เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田 - ตอนที่ 261 ความเข้าใจผิดได้รับการแก้ไข
ตอนที่ 261 ความเข้าใจผิดได้รับการแก้ไข
ซูหวานหว่านพยายามขบคิดเรื่องที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ที่นางเดินเข้ามาภายในห้องนี้ถึงได้กลิ่นหอมของบางสิ่ง ที่แท้แล้วเป็นกลิ่นยาที่ฉีเต๋อหลงต้องการมอมนาง!
ซูหวานหว่านถอยหลังไปหนึ่งก้าว พบว่าสาวใช้คนติดตามของนางได้หมดสติล้มลงไปเรียบร้อย ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเริ่มอ่อนแรงลง และมือของนางก็เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าของตัวเอง พร้อมกับฮัมเพลงออกมา นางนึกไม่ถึงเลยว่ายานี้จะมีฤทธิ์มากขนาดนี้! ซูหวานหว่านแอบแลกคะแนนเอายาแก้พิษออกมากินมันเข้าไปในทันที แต่ต้องพบว่ายาถอนพิษนี้ไม่ได้ผลเลย!
“เจ้าคิดว่าการที่เจ้ากินยาแก้พิษในตอนนี้มันจะช่วยอะไรได้อย่างงั้นหรอ?” ฉีเต๋อหลงเอ่ยเยาะเย้ยออกมา “ยานี้ข้าประมูลมาได้ในราคาที่สูงมาก และไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดมันได้ หลังจากสูดดมมันเข้าไป เจ้าจะต้องยอมมอบตัวให้กับข้า… โดยไม่มีข้อยกเว้น!”
“ข้าไม่คิดเลยความคิดขององค์ชายจะเต็มไปด้วยตัณหา!” ซูหวานหว่านขมวดคิ้วแน่น พบว่าขาและเท้าของนางกำลังอ่อนแรงลง ร่างกายค่อย ๆ ล้มลงกับพื้น นางรู้สึกว่าตัวเองกำลังมึนเมา ดวงตามองใบหน้าของฉีเต๋อหลงที่กำลังขยับเข้ามาใกล้ ซูหวานหว่านคลานถอยหลังไปเล็กน้อย และพูดออกมาด้วยความโกรธว่า “องค์ชายรอง! ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้ว่าถ้าเจ้าแตะต้องตัวข้า ฉีเฉิงเฟิงไม่ปล่อยเจ้าไปแน่!”
“ฉีเฉิงเฟิง? เฮอะ! เขาจะไม่ยอมปล่อยข้าไปงั้นรึ” ฉีเต๋อหลงหัวเราะออกมาอย่างชั่วร้ายราวกับสิ่งที่ตนเองได้ยินนั้นเป็นเรื่องน่าขัน เขายื่นมือออกไปบีบคางของซูหวานหว่านแล้วพูดออกมาว่า “ซูหวานหว่าน! ข้าจะบอกอะไรเจ้าให้ฟังว่าที่จริงแล้วไม่ใช่เขาที่ไม่ปล่อยข้าไป แต่เป็นข้าต่างหากที่ไม่ยอมปล่อยเขาไปง่าย ๆ!”
ดูเหมือนว่าฉีเต๋อหลงกับฉีเฉิงเฟิงจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ดีต่อกัน! ซูหวานหว่านรู้สึกตื่นตระหนกเล็กน้อย ฉีเฉิงเฟิงชอบนางอย่างชายหญิง แต่ฉีเต๋อหลงมองนางเป็นศัตรูคนหนึ่ง แน่นอนว่าเขาไม่ยอมปล่อยนางไปแบบง่าย ๆ แน่
เมื่อเห็นแววตาที่ตื่นตระหนกในดวงตาของซูหวานหว่าน ฉีเต๋อหลงก็ย่อตัวลงออกแรงบีบคางนางอีกครั้ง ชายหนุ่มจ้องมองไปที่ใบหน้าอันบอบบางของซูหวานหว่านและถอนหายใจออกมาว่า “เจ้าเองก็ไม่ได้ขี้เหร่เหมือนอย่างที่ใคร ๆ เขากล่าว ยิ่งมองข้าก็รู้สึกว่าเจ้าสวยมากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่รู้ว่าตอนนี้เจ้าจะรู้สึกอย่างไร?”
