เกิดใหม่เป็นสุนัขจิ้งจอก (Reincarnated As a Fox With System) - ตอนที่ 66
หลังจากคิดจนสมองของเธอเกือบจะระเบิด ถังลี่เสวี่ยก็เริ่มใช้ความเชื่อตามปกติของเธอ
‘ถ้าตัวเลือกบางอย่างยากเกินไปที่จะตัดสินใจในตอนนี้ ให้ลองเลื่อนมันออกไปทีหลัง จนกว่าฉันจะแน่ใจในตัวเลือกของฉันจริงๆ! ยิ่งกว่านั้น ฉันติดอยู่ที่เกรด [ธรรมดา] นานเกินไปแล้ว! ฉันควรเน้นที่ระดับของฉันตอนนี้ เพื่อที่ฉันจะได้พัฒนาเร็วขึ้น!’
หลังจากตัดสินใจอย่างหนักหน่วง ถังลี่เสวี่ยยังคงยัดยยาเข้าปากของเธอมากมายอย่างกับกินข้าวโพดคั่ว
เนื่องจากประสิทธิภาพของยาจะลดลงทุกครั้งที่กิน ดังนั้นเมื่อเธอเริ่มรู้สึกว่ายาชนิดนั้นที่เธอกินให้ EXP น้อยเกินไป เธอจะเปลี่ยนไปใช้ยาชนิดอื่นครั้งแล้วครั้งเล่า
[ยาเม็ดทำความสะอาดไขกระดูก]
[ยาฟื้นฟูเลือด]
[ยาเม็ดรวบรวมฉี]
[ยารักษากระดูก]
…..
เมื่อระยะเวลาการใช้งาน EXP 32 เท่าใกล้จะหมด ถังลี่เสวี่ยได้กินยาหลายชนิดไปแล้ว
[ยินดีด้วย! คุณบรรลุระดับ 16, แต้มค่าสถานะ +30, คะแนนทักษะ +6]
‘ไอ้บ้า! ตอนนี้ฉันถึงระดับ 16 แล้ว! ทำไมเมนูวิวัฒนาการยังไม่พร้อมใช้งานอีกล่ะ? อย่าบอกนะว่าฉันต้องไปถึงระดับ 21 เพื่อพัฒนาเป็นระดับ [ไม่ธรรมดา]! พระเจ้า! บางทีฉันควรจะเลือกวิวัฒนาการตอนที่ฉันเลเวล 11 แทนที่จะสร้างตันเถียน!’
ถังลี่เสวี่ยรู้สึกวิงเวียน และคลื่นไส้เพราะการกินมากเกินไป แม้แต่ท้องของเธอก็ป่องเหมือนสุนัขจิ้งจอกที่ตั้งครรภ์ เธอต้องการที่จะอ้วกทุกอย่างในท้องของเธอออกมาอย่างมาก แต่เธอยังคงพยายามอดทนและยัดยาหลาย ๆ เม็ดเข้าไปในคอของเธออย่างต่อเนื่อง
‘ตามรูปแบบของวิวัฒนาการระดับนี้ ไม่ได้หมายความว่าฉันต้องไปถึงระดับ 41 ในครั้งต่อไปเพื่อพัฒนาเป็นสัตว์ร้ายระดับ [หายาก] เหรอ! ถ้าอย่างนั้นฉันต้องไปถึงระดับ 81 เพื่อพัฒนาเป็นสัตว์ร้ายระดับ [ตำนาน] เพื่อฟื้นร่างมนุษย์ของฉัน! บ้าน่า… ระดับ 81! นั่นมันนานมากกกกกกกกก!’
[ยินดีด้วย! คุณบรรลุระดับ 17, แต้มค่าสถานะ +30, คะแนนทักษะ +6]
ในท้ายที่สุดถังลี่เสวี่ยพยายามเพิ่มระดับขึ้นอีกหนึ่งระดับ และไปถึงระดับ 17 ก่อนที่ระยะเวลาการใช้งาน EXP 32 เท่าจะหมดลงจริงๆ
ถังลี่เสวี่ยรู้สึกมืดมนหนทาง เมื่อเธอคิดได้ว่า
‘ฉันต้องการอีก 4 ระดับเพื่อไปถึงระดับ 21 … ดูเหมือนว่าวิธีที่เร็วที่สุดคือทำภารกิจยากขึ้นอีกหนึ่งภารกิจ และได้รับรางวัล +4 ระดับ จบ!’
