เกิดใหม่เป็นสุนัขจิ้งจอก (Reincarnated As a Fox With System) - ตอนที่ 179 สงสัย
“อรุณสวัสดิ์ คุณจื่อหยาน” อาจารย์หลี่เหว่ยยกกําปั้นขึ้น และค่านับเด็กสาวในชุดสีม่วง
“สาวน้อยคนนี้เป็นหนึ่งในนักเรียนในชั้นเรียนของฉัน เธอเป็นนักจารึกมือใหม่ และเธอต้องการเข้าร่วมสมาคมนักจารึกในวันนี้ เธอชื่อ… คุณชื่ออะไร” อาจารย์หลี่เหว่ยพยายามแนะนําถังลี่เสวี่ยให้รู้จักกับจื่อหยาน แต่เขารู้ทันทีว่าเขายังไม่รู้ชื่อถังลี่เสวี่ย ดังนั้นเขาจึงหันศีรษะไปถามเธอ
“สวัสดีคุณจื้อหยาน ฉันชื่อดังลี่เสวี่ย” ถังเสวี่ยยกกําปั้นขึ้นเหมือนอาจารย์หลี่เหว่ย และค่านับสาวชุดสีม่วงด้วยน้ําเสียงที่เคารพ
ถังลี่เสวี่ยไม่ต้องการทะเลาะเบาะแว้งกับผู้คนในสมาคมนักจารึกอย่างสาวชุดม่วง ก่อนที่เธอจะเข้าร่วมสมาคม นั่นเป็นเหตุผลที่เธอพยายามสุภาพที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้กับสาวงามชุดม่วงนี้
แต่น่าเสียดายที่การกระทําของถังลี่เสี่ยกลายเป็นการยั่วยุเธอ เนื่องจากเธอคิดว่าถังลี่เสี่ยพยายามเลียนแบบการเคลื่อนไหวของอาจารย์หลี่เหว่ยอีก จึงเห็นได้ชัดเลยว่าเธอไม่คิดจะปล่อยถังลี่เสวี่ยไปง่ายๆ
“โอ้ คุณเป็นแค่ลูกศิษย์ของพี่หลีเหว่ย แล้วท่าไมต้องสวมหน้ากากแบบเขาด้วยล่ะ ฉันเกลียดจริงๆเลย นักเรียนผู้ตาต้อยที่พยายามจะเลียนแบบพี่เหว่ยของฉัน ถอดหน้ากากออกเดี๋ยวนี้!” จื่อหยานต่าหนิถังลี่เสวี่ยอย่างรุนแรงด้วยน้ําเสียงที่ไม่สุภาพ
หัวใจของถังลี่เสี่ยรู้สึกหดหูเมื่อได้ยินคําพูดที่รุนแรงของจื่อหยาน และบ่นในใจของเธอ
เฮ้อ ฉันจะตกอยู่ในสภาพที่น่าสยดสยองแบบนี้ได้อย่างไร! ฉันยังไม่ได้ทําอะไรเลย! ฉันก็แค่อยากจะเข้าร่วมสมาคมนักจารึกอย่างสงบสุขเหมือนคนอื่นๆเท่านั้นเอง!
ถังลี่เสวี่ยรู้สึกได้ว่าจื้อหยานน่าจะมีความรู้สึกที่ดีต่ออาจารย์หลีเหว่ย แต่ดูเหมือนอาจารย์หลี่เหว่ยจะไม่ได้มีความรู้สึกใดๆ ที่พิเศษกับจื่อหยานเลย
แต่ไม่ว่าทั้งสองคนจะมีความสัมพันธ์อะไรกัน มันก็ไม่เกี่ยวข้องกับถังลี่เสี่ยเลย เพราะเธอเพิ่งได้พบอาจารย์หลี่เหว่ยในวันนี้ที่ชั้นเรียนผสมเพียงเท่านั้น!
