เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 257 จะเลือกใคร
ตอนที่ 257 จะเลือกใคร
ผู้ที่มาใหม่คือองค์ชายรอง ฉีเต๋อหลง!
เขาจะมาก่อเรื่องอะไรที่นี่อีก
เขามีนางสนมมากหน้าหลายตา แน่นอนว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ! สีหน้าของซูหวานหว่านพลันเปลี่ยนไปในทันใด และแม่จ้าวที่ยืนอยู่ด้านข้างส่งยิ้มแห้งออกมาแล้วเอ่ยว่า “ข้าไม่นึกเลยว่าองค์ชายรองจะมาที่นี่ เป็นบุญยิ่งนัก!”
“ไม่เช่นนั้นหรอก” ฉีเต๋อหลงยิ้มออกมาเล็กน้อย และมองไปที่ซูหวานหว่าน ดวงแววตาละโมบโลภมากอยากเป็นเจ้าของ
ใช่แล้ว อยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ ซูหวานหว่านรู้ดีอยู่แก่ใจ ความรู้สึกรังเกียจพลันเกิดขึ้นในจิตใจจนแทบจะอาเจียน และกล่าวขึ้นมาว่า “ข้าน้อยขออนุญาตถาม องค์ชายรองมาทำอะไรที่นี่เพคะ?”
“ที่นี่เป็นสวนพฤกษาไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้ข้าเคยพูดกับคนดูแลที่นี่ว่าจะเดินเล่นพักผ่อน และเขาก็ตอบตกลง บังเอิญว่าวันนี้ข้าอยากจะมาเดินเล่น แต่ไม่คิดเลยว่ามาที่นี่ในวันนี้จะเจอเรื่องที่น่าคึกคักเช่นนี้!” ฉีเต๋อหลงกล่าวออกมาพลางเหลือบไปมองสำรวจซูหวานหว่าน ชายหนุ่มพบว่าหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวสีเหลือง เสื้อคลุมยาวปักลายผีเสื้อสีชมพูอ่อน เสื้อคลุมด้านนอกทำจากผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงิน ในมือถือทังโผจื่อ*[1] ที่ถูกห่อด้วยผ้าไหมสีขาว ทำให้หญิงสาวดูเป็นกุลสตรีขึ้นมา
ถึงแม้ว่าซูหวานหว่านจะไม่ได้เป็นหญิงงามโดดเด่น แต่ว่าในวันนี้นางได้แต่งหน้าเล็กน้อย ทำให้หน้าตาของนางมีสีสันสดใสขึ้นมาก บนศีรษะยังถูกประดับด้วยปิ่นปักผมอันงาม ถึงจะไม่เยอะมากมาย แต่มันก็ดูสง่างามและสบายตายามมองดู
ฉีเต๋อหลงมองสำรวจหญิงสาว แววของเขาก็พลันเปล่งประกายขึ้นมา “คุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าว วันนี้เจ้าสวยมาก ข้าไม่รู้ว่าจะมีใครสวยกว่าเจ้าอีกแล้วในวันนี้!”
เหล่าฝูงชนที่ได้ยินคำพูดของเขาก็เริ่มพูดคุยกัน ซูหวานหว่านมองดูกลุ่มคนเหล่านั้น และสั่งคนเฝ้าที่หน้าประตูปิดประตูสวนและกล่าวออกมาว่า “หากใครมาสาย ถือว่าถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขันนี้! เอาล่ะ ในเวลานี้ ข้าขอประกาศ…”
“ช้าก่อน” ฉีเต๋อหลงยิ้มออกมา “คุณหนูใหญ่อย่าเพิ่งรีบร้อนไป น้องสามของข้ายังไม่มาเลย! ข้าได้ยินข่าวมาว่าเขาเต็มใจทำทุกอย่างเพื่อเจ้าเชียวนะ”
การที่ฉีเต๋อหลงพูดออกมาแบบนี้ ไม่เพียงแต่บอกกับทุกคนว่าฉีเฉิงเฟิงไม่มา แต่เพื่อที่จะบอกทุกคนว่าฉีเฉิงเฟิงไม่ได้สนใจซูหวานหว่านจริง ๆ! เรื่องก่อนหน้าทั้งหมดมันเป็นเพียงการแสดงของฉีเฉิงเฟิงเท่านั้น!
