เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 250 ในที่สุดก็เปิดไพ่
ตอนที่ 250 ในที่สุดก็เปิดไพ่!
“เฮอะ!” ซูหวานหว่านปัดนิ้วของฮูหยินถังออกแล้วคลี่ยิ้มบาง “ต้องขอโทษด้วย ข้าไม่เรียนและข้าก็จะไม่แต่งงานแล้วด้วย! เช่นนั้น… เจ้าจะสามารถทำอะไรข้าได้?”
ไม่นึกเลยว่าซูหวานหว่านจะมีทัศนคติและนิสัยแบบนี้! ฮูหยินถังกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความโกรธ หากแต่นางไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่นานแม่นมคนหนึ่งก็เดินมาหยุดด้านหลังฮูหยินถัง และเอ่ยขึ้นมาว่า “ฮูหยินถัง เดี๋ยวข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่แม่นางคนนี้ด้วยตนเอง ท่านอย่าเพิ่งโกรธไปเลย เดี๋ยวร่างกายจะแย่เอาได้!”
แม่นมนางนั้นจ้องมองซูหวานหว่านด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัว นางหยิบแส้ไม้ไผ่ออกมาแล้วฟาดลงไปบนพื้นจนเกิดเสียงดัง ‘เพียะ! เพียะ!’ เพียงฟังจากเสียงที่กระทบพื้นก็สามารถรับรู้ได้ว่ามันเจ็บปวดแค่ไหนหากฟาดไปที่ผิวหนังของคน!
แม่นมถือแส้เอาไว้ในมือ “ซูหวานหว่าน! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟัง เจ้ากำลังจะแต่งงานกับตระกูลร่ำรวย และการทำตัวไร้มารยาทที่นี่นั้นไม่สามารถยอมรับได้!”
ซูหวานหว่านทำท่าทางเกาหูของตัวเองและเอ่ยขึ้นมาว่า “ก็บอกว่าข้าไม่แต่งงาน! พวกเจ้าไม่ได้ยินกันหรือยังไง”
แม่นมถือแส้เหวี่ยงไปมาในอากาศจนเกิดเสียง ‘ฟึบ ฟึบ’ ซูหวานหว่านกระโดดหนีไปด้านข้างได้ทันท่วงที และด้วยหญิงชราไม่สามารถบังคับแส้ที่ยาวขนาดนี้ได้จึงทำให้มันพลาดไปโดนฮูหยินถัง!
“โอ๊ย! ข้าเจ็บ!” ฮูหยินถังร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดและรู้สึกเกลียดซูหวานหว่านมากขึ้นเวลานี้นางไม่สนใจแล้วว่าซูหวานหว่านจะคิดอย่างไร นางจึงเอ่ยออกมาอย่างโกรธเคืองว่า “เอาแส้มาให้ข้า ข้าจะฟาดนางด้วยมือของตัวเอง หากนางขัดขืนข้าจะไม่ยอมให้ลูกชายของข้าแต่งงานกับนาง! ถึงตอนนั้นนางจะต้องมาคุกเข่าอ้อนวอนขอร้องข้า!”
ซูหวานหว่านรู้สึกไม่เข้าใจ คนหน้าไหว้หลังหลอกอย่างลูกชายนางมีค่าขนาดนั้นเลยหรือ? ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาเป็นเพียงแค่เป็นวัชพืช!
ซูหวานหว่านกำลังจะต่อต้าน ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากหน้าประตู “ฮูหยินถัง! ลูกสาวของข้าจะไม่แต่งงานแล้ว เจ้าจะฟาดนางจนตายเลยรึยังไง?”
ลูกสาวอะไรอีก? ซูหวานหว่านไม่ใช่สาวชาวนาบ้านนอกหรอกเหรอ? และยังมีข่าวลือว่านางเป็นเด็กกำพร้า ฮูหยินถังหันกลับไปมองต้นเสียงด้วยความแปลกใจ และก็พบว่าคนคนนั้นคือฮูหยินเฉียวนั่นเอง!
ในวันที่ตระกูลเฉียวเข้ามาในเมืองหลวง และก่อร่างสร้างตัว พวกเขาได้จัดงานเลี้ยงฉลองใหญ่โตและเชิญตระกูลร่ำรวยในเมืองหลวงให้มาร่วมงานเลี้ยงภายในวันนั้น นางโชคดีที่ได้พบกับแม้จ้าวครั้งหนึ่ง ภายในวันนั้นมีผู้คนมากมายหมายประจบสอพลอแม่จ้าว ทำให้สิ่งที่นางพูดออกมาแม่จ้าวไม่ได้ยิน เวลานี้แม่จ้าวได้มาปรากฏตัวที่ตระกูล เช่นนี้ตระกูลถังของนางจะรุ่งเรืองแล้ว!!
ฮูหยินถังหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างเบิกบานใจ สายตาจ้องมองซูหวานหว่านด้วยความชั่วร้าย และกล่าวว่า “ฮูหยินเฉียว ท่านน่าจะเข้าใจผิดแล้ว ข้ากำลังสั่งสอนลูกสะใภ้ที่โง่เขลาของข้า! ลูกชายของข้าไม่ได้จะแต่งงานกับคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียว!”
“เฮอะ!” ถอนหายใจออกมาด้วยความเย็นชา และก้าวเดินไปหาซูหวานหว่าน
“นางเป็นลูกสาวของข้า!” แม่จ้าวพูดขึ้นมาพร้อมทั้งจับมือของซูหวานหว่านเอาไว้ ฝ่ามือที่เคยเย็นเฉียบกลับรู้สึกอบอุ่นขึ้นมา
ฮูหยินถังเกิดอาการตกใจ ซูหวานหว่านเป็นลูกสาวของตระกูลเฉียวได้อย่างไร พอเห็นแบบนี้ก็ยิ่งตกใจขึ้นมาอีกครั้ง และถามออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “ได้ยินข่าวลือมาว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียว…งดงามราวเทพธิดา?”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ลูกสาวคนนี้ของข้าไม่สวยงั้นเหรอ” แม่จ้าวพูดออกมาอย่างเย็นชาก่อนจะเอ่ยต่อขึ้นมาว่า “เฉียวหน่วนอวี้ไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ ของข้า! ในตอนนี้ทุกคนต่างก็รับรู้เรื่องนี้กันหมดแล้ว! นอกจากนี้ข้าไม่ขอใช้แซ่เฉียวอีกต่อไป ข้าแซ่จ้าว! เหตุใดตระกูลถังของเจ้าถึงได้รู้ข่าวเรื่องนี้ช้าเหลือเหลือเกิน?”
เกิดอะไรขึ้นข้างนอกงั้นหรือ! ฮูหยินถังเกิดอาการร้อนใจ หากนางรู้ว่าซูหวานหว่านเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลเฉียว… ไม่สิ! เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าว! นางจะไม่ทำเช่นนี้กับซูหวานหว่านอย่างแน่นอน!
ฮูหยินถังรู้สึกเสียดายจนอยากจะกัดลิ้นของตัวเอง! สายตาที่จ้องมองไปยังซูหวานหว่านพลันอ่อนลง “แม่นางซู ไม่สิ… คุณหนูใหญ่ เมื่อครู่ข้าผิดเอง ครอบครัวของเราควรเป็นมิตรที่ดีต่อกันต่อไป เจ้าอยากทำอะไรก็ทำแบบที่เจ้าชอบเถอะ!”
“มันสายเกินไปแล้วที่จะมาเปลี่ยนความคิดของตัวเองในตอนนี้ เมื่อกี้ท่านไม่ได้บอกหรอกว่าเจ้าจะตีข้าจนกว่าข้าจะยอมเชื่อฟัง?” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าถึงชีพจรของแม่จ้าวที่จับมือนางอยู่แปลกไป หญิงสาวไม่อยากคุยกับฮูหยินถังอีกต่อไป จึงรีบพาแม่จ้าวออกมาทันที
หลังจากที่ทั้งสองเดินออกมาจากเรือนตระกูลถัง ฮูหยินถังก็ยังไม่วายไล่ตามพวกนางมา หากแต่ถูกคนดูแลแม่จ้าวขวางทางเอาไว้
ไม่นาน คุณชายถังที่ได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เดิมทีเขาวางแผนที่จะทำแบบนี้เพื่อเอาใจเฉียวหน่วนอวี้! เขาวางแผนที่จะแต่งงานกับซูหวานหว่านในวันที่องค์ชายสามแต่งงาน แต่ตอนนี้… ใครจะไปคิดว่าซูหวานหว่านจะกลายเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลเฉียว
คุณชายถังรู้สึกเสียใจมาก และยังเชื่อว่าซูหวานหว่านยังคงเชื่อในตัวเขาอยู่ ชายหนุ่มพยายามตั้งสติ และคิดกลอุบายที่จะเกลี้ยกล่อมซูหวานหว่าน
ส่วนอีกด้านหนึ่ง ซูหวานหว่านที่เดินออกมาพร้อมกับแม่จ้าว เมื่อเห็นว่าคนดูแลเหล่านี้ที่สูงสง่า ก็รู้ได้เลยว่าถูกฝึกฝนมาอย่างดี ไม่เหมือนกับคนรับใช้ธรรมดา ๆ ของตระกูลเฉียว ซูหวานหว่านจึงถามออกมาว่า “ฮูหยินเฉียว ชายพวกนี้เป็นคนของใคร?”
เมื่อถูกเอ่ยเรียกแบบนี้แม่จ้าวก็รู้สึกเสียใจ นางจับมือของซูหวานหว่านเอาไว้และกล่าวออกมาว่า “แม่ทอดทิ้งเจ้าเอาไว้ข้างนอกมานานกว่าสิบปี ตอนนี้เจ้ากับข้ายังต้องแยกจากกันอีก ข้า…ข้ารู้ว่าข้ามีเวลาเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ข้าไม่รู้ว่าจะเรียกร้องเกินไปหรือเปล่าถ้าเจ้าจะช่วยเรียกข้าว่าแม่ได้หรือเปล่า?”
