าทำอาหารไปส่งให้ใครหรือไม่?”
“ใช่ ลูกสาวของข้าน่ะ นางเป็นผู้หญิงที่ละเอียดอ่อน” ฮูหยินเฉียวพยักหน้าแล้วพูดต่อว่า “ลูกสาวของข้ากำลังจะเข้าพิธีแต่งงานเร็ว ๆ นี้ แต่ดูเหมือนว่าช่วงนี้นางจะไม่ค่อยมีความสุข ดังนั้นข้าว่าจะไปเยี่ยมนางเสียหน่อย เจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วยเพื่อไปถามนางว่านางอยากกินจะอะไรเป็นพิเศษ เจ้าจะได้ทำให้นาง”
ลูกสาว? จะแต่งงาน? คำสองนี้ทำให้หัวใจของซูหวานหว่านสั่นไหว และก็มีชื่อใครบางผุดขึ้นมาในหัว… เฉียวหน่วนอวี้!
ในตอนแรกซูหวานหว่านหมายจะอาศัยช่วงชุลมุนภายในงานแต่งงานนี้ลอบเข้ามาในบ้านของตระกูลเฉียวเพื่อเข้าวัง และนางก็ไม่ได้ที่อยากจะมีปฏิสัมพันธ์กับเฉียวหน่วนอวี้มากนัก แต่ใครจะไปคิดว่ามันจะกะทันหันเช่นนี้ นางจะได้เจอกับเฉียวหน่วนอวี้ตั้งแต่วันแรกเลยที่ทำงานเลยหรือ!!
เมื่อเห็นซูหวานหว่านยืนนิ่ง ฮูหยินเฉียวก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยและถามออกมาด้วยความไม่พอใจเล็กน้อยว่า “เจ้าเป็นอะไรไปงั้นหรือ เจ้าไม่ยินดีที่จะทำหรืออย่างไร?”
“ไม่ใช่ว่าไม่ยินดี แต่ข้ากำลังคิดว่าจะทำอะไรให้คุณหนูใหญ่กินต่างหากเจ้าค่ะ” ซูหวานพูดกล่าวออกมา
“งั้นก็ดีแล้ว หน่วนอวี้เปรียบเสมือนดวงใจของข้า หากเจ้าสร้างความขุ่นเคืองให้ข้าก็ไม่มีปัญหามากเท่าใด แต่ว่าเจ้าไม่สามารถทำให้นางขุ่นเคืองได้ ไม่เช่นนั้นแล้วข้าจะจัดการเจ้า!” ฮูหยินเฉียวกล่าวออกมา พร้อมกับลุกขึ้นยืนโดยไม่หันมองไปซูหวานหว่าน จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปโดยมีคนรับใช้ตามไปอย่างใกล้ชิด
คนใช้ที่เหลือที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ต่างบ่นขึ้นมา “กลายเป็นว่าฮูหยินเฉียวยอมรับเงื่อนไขของแม่นางคนนี้เพราะคุณหนูใหญ่!”
“นั่นสินะ!”
“…”
ซูหวานหว่านพยายามสงบสติอารมณ์ และเดินตามไปทันที
แม้ว่านางจะไม่มีความสุขแต่นางก็ต้องทำ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนมีจิตใจดี มีหัวใจเยือกเย็นเหมือนน้ำ เมื่อซูหวานหว่านเห็นแวบแรก นางก็รู้สึกชอบสตรีคนนี้ขึ้นมา แต่ความชอบครั้งนี้นั้นมันแตกต่างจากคนอื่น เพราะความรู้สึกของนางที่มีต่อฮูหยินเฉียว… มันเป็นความอยากที่จะอยู่ใกล้ชิดกับฮูหยินเฉียว!!!