ทุกคนต่างมองหน้าอย่างตกตะลึง และหลายคนมาที่นี่ก็อยากจะเห็นฉีเฉิงเฟิงตัวเป็น ๆ ว่าเขาจะมีรูปโฉมงดงามดังที่ว่าเอาไว้หรือไม่ แต่ว่าตอนนี้พวกเขากลับรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างมาก ทำให้บรรยายเงียบเหงาลงอย่างเห็นได้ชัด และก็มีบางคนที่พูดขึ้นมาว่า “องค์ชายสามไม่มา งั้นข้าจะมาที่นี่เพื่ออะไร แล้วอีกอย่างตอนนี้ที่บ้านก็ไม่คนอยู่ดูแล ข้าต้องกลับบ้านก่อน!”
เมื่อได้ยินคำพูดแบบนี้ ผู้คนหลายคนเริ่มกระสับกระส่าย หรือว่าที่พวกเขาที่นี่ก็เพราะว่าจะมาดูฉีเฉิงเฟิง?
ซูหวานหว่านเลิกให้ความสนใจกับกลุ่มคนเหล่านี้ ในตอนที่กำลังจะประกาศบางสิ่งออกมา นางก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายคนหนึ่งดังขึ้นมาว่า “ช้าก่อน! ใครบอกว่าข้าไม่มา?”
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความแน่วแน่ ทุกคนหันไปมองตามเสียงก็เห็นฉีเฉิงเฟิงกระโดดลงมาจากต้นไม้ใหญ่ที่เขียวชอุ่ม การเคลื่อนไหวของเขาทำให้ใบไม้ด้านบนร่วงหล่นลงมา ชายหนุ่มกระโดดลงมาบนพื้นและสะบัดแขนเสื้ออย่างสง่างาม
เมื่อเห็นท่าทางอันหล่อเหลานี้ เหล่าสตรีมากมายที่อยู่บริเวณนี้ต่างส่งเสียงร้องออกมาว่า “โอ้ สวรรค์! องค์ชายสาม! เหตุใดถึงได้มีรูปโฉมสง่างามขนาดนี้กัน! แน่นอนว่าในโลกนี้ไม่มีใครที่จะหล่อไปกว่าเขาได้แล้ว!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของฉีเต๋อหลงก็แปรเปลี่ยนไป ชายหนุ่มมองไปที่ฉีเฉิงเฟิงด้วยสายตาขุ่นเคืองที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยคิดว่าฉีเฉิงเฟิงจะพูดอะไรบางเพื่อผ่อนคลายบรรยากาศ แต่ใครจะไปรู้ว่าฉีเฉิงเฟิงกลับพูดออกมาราวกับว่าฉีเต๋อหลงไม่อยู่ตรงนี้ “วันนี้อากาศดีมาก ข้ามาที่นี่นานแล้ว และได้ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ แต่ใครจะไปรู้ว่าจะมีคนเข้าใจข้าผิด องค์ชายรองช่างใส่ใจข้าเสียจริง ๆ! ทำไมข้าไม่เห็นองค์ชายรองช่วยพูดแทนข้ากับคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวเลย ถ้าหากว่าคุณหนูใหญ่เกิดคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงจะทำอย่างไร?”
คำพูดของเขาราวกับกำลังตำหนิฉีเต๋อหลงที่มาก่อความวุ่นวายใช่หรือไม่ สายตาทุกคู่ต่างมองไปที่ฉีเต๋อหลงทันที จ้องมองด้วยสีหน้าครุ่นคิดอย่างไม่ปิดบัง และพวกเขาต่างก็เริ่มพูดคุยเกี่ยวกับข่าวลือที่ว่าฉีเต๋อหลงกับฉีเฉิงเฟิงไม่ลงรอยกัน ฉีเต๋อหลงมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง ใบหน้าของเขาพลันนิ่งงัน และหลังจากนั้นก็ครุ่นคิดไปอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดขึ้นมาว่า “น้องสาม ข้าเป็นห่วงเจ้า เจ้าโปรดอย่าเข้าใจเจตนารมณ์ของข้าผิดไป!”