ถังลี่เสวี่ยทำได้เพียงถอนหายใจ และรอโอกาสที่เหมาะสมเพื่อเรียกภารกิจที่ยากในภายหลัง
เนื่องจากตอนนี้เธอไม่มีอะไรทำ ถังลี่เสวี่ยจึงเริ่มพิจารณาเส้นทางวิวัฒนาการที่จิตวิญญาณการต่อสู้ของเธอจะใช้ในอนาคต
‘เต่าเปลือกแข็งตัวนี้อาจจะพัฒนาเป็นเต่าดำในตำนานในอนาคต ตำนานกล่าวว่ามันมีการป้องกันที่ไม่อาจทะลุทะลวง และมีช่วงชีวิตที่ไม่มีที่สิ้นสุด… แต่ฉันมี [ร่างเทพ] อยู่แล้ว ดังนั้นฉันจึงไม่มีภูมิต้านทานต่อการโจมตีทางกายภาพ และเมื่อฉันจัดการรวบรวมภูมิคุ้มกันของธาตุทั้งหมด… ฮิฮิฮิ… ฉันก็เลยไม่ต้องการ เส้นทางวิวัฒนาการการป้องกันนี้!’
ถังลี่เสวี่ยปฏิเสธเส้นทางวิวัฒนาการ (เต่ากระดองแข็ง) นี้ เธอไม่ได้คิดเลยจริงๆ ว่าเมื่อ [ร่างเทพ] ของเธอยังคงเปิดใช้งาน เธอก็ไม่สามารถโจมตีศัตรูได้เช่นกัน!
‘ดังนั้นก็เหลือแค่เส้นทางวิวัฒนาการ การสนับสนุน และการโจมตี สองอันนี้มันดีมาก จนฉันตัดสินใจลำบากมากๆ!’
‘ (ปลาทองบินได้) คงจะพัฒนาเป็นสัตว์ในตำนานที่เป็นลูกผสมระหว่างนกและปลา ที่เสริมการควบคุมน้ำ ควบคุมอากาศ และการควบคุมพื้นที่ทุกประเภท! เฮ้อ… ถ้าเราพูดถึงผู้สนับสนุนที่ไว้ใจได้ที่สุดแล้ว สัตว์ในตำนานตัวนี้ก็ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย!’
‘ในขณะที่ (งูม่วงมีพิษ)… ฉันไม่รู้ บางทีมันอาจจะพัฒนาเป็นไฮดรายักษ์เก้าหัว หรืออาจจะกลายเป็นมังกรผู้สูงศักดิ์ก็ได้! แต่สิ่งที่ดึงดูดใจฉันมากที่สุดเกี่ยวกับเส้นทางวิวัฒนาการนี้คือองค์ประกอบพิษของมัน!’
‘ลองนึกภาพถ้าฉันเผาศัตรูด้วยเปลวไฟแห่งความภาคภูมิใจ แล้วฉันก็วางยาพิษพวกเขาด้วยจิตวิญญาณการต่อสู้ของฉัน! ฉันต้องใช้ [ร่างเทพ] ของฉันเพื่อซ่อนและรอให้พวกมันอ่อนแอลง ก่อนที่จัดจัดการพวกเขา! เส้นทางวิวัฒนาการนี้จะทำให้ฉันเข้าใกล้การเป็นนักฆ่าที่สมบูรณ์แบบจริงๆ…’
ถังลี่เสวี่ยตัดสินใจที่จะไตร่ตรองเกี่ยวกับเรื่องนี้ในขณะที่เดินไปรอบ ๆ นิกายปีศาจอสูรเพื่อช่วยย่อยอาหารในท้องที่ป่องของเธอ
แต่เมื่อถังลี่เสวี่ยออกจากบ้านของเสี่ยวเฮย เธอสังเกตเห็นอีกครั้งว่ามีหลายคนซุ่มซ่อนอยู่ในลานบ้าน
พวกเขาเป็นสาวใช้และคนรับใช้ของเสี่ยวเฮย แต่ถังลี่เสวี่ยรู้ว่าตัวตนที่แท้จริงของพวกเขาคือสายลับที่ลุงอ้วนส่งมาให้เพื่อจับตาดูการเคลื่อนไหวของเสี่ยวเฮยทุกครั้ง
โดยปกติพวกเขาจะติดตามเสี่ยวเฮยเหมือนหมากฝรั่งที่ติดอยู่บนพื้นรองเท้า แต่เนื่องจากเหตุการณ์ของผู้อาวุโสหลินนั้น พวกเขาจึงคอยซุ่มอยู่รอบๆ บ้านของเสี่ยวเฮยแทน
ตอนแรกถังลี่เสวี่ยคิดว่าลุงอ้วนส่งพวกเขามาเพื่อค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับผู้โจมตีผู้อาวุโสหลิน แต่ตอนนี้ ถังลี่เสวี่ยไม่แน่ใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะบางทีลุงอ้วนคนนั้นอาจมีเจตนาชั่วร้ายอย่างอื่นกับเสี่ยวเฮย
‘ลองสะกดรอยตามพวกเขาสักสองสามคน แล้วดูว่าพวกเขาทำอะไรที่นี่!’