ในขณะที่เดินออกมาเป็นเวลาสักพัก โดยผ่านศาลาริมน้ำตกที่มีโขดหินอยู่ในสวน ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่เป็นกระเบื้องสีดำและผนังสีขาว สาวใช้สองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูกำลังเล่นกัน เมื่อเห็นฮูหยินเฉียวเดินมาพวกนางก็พลันทำความเคารพทันที “สวัสดีเจ้าค่ะ ฮูหยินเฉียว”
ฮูหยินเฉียวพยักหน้าและก้าวเข้าไปในลานบ้าน จู่ ๆ นางก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และหยุดเดินพร้อมกับถามออกมา “เมื่อวานนี้ลูกข้าออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนมา ข้ามาหานางตั้งแต่เมื่อเช้ากลับไม่พบ”
“ฮูหยินเจ้าคะ…” สาวใช้ทั้งสองต่างมองหน้ากันอย่างลุกลี้ลุกลน แล้วหนึ่งในคนใช้ก็รีบพูดออกมาว่า “เมื่อวานนี้องค์ชายสามชวนคุณหนูใหญ่ออกไปเดินเล่นข้างนอกเจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่นางดีใจมากจึงตอบตกลงออกไป ตลาดกลางคืนที่เมืองหลวงสนุกครึกครื้น เมื่อคืนวานนี้มีเด็กในโรงเตี๊ยมมารายงานว่าคุณหนูใหญ่นอนพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเจ้าค่ะ”
“งั้นตอนนี้นางกลับมาแล้วใช่หรือไม่” ฮูหยินเฉียวถามออกมา เมื่อมองเข้าไปข้างในนางก็ได้ยินเสียงร้องดังออกมาจากข้างใน จึงรีบเดินเข้าด้านในโดยไม่สนใจสาวใช้ทั้งสองอีกต่อไป
เมื่อเห็นคนใช้ทั้งสองคนพูดออกมาแบบนี้ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะอยู่ภายในใจ ใช่หรือเปล่าที่เป็นคำชวนขององค์ชายสามเอง! เมื่อคืนนี้นางเห็นมารยาหญิงของเฉียวหน่วนอวี้ด้วยตาของตนเองแล้ว
หากฮูหยินเฉียวรู้เรื่องนี้เข้า นางคงจะโกรธยิ่ง ดูเหมือนว่าจะมีอะไร ๆ สนุกให้นางดูเสียแล้วสิ!!
ซูหวานหว่านแอบรู้สึกดีใจ นางเดินตามฮูหยินเข้าไป ก่อนที่ต่อมาจะได้ยินเสียงดังออกมาจากในห้องดัง ‘เพล้ง’ เสียงถ้วยน้ำชาแตกเพราะมีคนปาถ้วยน้ำชาออกมา เมื่อคนใช้เห็นฮูหยินเฉียวเดินมา สาวใช้ที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ที่หน้าประตูก็พลันกระซิบออกมาทันทีว่า “คุณหนู ฮูหยินมาเจ้าค่ะ!”
ทันใดนั้นทุกเสียงภายในห้องก็เงียบลง และประตูห้องก็ถูกปิด ฮูหยินเฉียวขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วเดินไปที่หน้าประตูพร้อมพูดเบา ๆ ว่า “หน่วนอวี้ ช่วงนี้มีเรื่องอะไรกวนใจเจ้าอยู่หรือเปล่า?”
“ท่านแม่! ข้าอยากจะให้ถึงวันแต่งงานเร็ว ๆ ตอนนี้ใจข้าจะขาดอยู่แล้ว… ท่านแม่อย่าเข้ามา ไม่ต้องมาพูดสั่งสอนข้าเลย!” เฉียวหน่วนอวี้ตะโกนออกมา
“แม่คนนี้จะว่าเจ้าได้อย่างไรเด็กดี” ฮูหยินเฉียวพยายามเกลี้ยกล่อมนาง
“ท่านแม่ ข้ามีเรื่องอยากขอร้องท่านแม่ให้ช่วย! ท่านจะต้องไปคุยกับท่านพ่อว่าลูกสาวคนนี้ของท่านจะแต่งงานกับราชวงศ์เท่านั้น ดังนั้นจะต้องเตรียมสินเดิมให้เหมาะสม! ข้าได้ยินป้ารองบอกว่ามีแค่ทองคำหนึ่งแสนตำลึง มันจะเพียงพอได้อย่างไรกัน ท่านแม่จะทำให้ลูกขายหน้าไม่ได้นะ!”