ถังลี่เสวี่ยเริ่มเสียใจอย่างมากที่ขอความช่วยเหลือจากอาจารย์หลี่เหว่ยที่ทางเข้าของสมาคมนักจารึกก่อนหน้านี้
เฮ้อ… ฉันควรจะรอให้อาจารย์เหมยหลานกลับมาก่อน และขอให้เธอทําจดหมายแนะนําตัวให้ฉัน มันสายเกินไปแล้วที่ฉันจะเสียใจกับสิ่งที่ฉันทําลงไป เธอจะโกรธมากขึ้นแน่นอน ถ้าฉันปฏิเสธที่จะถอดหน้ากากออก ดูเหมือนจะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว ถังลี่เสวี่ยถอนหายใจ และถอดหน้ากากออก
เธอจับหน้ากากจิ้งจอกขาวไว้แน่นด้วยมือที่เรียวยาว เธอตัดสินใจเชื่อฟังคําพูดของจื่อหยานและถอดหน้ากากออก
ไม่ใช่ว่าใบหน้าของเธอเสียโฉมหรือน่าเกลียดอเลย ไม่มีอะไรน่าละอายเกี่ยวกับรูปลักษณ์อันน่าดึงดูดใจของเธอ เธอแค่ไม่ต้องการมีปัญหาที่ไม่จําเป็นเพราะเหตุนี้ แต่ใครจะรู้ว่าเพียงแค่เธอสวมหน้ากากก็ยังคงสามารถทําให้จื้อหยานอิจฉาได้อีก
สาวน้อย อย่าเสียใจในภายหลังแล้วกันนะ ถ้าพี่ชายที่รักของคุณจะคุกเข่าต่อหน้าฉันเมื่อเห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของฉันในตอนนี้! ถังลี่เสวี่ยพูดในใจของเธอ
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ถังลี่เสี่ยจะดึงหน้ากากจิ้งจอกของเธอออกจากใบหน้าได้ มือของผู้ชายก็จับมือที่เรียวยาวของเธอทันที และหยุดเธอจากการทําเช่นนั้น
“จอหยาน เธอเป็นนักเรียนของฉัน ดังนั้นโปรดอย่าทําให้อะไรให้มันยากสําหรับเธอ ไปกันเถอะ เสวียน้อย!” อาจารย์หลี่เหว่ยถึงมือที่เรียวยาวของถังลี่เสวี่ย และพวกเขากําลังมุ่งหน้าไปที่แผนกต้อนรับด้วยกัน
ถังลี่เสวี่ยขมวดคิ้ว และเธอก็ต้องการดึงมือของเธอออกจากมือของอาจารย์หลีเหว่ย แต่เขาจับมือเธอแน่นจนถึงลี่เสวี่ยไม่สามารถทําอะไรได้
จื่อหยานกัดฟันด้วยความเกลียดชัง และความโกรธ เมื่อเธอเห็นหลี่เหว่ยจับมือถังลี่เสวี่ยอย่างใกล้ชิด และเธอตัดสินใจที่จะติดตามพวกเขาอย่างใกล้ชิดจากด้านหลัง หากการจ้องเขม็งสามารถฆ่าใครซักคนได้ การจ้องเขม็งของจื่อหยานจากด้านหลังก็น่าจะฆ่าถังลี่เสวี่ยได้มากกว่าร้อยครั้งแล้ว
“อรุณสวัสดิ์อาจารย์หลี่ มีอะไรให้ช่วยไหม?” พนักงานแผนกต้อนรับหญิงยิ้มอย่างอ่อนโยนขณะทักทายอาจารย์หลีเหว่ยและถามอย่างสุภาพ
“สวัสดี ฉันต้องการลงทะเบียนให้นักเรียนของฉันเป็นสมาชิกใหม่ของสมาคมนักจารึก โปรดช่วยฉันดาเนินการตามขั้นตอนให้ทีนะ” อาจารย์หลี่เหว่ยบอกกับพนักงานต้อนรับหญิง ในขณะที่ตั้งถังลี่เสี่ยเข้ามาใกล้เขา
“โอ้ สตรีผู้นี้อายุยังน้อยแต่ได้กลายเป็นนักจารึกมือใหม่แล้ว ขอแสดงความยินดีกับอาจารย์หลี่ที่มีศิษย์ที่อายุน้อยและมีความสามารถ!” พนักงานแผนกต้อนรับหญิงหัวเราะคิกคักและแสดงความยินดีกับอาจารย์หลีเหว่ย
“เธอไม่ใช่ลูกศิษย์ของฉัน เป็นเพียงนักเรียนในชั้นเรียนที่ฉันสอนในวันนี้” อาจารย์หลีเหว่ยอธิบายตามความจริง