“ปล่อยข้า!” ซูหวานหว่านร้องออกมาพร้อมกับพูดขึ้นมาว่า “ข้าขอเตือนเจ้าเอาไว้นะฉีเต๋อหลง! ถ้าเจ้าไม่กลัวฉีเฉิงเฟิง เจ้าก็ควรที่จะกลัวตระกูลจ้าวของข้าบ้าง!”
“ตระกูลจ้าว?” ฉีเต๋อหลงยิ้มออกมาอีกครั้ง แววตาฉายความดุร้ายออกมา “เจ้ารู้เรื่องฉีเป่ยหรือไม่? ในเมื่อวันนี้เจ้ากำลังจะตกเป็นข้า เช่นนั้นข้าจะบอกให้เจ้าได้รับรู้! เรื่องนั้น… เป็นฝีมือของข้าเอง! ถ้านับเวลาดูแล้วก็น่าจะเป็นตอนนั้นที่ฉีเฉิงเฟิงอยู่กับเจ้าในเมืองโจว? แล้วที่เขาต้องแยกตัวออกห่างจากเจ้า ก็เพื่อที่จะปกป้องเจ้า แต่เขาคงคิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะต้องตกเป็นของข้าในวันนี้”
ฉีเต๋อหลงก็พูดออกมาด้วยความตื่นเต้น เขาส่งมือไปกับลูบหน้าผากขาวสะอาดของซูหวานหว่าน ย่อตัวและกระซิบข้างหูของซูหวานหว่านว่า “เจ้ากำลังจะเป็นคนของข้าแล้ว และตระกูลจ้าวก็จะต้องตกเป็นคนของข้าด้วย! เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องของตระกูลจ้าวไปหรอก!”
ไม่คิดเลยว่าฉีเต๋อหลงจะเป็นคนทำเรื่องนี้กับตระกูลจ้าว! ซูหวานหว่านรู้สึกโกรธมาก แต่เปลือกตาของนางเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่ฉีเต๋อหลงกำลังวางมือลงไปสัมผัสบนใบหน้าของนาง นางก็รู้สึกถึงความสกปรกและน่าขยะแขยง! แต่ว่านางไม่สามารถขัดขืนได้!
“ข้าไม่คาดคิดเลยว่าเจ้าจะต้านฤทธิ์ยาของข้านี้ได้นานขนาดนี้! มาเถอะ เดี๋ยวข้าช่วยเจ้าเอง!” ฉีเต๋อหลงกล่าวออกมาพร้อมกับยกมือขึ้น และสอดมือเข้าไปในคอเสื้อของซูหวานหว่าน!
แต่ก่อนที่จะได้สัมผัสผิวคอของซูหวานหว่าน มือของฉีเต๋อหลงก็ถูกมือเรียวของใครบางคนมาจับเอาไว้เสียก่อนพร้อมกับพูดว่า “คนของข้า เจ้าไม่มีสิทธิ์มาแตะต้อง!”
เสียงของชายผู้นั้นช่างดูคุ้นเคย เมื่อซูหวานหว่านได้ยินนางก็รู้สึกดีใจขึ้นมา นางพยายามลืมตาขึ้นมามองเล็กน้อย และเห็นเป็นฉีเฉิงเฟิงกำลังจับมือของฉีเต๋อหลงเอาไว้ พร้อมกับยื่นขาออกมาเตะไปที่กลางเป้าของฉีเต๋อหลงอย่างแรง!
ถึงแม้ว่าฉีเต๋อหลงจะกินยาแก้พิษไปแล้วล่วงหน้า หากแต่มันก็ป้องกันได้เพียงเล็กน้อย และแน่นอนว่าร่างกายของเขาก็อ่อนแรงเช่นกัน ใครจะไปคิดว่าฉีเฉิงเฟิงจะมาที่นี่ได้!