เจตนารมณ์แบบนี้เขาไม่ต้องการ! ฉีเฉิงเฟิงกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มเบา ๆ ว่า “ถ้าท่านพี่มีเจตนารมณ์ที่ดีข้าก็จะรับไว้ แต่ได้โปรดอย่าพูดแทนข้าไปเรื่อย เพราะมันอาจจะทำให้ข้าพลาดการแข่งขันได้!”
เมื่อซูหวานหว่านเห็นว่าพวกเขาทั้งสองคนกำลังแย่งความสนใจไปจากนาง หญิงสาวก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา จึงสั่งให้คนตีกลองแล้วพูดว่า “การแข่งขันรอบแรกจะเริ่มจากคุณสมบัติ หากใครรู้ว่าตัวเองว่ามีคุณสมบัติตามเงื่อนไขก็สามารถรับแบบทดสอบไปได้ หรือถ้าใครเคยทำการค้ามาก่อนก็ให้มารวมตัวที่หน้าแท่น แล้วทำแบบทดสอบเพื่อเข้ารอบต่อไป”
ชายหนุ่มหลายคนเมื่อมองไปที่ฉีเฉิงเฟิง หัวใจของพวกเขารู้สึกขลาดกลัว อยากยอมแพ้ขึ้นมา ในด้านของรูปร่าง หน้าตา รวมถึงด้านการศึกษา พวกเขาจะเอาอะไรมาเทียบกับฉีเฉิงเฟิงได้กัน!
หลังจากผ่านไปแล้วประมาณหนึ่ง คนที่ยืนอยู่ด้านหน้าแท่นก็มีเพียงแค่ฉีเฉิงเฟิง! ฉีเต๋อหลงที่ประสงค์ร้ายจึงก้าวขึ้นมาว่า “ทุกคน! พวกเจ้าจะต้องมีส่วนร่วมในการแข่งขันนี้อย่างเต็มที่! ข้าได้ยินมาว่าหากพวกเจ้าเข้ารอบสุดท้ายจะได้รับเงิน! อย่าปล่อยให้องค์ชายสามยืนโดดเดี่ยวอยู่คนเดียวสิ นอกจากนี้ องค์ชายสามเป็นคนใจกว้างมาก เขาคงไม่ถือสาหากพวกเจ้าจะแข่งขันกับเขา”
เมื่อพูดจบ “องค์ชายสาม ข้าพูดถูกต้องหรือไม่”
“ถูกต้องแล้ว” ฉีเฉิงเฟิงพยักหน้า ใบหน้าของเขายังประดับไปด้วยรอยยิ้มจาง ๆ
แต่ฉีเต๋อหลงกลับรู้สึกว่ารอยยิ้มบนใบหน้าของฉีเฉิงเฟิงเต็มไปด้วยความเยาะเย้ย ทำให้หัวใจของเขารู้สึกตื่นตระหนก
หลังจากที่ได้ยินฉีเต๋อหลงพูดออกมาแบบนี้ ชายหลายคนก็ก้าวเดินออกมาทีละคน ทันใดนั้นซูหวานหว่านนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เพราะก่อนหน้านี้นางได้ยินคนของนางพูดมาว่าคุณชายถังก็มาลงสมัครด้วย แต่วันนี้ไม่เห็นแม้แต่เงาของคุณชายถังเลย! หรือว่าคุณชายถังจะยอมแพ้แล้ว หญิงสาวจึงคิดว่าคงจะไม่ต้องจัดการกับปัญหาอื่นอีกต่อไปแล้ว แต่ในขณะที่ซูหวานหว่านกำลังจะประกาศเรื่องที่สอง นางก็เห็นคุณชายถังกำลังวิ่งเข้ามา ในมือของเขาถือช่อดอกไม้อันงดงามเอาไว้
“คุณหนูใหญ่! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบดอกไม้ แต่ว่าดอกไม้ในเมืองหลวงนี้มันได้เหี่ยวแห้งไปหมดแล้ว ดังนั้นข้าเลยส่งคนไปทางใต้เมื่อคืนนี้เพื่อนำช่อดอกไม้นี้มาให้เจ้าโดยเฉพาะ…” คุณชายถังวิ่งเข้ามาพร้อมกับยืนนิ่งและเช็ดเหงื่อบนใบหน้าของเขา
ทุกคนที่ยืนอยู่ต่างนิ่งเงียบไป พวกเขาไม่ได้ใช้กลยุทธ์เอาใจซูหวานหว่านแบบคุณชายถัง!