ฮูหยินเฉียวรู้สึกเป็นกังวล “เอาล่ะ เดี๋ยวแม่จะไปบอกกับท่านพ่อของเจ้าให้แล้วกัน ตอนนี้เจ้าควรพักผ่อน อย่าเพิ่งอารมณ์เสียไปเลย”
หลังจากพูดจบ ฮูหยินเฉียวกำลังจะเดินจากไป เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านยืนอยู่ข้างนาง จู่ ๆ นางก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงพูดออกมาทันทีว่า “หน่วนอวี้ แม่พาแม่นางที่มีทักษะในการทำอาหารที่น่าทึ่งมาด้วย เจ้าอยากจะกินอะไรก็บอกนางเสีย นางจะได้ทำมาให้เจ้ากิน”
หลังจากพูดแบบนั้นออกมา ฮูหยินเฉียวก็เดินจากไป ก่อนที่ประตูจะเปิดออกอีกครั้ง เฉียวหน่านอวี้สวมเสื้อคลุมแขนยาวสีน้ำเงินลวดลายทะเลสาบสีสด ดูสง่างาม บนศีรีษะมีปิ่นปักผมสีทองประดับอยู่
เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของนาง ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา เฉียวหน่วนอวี้เป็นคนที่ชอบแต่งตัวยั่วยวนจริง ๆ แต่ว่าตอนนี้แป้งบนใบหน้าของนางนั้นทาไม่สม่ำเสมอ ทำให้ใบหน้าดูขาว ๆ เหลือง ๆ ไม่เรียบเนียน ส่วนชาดที่ทาบนอกก็มองดูน่าขนลุก
เฉียวหน่วนอวี้มองสำรวจซูหวานหว่าน “ครั้งต่อไปถ้าเจ้าจะมาหาข้าอีกให้เจ้าพกผ้าคลุมใบหน้ามาด้วย เจ้าน่าตาขี้เหร่มาก ข้ารู้สึกเสียสายตาเมื่อเห็นหน้าเจ้า”
“เจ้าค่ะ” ซูหวานหว่านตอบรับ นางก็ไม่อยากเห็นหน้าของเฉียวหน่วนอวี้เหมือนกัน!
“คุณหนูใหญ่ได้โปรดสั่งมาเถอะว่าอยากกินอะไร” ซูหวานหว่านถามออกมาพร้อมกับแนะนำอาหารและขนมหวานหลายอย่าง แต่หลังจากที่เฉียวหน่วนอวี้ฟังซูหวานหว่านแนะนำอาหารออกมา นางกลับเลือกอาหารออกมาแค่สองสามอย่าง “ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง อย่าใส่เกลือลงไปในอาหาร ข้าไม่ชอบมัน ให้ใส่น้ำตาลแทนแต่ไม่เอาหวานมาก จงทำให้อร่อย”
นี่กำลังกลั่นแกล้งนางอยู่ใช่หรือไม่?
ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและเดินออกไป สักพักนางก็ได้ให้คนยกอาหารเข้ามาสี่อย่าง น้ำแกงหนึ่งอย่าง ขนมหวานหนึ่งอย่าง และแน่นอนว่ามีถ้วยน้ำตาลและเกลือด้วย!
“คุณหนูใหญ่ ข้าทำตามที่ท่านขอให้ไม่ได้ ท่านโปรดเติมน้ำตาลและเกลือด้วยตัวเองเถิดเจ้าค่ะ” ซูหวานหว่านกล่าวออกมาแล้ววางน้ำตาลและเกลือลงบนโต๊ะ
ทันทีที่ซูหวานหว่านวางมันลง นางก็เห็นใบหน้าอันน่าเกลียดของเฉียวหน่วนอวี้ด้วยหางตา ริมฝีปากสีแดงของเฉียวหน่วนอวี้แย้มออกเล็กน้อย และนางก็โยนถ้วยน้ำชาใส่ซูหวานหวานแล้วตวาดออกมาเสียงดัง “เจ้าเป็นใคร! กล้ามาสั่งให้ข้าใส่เกลือและน้ำตาลด้วยตัวเองอย่างงั้นเหรอ ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง ถ้าเจ้าทำตามที่ข้าสั่งไม่ได้ล่ะก็ ข้าคนนี้แหละ… จะทำให้เจ้าดูว่ามันจะจบลงสวยหรือไม่สวยอย่างไร!”
ซูหวานหว่านแสร้งทำเป็นฟังไม่เข้าใจ และขมวดคิ้วกวน ๆ ว่า “คุณหนูใหญ่ ข้าสวยอยู่แล้ว ไม่ต้องทำให้ข้าสวยไปกว่านี้แล้ว”
“เจ้า!”
ถือว่าเป็นหญิงสาวคนแรกที่ไม่เชื่อฟังคำสั่งของนางก็ว่าได้! เฉียวหน่วนอวี้เดินปรี่ไปหาซูหวานหว่านแล้วบีบคางของนาง พร้อมพูดเยาะเย้ยออกมาว่า “วันนี้ข้าอารมณ์ไม่ดี และเจ้าก็ยังไม่เชื่อฟังข้า เช่นนั้นข้าจะระบายอารมณ์กับเจ้าแทน!”