“เอ๊ะ? คุณหนูน้อย นี้ไม่ใช่ลูกศิษย์ของอาจารย์หล่งั้นหรอ?! น่าเสียดาย ถ้าอย่างนั้นคุณหนูน้อย ช่วยบอกชื่อของคุณ สายพันธุ์สุนัขจิ้งจอก และชื่ออาจารย์ของคุณให้ฉันทราบ ฉันต้องใช้ลงทะเบียนให้คุณ” พนักงานแผนกต้อนรับหญิงหยิบแผ่นหนังที่ดูโบราณสีเหลืองซีดซึ่งทําจากหนังสัตว์ที่ไม่รู้จักออกมา
“ถังลี่เสวี่ย จักรพรรดิจิ้งจอกจันทรา สําหรับอาจารย์… ฉันไม่มีอาจารย์จารึก ฉันเรียนรู้ด้วยตนเอง” ถังลี่เสี่ยตอบอย่างจริงจัง
เหตุผลที่เธอบอกว่าสายพันธุ์จิ้งจอกของเธอคือ [จักรพรรดิจิ้งจอกจันทรา] ไม่ใช่ [จักรพรรดิจิ้งจอกสุริยันและจันทรา] เป็นเพราะสายพันธุ์ [จักรพรรดิจิ้งจอกสุริยันและจันทรา] เป็นสายพันธุ์ที่แตกต่างซึ่งเกิดจากระบบที่สร้างขึ้นเพื่อถังลี่เสี่ยเท่านั้น ดังนั้นไม่มีใครสามารถมีสายพันธุ์ [จักรพรรดิจิ้งจอกสุริยันและจันทรา] ได้นอกจากถังลี่เสวี่ย!
“คุณหนูน้อย ได้โปรดอย่าล้อเล่นเลย สายพันธุ์ที่มีสายเลือดจักรพรรดิ และเจ้ามีสถานะสูงที่สุดในบรรดาสายพันธุ์อื่นๆ คุณโชคดีที่เราอยู่ในสถาบันจิ้งจอกนับหมื่นของทวีปวายุสวรรค์ ไม่อย่างนั้นคุณจะถูกประหารชีวิตอย่างแน่นอน ตรงจุดนั้นถ้าคุณอยู่ในสถาบันจิ้งจอกนับหมื่นของทวีปกลาง” พนักงานหญิงขมวดคิ้ว และเตือนถังลี่เสวี่ย
เอ๊ะ? แล้วสายพันธุ์ไหนที่มี “จักรพรรดิ” กับ เจ้า เป็นเรื่องที่พิเศษจริง ๆ ?! ฮิฮิฮิ… ดูเหมือนว่าฉันจะโชคดีจริงๆ ที่เลือกสิ่งนี้! นั่นหมายความว่าฉันเป็นเหมือนเจ้าหญิงในโลกมนุษย์ไม่ใช่หรือ? ถังลี่เสวี่ยยิ้มกว้างหลังหน้ากากจิ้งจอกของเธอ
เธอไม่รู้ถึงปัญหาใหญ่ที่เธอจะเจอในอนาคต ไม่อย่างนั้นเธอคงจะเสียใจกับมันมาก
“เอ่อ…ถ้าอย่างนั้น จิ้งจอกจันทราวิญญาณ” ถังลี่เสี่ยคิดอยู่ครู่หนึ่ง และตัดสินใจบอกทุกคนว่าเธอเป็นของสายพันธุ์ (จิ้งจอกจันทราวิญญาณ]
“เอาล่ะ จิ้งจอกจันทราวิญญาณ และ… คุณไม่มีอาจารย์นักจารึกอย่างนั้นหรอ!” พนักงานหญิงบันทึกสายพันธุ์ถังเสวี่ยเสร็จ แต่แล้วเธอก็ต้องประหลาดใจอีกครั้ง ปากของเธอเปิดกว้างมากจนเธอลืมปิดไปจนบัดนี้
อาจารย์หลี่เหว่ยตกตะลึงมานานแล้ว เมื่อถึงลี่เสวี่ยพูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ครั้งแรก
ถังลี่เสวี่ยไม่รู้ว่าการจารึกนั้นยากมากที่จะเรียนรู้ แม้ในขณะที่มีคนเรียนรู้จากอาจารย์ที่เหมาะสมก็ตาม
การเรียนรู้ด้วยตนเองเกี่ยวกับการจารึกแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แม้ว่าจะมีหนังสือเกี่ยวกับอักษรรูนอยู่ก็ตาม เพราะทุกอย่าง เช่น วิธีจับปากกาจารึกที่ถูกต้อง วิธีใช้พลังงานวิญญาณควบคู่ไปกับการเขียนอักษรรูนบนยันต์ และอื่นๆ อีกมากมาย จะส่งผลต่อโอกาสความสําเร็จของการสร้างยันต์
อันที่จริงแล้วมันเป็นไปไม่ได้ที่ถังลี่เสวี่ยจะประสบความสําเร็จ หาไม่ได้รับความช่วยเหลือจากระบบอย่างความรู้ที่สมบูรณ์จาก [แพ็คเกจอาชีพเสริม] และ ปากกาจารึก] สีทอง!