ตอนนี้ร่างกายของฉีเต๋อหลงกำลังไร้เรี่ยวแรง เขาไม่สามารถต้านทานการโดนฉีเฉิงเฟิงได้ ทำให้เขาจุกและเจ็บปวดเป็นอย่างมาก!
“ฉีเฉิงเฟิง เจ้าไปเรียนทักษะแบบนี้มาจากไหน!” ฉีเต๋อหลงตะโกนออกมาพร้อมกับกลิ้งลงกับพื้น แล้วตกลงไปในบ่อน้ำพุร้อน
ฉีเต๋อหลงตกลงไปก็สำลักน้ำเข้าไปหลายอึก! พร้อมกับตะโกนเรียกหาคนรับใช้แต่เสียงเรียกนั้นเบามาก จึงไม่มีผู้ใดได้ยิน
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉีเฉิงเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะเกลียดชังอีกฝ่าย ดังนั้นเขาเลยเดินเข้าไปกดหัวฉีเต๋อลงไปในน้ำสักพัก จนกระทั่งฉีเต๋อหลงหยุดพ่นฟองอากาศใต้น้ำ ฉีเฉิงเฟิงจึงก็ปล่อยมือพร้อมกับพูดว่า “ฉีเต๋อหลง ข้าบอกเจ้าแล้ว! คนที่กล้ามาแตะต้องคนของข้า มันจะต้องมีชะตากรรมแบบนี้!”
หลังจากพูดจบ ฉีเฉิงเฟิงลุกขึ้นไปประคองพาตัวซูหวานหว่านออกไปทันที ซูหวานหว่านรู้สึกว่าอากาศข้างเริ่มเย็นลง และร่างกายของนางก็เริ่มรู้สึกเย็นลงเรื่อย ๆ ทว่านางก็อดไม่ได้ที่จะโอบกอดฉีเฉิงเฟิงเอาไว้เพื่อบรรเทาอุณหภูมิภายในร่างกายที่กำลังร้อนรุ่ม
ซูหวานหว่านรู้สึกว่าเสื้อผ้าของฉีเฉิงเฟิงค่อนข้างบาง และที่นี่ก็หนาวมาก เมื่อซูหวานหว่านลืมตาขึ้นจึงพบว่าหิมะกำลังตก และบนไหล่ของชายหนุ่มเต็มไปด้วยหิมะ
เมื่อมองไปที่พื้น ซูหวานหว่านก็เห็นว่าทุกครั้งที่ฉีเฉิงเฟิงเหยียบเท้าลงไปรองเท้าหนังนิ่มก็จะจมอยู่ในกองหิมะที่ขาวโพลน และชุดของคลุมยาวของฉีเฉิงเฟิงปกคลุมไปด้วยหิมะ ราวกับว่าฉีเฉิงเฟิงรีบร้อนมาที่นี่!