คุณชายถังมองไปที่ซูหวานหว่าน ก็เห็นนางกะพริบตาและยกแขนเสื้อขึ้นมาเพื่อปิดใบหน้า ชายหนุ่มจึงคิดว่าซูหวานหว่านคงจะประทับใจจนน้ำตาไหล และนางคงจะไปไหนไม่รอด เขาจึงพูดเสริมขึ้นมาว่า “จริง ๆ แล้วครั้งแรกที่ข้าเจอเจ้าในร้านอาหาร เจ้าไม่เหมือนกับผู้หญิงทั่ว ๆ ไปที่ข้าเคยเจอมาก่อน ความคิดของเจ้าทำให้ข้าประทับใจมาก ผู้หญิงทุกคนบนโลกนี้ไม่สามารถเทียบได้กับรอยยิ้มของเจ้า ข้าหลงเสน่ห์เจ้าไปแล้วเสียเต็ม ๆ…”
คิ้วของซูหวานหว่านขมวดเข้าหากันแน่น ทำไมซูหวานหว่านจะไม่รู้ว่าคุณชายถังเป็นคนอย่างไรกันแน่ ซูหวานหว่านเกือบจะทนไม่ไหวและแสดงสีหน้าไม่พอใจ หากแต่นางก็รีบหันหลังกลับไป ทว่าคนอื่นคิดว่าซูหวานหว่านคงจะประทับใจกับคำพูดและการกระทำแบบนี้มาก ทำให้ทุกคนพากันตื่นตระหนก แล้วถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้
ฉีเฉิงเฟิงจึงเลือกใช้ลูกไม้นี้ เขากล่าวว่า “คุณชายถัง เจ้าไม่มีความสัมพันธ์อะไรกับคุณหนูใหญ่แล้วไม่ใช่เหรอ ได้ยินมาว่าเมื่อไม่กี่วันก่อนการสู่ขอของเจ้าก็ถูกนางปฏิเสธไปไม่ใช่เหรอ? เจ้าอย่ามาทำอะไรที่มันเกินไปเลย! นอกจากนี้ยังมีเงื่อนไขในการสมัครการแข่งขันนี้ที่ระบุชัดเจน! ไม่อย่างนั้น…มันจะไม่ดูเจ้าเล่ห์ไปหน่อยหรือ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูหวานหว่านเห็นด้วยกับคำพูดของฉีเฉิงเฟิง นางปรับพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเองแล้วก็หันกลับมา เมื่อเห็นฉีเฉิงเฟิงและคุณชายถังกำลังยืนประชันหน้ากัน บรรยากาศรอบ ๆ ก็ดูดุเดือดขึ้นมาทันที!
ทุกคนต่างพูดขึ้นมาพร้อมกันว่า “องค์ชายสามและคุณชายถังน่ากลัวมาก! ข้าไม่รู้เลยว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลจ้าวจะเลือกใคร!”
[1] ทังโผจื่อ คือ โถน้ำร้อน หรือ เตาอังเท้า เป็นอุปกรณ์ให้ความอบอุ่น เวลาใช้ให้เติมน้ำร้อนลงไปในปากเตาด้านบนแล้วปิดฝา ทำด้วยวัสดุหลายชนิด เช่น สำริด ดีบุก กระเบื้อง ฯลฯ ส่วนใหญ่มีรูปทรงเหมือนฟักทอง