“เอ่อ…” เมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของซูหวานหว่าน แม่จ้าวก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาแล้ว และในตอนนี้นางอาจจะรู้แล้วว่านายท่านเฉียวและลูกสาวของเขาทำเรื่องอะไรกันไว้ ก่อนหน้านี้ที่นางทำเป็นเย็นชาก็คงเพราะว่าอยากให้นางออกมาจากเรือนที่อันตรายแบบนั้น ซูหวานหว่านถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “ท่านแม่”
แม่จ้าวรู้สึกมีความสุขจนหลั่งน้ำตาออกมา และบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากที่ซูหวานหว่านออกมาจากบ้านตระกูลเฉียว หลังจากที่นางออกมา ตระกูลเฉียวก็พาคนมาทำร้ายตนเอง พยายามข่มขู่แม่จ้าวให้บอกเคล็ดลับในการทำเกลือ แม่จ้าวเกือบจะถูกรัดคอจนตาย แต่ก็มีชายชุดดำปรากฏตัวขึ้นและได้มาช่วยชีวิตแม่จ้าวเอาไว้
“ผู้คุ้มกันเหล่านี้องค์ชายสามจัดหามาไว้คอยดูแลแม่! และเป็นองค์ชายสามที่ช่วยหาหลักฐานเอาผิดกับตระกูลเฉียว! อีกทั้งเมื่อคืนนี้ก็มีคนใจดีวางแผนประจานความสัมพันธ์ระหว่างเฉียว หน่วนอวี้กับองค์ชายรอง ดังนั้นเมื่อตอนเช้าตรู่มาถึงองค์ฮ่องเต้ก็ได้ไปถึงที่นั่นด้วยตัวเอง ฮ่องเต้ทรงโกรธจัดประกาศปลดตำแหน่งพวกเขาทั้งสามคน และฮ่องเต้ก็ปลดตราของเฉียวฝู่ออกมาเปลี่ยนเป็นตราสินค้าของตระกูลจ้าวแทน!” ฮูหยินเฉียวเอ่ยออกมาพร้อมกับไอออกมาอย่างรุนแรง ซูหวานหว่านลูบหลังของนางเบา ๆ พร้อมกับขมวดคิ้วและพูดขึ้นมาว่า “ท่านแม่ ท่านอย่าเชื่อองค์ชายสามมาก เขาไม่ใช่คนดี!”
“องค์ชายสามนั้น… แม่คิดว่าเขาเป็นค่อนข้างเป็นคนดี” แม่จ้าวเอ่ยออกมามองดูใบไม้สีเหลืองที่ร่วงหล่นมาด้วยสายตาเหม่อลอย “อันที่จริง เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาองค์ชายสามได้มาพบแม่ เพราะเกิดปัญหากับเกลือในเมืองฉีเป่ย แม่ก็ได้ตรวจสอบสมุดบัญชีและพบว่าได้สูญเงินไปสามแสนตำลึงภายในหนึ่งปี! เฉียวฝู่นั่นมันจอมทรยศหักหลัง แล้วแถมยังแอบยักยอกเงินไป อีกทั้งยังส่งเกลือที่ไม่ดีไปขายที่เมืองฉีเป่ยอีก!”
เมื่อเดือนที่แล้ว ซูหวานหว่านขมวดคิ้วมันเป็นวันที่ฉีเฉิงเฟิงกับนางแยกทางกัน
ถ้าหากฉีเฉิงเฟิงทำแบบนั้นเพื่อกีดกั้นนาง เพราะต้องการจัดเรื่องนี้ด้วยตนเองละ?!
ซูหวานหว่านครุ่นคิดอย่างรอบคอบและนึกถึงฉีเฉิงเฟิงเมื่อวานนี้ ก็เลยไม่อยากที่จะคิดอะไรต่อแล้ว
เมื่อทั้งสองเดินทางมาถึงตระกูลเฉียว แผ่นโลหะก็ถูกตราประทับแทนที่อย่างรวดเร็วด้วยคำว่าตระกูลจ้าวและถูกเคลือบด้วยสีทอง ฮูหยินเฉียวพาซูหวานหว่านเดินไปที่เรือน ทันใดก็ได้ยินเสียงร้องแหลมของหญิงสาวดังขึ้นข้างหลังว่า “ซูหวานหว่าน! ข้าไม่ยอมให้เจ้ามาเป็นคุณหนูใหญ่แน่นอน เห็นได้ชัดว่าข้าเป็นคุณหนูใหญ่!”
ซูหวานหว่านหันไปมองหญิงคนนั้นที่กำลังวิ่งมาทางนี้หมายบีบคอแม่จ้าว “ซูหวานหว่าน! ไสหัวออกไปจากที่นี่! ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางซะ!”