แม้จะมีอาจารย์สอนพิเศษที่ทุ่มเทเพื่อสอนทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง บุคคลที่มีพรสวรรค์ก็ต้องใช้เวลามากกว่าสิบปี…จึงจะเข้าถึงนักจารึกมือใหม่ได้!
แต่ระบบของถังเสวี่ยไม่เพียงแต่ท่าหน้าที่เร่งการเติบโตของถังลี่เสวี่ยในด้านของความแข็งแกร่ง เช่น การวิวัฒนาการ ทักษะ ความสามารถขั้นเทพ แต่ยังรวมถึงในด้านความรู้ เช่น เหรียญเทพ และการใช้ [แพ็คเกจอาชีพเสริม]
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า… การไปถึงนักจารึกระดับเริ่มต้นโดยการเรียนรู้ด้วยตนเอง ช่างโกหกอะไรเช่นนี้!” จ่อหยานจงใจตะโกนเสียงดัง เธอต้องการดึงดูดความสนใจของทุกคนให้ถังลี่เสี่ยอับอาย
“แม้แต่อัจฉริยะพันปีก็ยังต้องการคําแนะนําจากอาจารย์มากว่าสิบปีกว่าจะไปถึงนักจารึกระดับเริ่มต้น! สมาคมนักจารึกเป็นที่ที่นักจารึกทั้งหมดในสถาบันจิ้งจอกนับหมื่นมารวมตัวกัน แต่ฉันไม่เคยเห็นคุณที่นี่ด้วยซ้ํา! และคุณต้องเป็นน้องใหม่ แถมยังเรียนในอาคารการศึกษาอยู่ด้วย แล้วไปเรียนรู้เกี่ยวกับการจารึกได้อย่างไร!” จื่อหยานเยาะเย้ยถังเสวี่ย
ถังลี่เสี่ยเริ่มราคาญจื่อหยาน แต่จิตใจของเธอยังคงต้องใช้ความคิด และเธอพยายามคิดหาหนทางให้เร็วที่สุดเพื่อที่เธอจะได้ออกจากสถานการณ์ในตอนนี้ได้ โดยไม่เป็นที่สนใจมากเกินไป
“แน่นอน ฉันเรียนรู้จากนอกสถาบันจิ้งจอกนับหมื่น อาจารย์คนก่อนของฉัน คือ อาจารย์นักจารึกจากเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาอาศัยอยู่อย่างสันโดษบนส่วนที่ลึกที่สุดของภูเขา เขาไม่ได้สอนอะไรกับฉันและปฏิบัติกับฉันเหมือนอย่างสัตว์เลี้ยงของเขา แต่ฉันยังคงฟังทุกอย่างที่เขาสอนให้กับศิษย์ส่วนตัวของเขาก่อนที่เขาจะเสียชีวิต ดังนั้นฉันจึงได้รับความรู้ทั้งหมดเกี่ยวกับจารึกจากเขา” ยังลี่เสวี่ยไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากใช้ข้ออ้างที่คิดที่คิดได้จากนิยายที่เธอเคยอ่านมาก่อน
“ความรู้ของฉันมาจากไหน? มาจากเจ้านายของฉันที่ตายไปแล้ว!”
ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน? ฝังอยู่ในหลุมศพของเขา! อะไร? คุณต้องการพบเขาหรือไม่?”
มันเป็นข้อแก้ตัวที่โบราณ แต่ก็มีประสิทธิภาพในการปกปิดร่องรอยของเธออย่างแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอไม่สามารถบอกพวกเขาได้ว่าเธอได้ความรู้จากระบบของเธอ
อะไร? คุณต้องเรียนรู้มานานกว่าสิบปีเพื่อไปถึงระดับนักจารึกเริ่มต้น? โอเค ไม่มีปัญหา ฉันจะแต่งเรื่องตามคุณไป!”
“ฉันเรียนรู้ทุกอย่างจากเขามาเกือบยี่สิบปี ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต และฉันก็มาที่สถาบันจิ้งจอกนับหมื่นนี้ หลังจากนั้นฉันก็เรียนรู้ด้วยตัวเองสองสามเดือนในสถาบันจิ้งจอกนับหมื่นแห่งนี้” ถังลี่เสวี่ยยังคงโกหกต่อไปโดยไม่สะดุด เธอยังทําท่าทางเศร้า ราวกับว่าเธอกาลังสูดดมความเศร้าหลังหน้ากากของเธอ
อาจารย์หลี่เหว่ยพยักหน้าอย่างเข้าใจ และพูดกับถังเสวีย
“บอกชื่ออาจารย์ของคุณกับเธอ ไม่มีอะไรสําคัญเป็นเพียงการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลในปัจจุบันของคุณ”
ถังลี่เสวี่ยพยักหน้าให้อาจารย์หลี่เหว่ย และหันกลับไปหาพนักงานหญิง
“อาจารย์นักจารึกมนุษย์ของฉันชื่อ ถังซานซ่าง”
“ไม่ใช่ว่าคุณจะรู้จักชื่อลุงซุนของฉันอยู่แล้วนะ!”
“หยุด! รอสักครู่!” จ่อหยานหยุดพนักงานหญิงอีกครั้ง จากการบันทึกข้อมูลส่วนบุคคลของถังเสวี่ย
“พวกคุณทุกคนจะแน่ใจได้อย่างไรว่าเด็กหญิงตัวน้อยคนนี้ไม่ได้โกหกเรื่องการเป็นนักจารึกมือใหม่! จะดีกว่าไหมถ้าเราทดสอบทักษะของเธอในการจารึกก่อนที่จะบันทึกชื่อของเธอในฐานะนักจารึกมือใหม่! ใครจะไปรู้ล่ะว่าสิ่งนี้ เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้อาจจะโกหกเรื่องการเป็นนักจารึกมือใหม่ก็ได้!” จื่อหยานจ้องไปที่ถังลี่เสวี่ยด้วยความสงสัย
“คุณจื่อหยาน คุณช่วยหยุดใส่ร้ายนักเรียนของฉันได้ไหม” อาจารย์หลี่เหว่ยเริ่มอารมณ์เสียและเตือนจ่อหยานด้วยความไม่พอใจ
“ฉันไม่ได้ใส่ร้ายเธอ ฉันแค่ต้องการให้แน่ใจว่าเธอจะไม่ทําให้ชื่อสมาคมนักจารึกของฉันเสื่อมเสียทีหลัง ยังไงก็ตาม ฉันยังพานักเรียนใหม่มาที่นี่เพื่อลงทะเบียนเป็นสมาชิกใหม่ด้วย แล้วเรามาทดสอบทักษะของพวกเขากันดีไหมล่ะ” จื่อหยานเยาะเย้ยยั่วยุถังลี่เสี่ย
อาจารย์หลี่เหว่ยเหลือบมองถังลี่เสวี่ย เพื่อถามความคิดเห็นของเธอ
ถังลี่เสวี่ยไม่มีปัญหาในการทดสอบทักษะของเธอในการจารึก แต่ปัญหาคือ [ปากกาจารึกสีทองของเธอไม่สามารถมองเห็น หรือตรวจพบโดยคนอื่นที่ไม่ใช่เธอ
เธอยังไม่มีความมั่นใจเพียงพอในการจารึกยันต์โดยใช้ปากกาจารึกอันอื่น