ซูหวานหว่านตกตะลึงคิดไม่ถึงว่าฤทธิ์ยาจะอ่อนลงเมื่อกอดร่างกายเย็น ๆ ของฉีเฉิงเฟิง ซึ่งฉีเฉิงเฟิงเองก็ไม่รู้เช่นกัน เขาคิดว่าตัวเองอาจจะเป็นหวัดเพราะมาจากเมืองหลวง แต่ใครจะไปคาดคิดว่านางจะอาศัยร่างกายอันอบอุ่นของตนทำให้เขาอุ่นขึ้น
ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกจ้องมองเป็นเวลานาน เขาจึงก้มหน้าลงและสบเข้ากับดวงตาของหญิงสาว ซูหวานหว่านหลบสายตาของฉีเฉิงเฟิงอย่างรวดเร็ว ทำให้มุมริมฝีปากบางของฉีเฉิงเฟิงยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย คิ้วและดวงตาของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ข้าเป็นของเจ้า ถ้าเจ้าอยากมองก็มองสิ จะแอบมองทำไม”
เมื่อได้ยินแบบนี้ หูของซูหวานหว่านก็ขึ้นสีแดงระเรื่อ ฉีเฉิงเฟิงก็ยังพูดเสริมขึ้นมาอีกว่า “เจ้าได้ยินที่ข้าพูดหรือไม่ เหตุใดถึงไม่สนใจข้าเลย ถ้าเจ้าไม่สนใจข้า ข้าจะทิ้งเจ้าเอาไว้ที่นี่และกลับเมืองหลวงคนเดียว”
“เจ้ากล้างั้นเหรอ!” ซูหวานหว่านเอ่ยออกมาด้วยความไม่มั่นใจ
“แน่นอนว่าข้าไม่กล้า” ฉีเฉิงเฟิงพูดออกมาพร้อมกับยิ้ม และอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป จับไปที่ใบหน้าของซูหวานหว่าน แต่ใครจะไปคิดว่าจู่ ๆ ตัวเองจะลื่น และด้วยความกลัวว่าซูหวานหว่านจะล้มไปที่พื้น ฉีเฉิงเฟิงจึงกอดซูหวานหว่านเอาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองและทั้งสองก็ล้มลงไปด้วยกัน!
ฉีเฉิงเฟิงกอดซูหวานหว่านเอาไว้ในกองหิมะ ทั้งสองคนต่างจ้องมองหน้ากันพร้อมกับใบหน้าขึ้นสี ริมฝีปากของซูหวานหว่านถูกฉีเฉิงเฟิงจูบอยู่เนิ่นนาน จนซูหวานหว่านส่งเสียงออกมาเมื่อนางขาดอาการหายใจ ฉีเฉิงเฟิงเลยจำต้องถอนจูบออกมา แล้วดึงตัวซูหวานหว่านขึ้นมาพร้อมกับแบกนางขึ้นไปบนหลัง และเดินทางกลับเมืองหลวงทันที
พวกเขาทั้งสองคนใช้เวลาสองชั่วยามในการเดินทางมาเมืองหลวง โดยที่ฉีเฉิงเฟิงไม่ได้หยุดพักในระหว่างทางเลย! ระหว่างทางเขายังช่วยปัดเกล็ดหิมะบนหัวของซูหวานหว่านออกอีกด้วย!
หลังจากมาถึงเมืองหลวง ฉีเฉิงเฟิงเดินมาส่งซูหวานหว่านที่ด้านหน้าบ้านตระกูลจ้าว ชายหนุ่มครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้พร้อมกับวางตัวของซูหวานหว่านลง และขณะที่นางยังไม่ทันได้เดินเข้าไปข้างในบ้าน เขาพลันพูดถามออกมาเบา ๆ ว่า “ข้าอยากจะถามคุณหนูใหญ่ว่า ในตอนนี้ข้าสามารถเข้าไปในบ้านตระกูลจ้าวได้แล้วหรือยัง?”
“แน่นอน” ซูหวานหว่านพยักหน้าพร้อมกับยืนบนพื้น ขาแข้งของนางยังคงอ่อนแรงจึงอดไม่ได้ที่จะคว้าเสื้อของฉีเฉิงเฟิงเอาไว้ และนางก็ถูกฉีเฉิงเฟิงนั้นกอดเอาไว้อีกครั้ง
“ฝ่าบาท ในที่สุดท่านก็มาถึงแล้ว! ท่านทำให้พวกสาวใช้นั้นรอเก้อ! เมื่อคืนนี้ท่านสัญญาว่าจะไปนอนที่นี่ไม่ใช่หรือเพคะ?” เสียงของสตรีนางหนึ่งดังขึ้นมาทำลายบรรยากาศแสนหวานของทั้งคู่
หญิงสาวผลักฉีเฉิงเฟิงออกเบา ๆ แววตาของนางพลันเย็นชาขึ้นมาทันที “ว่าอย่างไรนะ เมื่อวานท่านไปเที่ยวหอนางโลมมาอย่างงั้นหรือ?”