ถังลี่เสวี่ยเปิดใช้งาน [ร่างเทพ] ของเธอ และสะกดรอยตามพวกมันไม่กี่ชั่วโมง แต่ในท้ายที่สุดเธอพบว่าพวกเขาทำความสะอาดลานบ้านของเสี่ยวเฮยอย่างจริงจังในครั้งนี้
แต่เธอก็ไม่ยอมแพ้ ถังลี่เสวี่ยตัดสินใจติดตามพ่อบ้านที่กลับมาหลังจากทำความสะอาดลานบ้านเรียบร้อยแล้ว
พ่อบ้านตรงไปที่ห้องครัว และขอชามก๋วยเตี๋ยวเพื่อเติมความหิวจากพ่อครัว
เชฟเพียงพยักหน้าอย่างไม่แสดงอารมณ์ จากนั้นใช้เวลาสองสามนาทีเพื่อทำบะหมี่ร้อน
พ่อครัวมอบบะหมี่ร้อนหนึ่งชามพร้อมกับตะเกียบหนึ่งคู่ให้พ่อบ้าน และพ่อบ้านกล่าวขอบคุณพ่อครัวซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเขา
ถ้าถังลี่เสวี่ยไม่เคยเห็นการใช้ตะเกียบเพื่อถ่ายทอดข้อความแล้วละก็ ทุกอย่างคงจะเป็นเหมือนเรื่องปกติ ไม่มีอะไรแปลกเกิดขึ้น ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยคิดเลยว่าการเผชิญหน้าแบบนี้จะเป็นช่องทางในการส่งข้อความระหว่างคนของพวกเขา
พ่อบ้านกลับไปที่ห้องของเขา และนำชามบะหมี่ร้อนมาด้วย แต่เมื่อเขาวางชามลงบนโต๊ะ เขาก็พบว่าตะเกียบหายไป!
“เอ๊ะ… หายไปแล้ว! ทำไม… แปลกจัง! บางทีฉันอาจจะทำมันหล่นระหว่างทาง…” พ่อบ้านเริ่มค้นหาตะเกียบระหว่างทางที่เขาผ่านไปอย่างระมัดระวัง
…..
ในขณะเดียวกันถังลี่เสวี่ยกลับมาที่ห้องของเสี่ยวเฮยพร้อมตะเกียบคู่หนึ่งอยู่ในปากของเธอ
เธอยกเลิก [ร่างเทพ] ของเธออย่างรวดเร็วในตอนที่เธอเข้ามาในห้อง และวางตะเกียบไว้ข้างหน้าเธอ
เนื่องจากเธอไม่สามารถแยกตะเกียบด้วยอุ้งเท้าเล็กๆ ของเธอได้ ถังลี่เสวี่ยจึงตัดสินใจที่จะทุบมันด้วยกำลัง
จากนั้นเธอก็หยิบกระดาษแผ่นเล็กๆ ท่ามกลางตะเกียบแล้วเปิดออก
‘….. ฉันอ่านไม่ออก! เห้อ… พวกเขาใช้ข้อความที่เป็นรหัส!’
ถ้าเป็นคนอื่น ๆ พวกเขาคงจะไม่มีทางอ่านกระดาษแผ่นนี้แล้ว แต่ถังลี่เสวี่ยแตกต่างจากพวกเขา! เธอเพียงเคาะกระดาษแผ่นเล็กๆ น้อยๆ แล้ว…
[คุณต้องการทำความเข้าใจ รหัสลับข้อความ ด้วยราคา 10 เหรียญเทพ หรือไม่? ใช่/ไม่ใช่]
‘ฮี่ฮี่ฮี่… ช่างเป็นระบบที่ดีอะไรอย่างนี้! ราชินีองค์นี้ชอบคุณมาก! ใช่!’
ถังลี่เสวี่ยรู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ในใจของเธอครู่หนึ่ง และหลังจากเสร็จสิ้น เธอพยายามมองดูข้อความที่เขียนด้วยกระดาษแผ่นเล็ก ๆ แต่คราวนี้เธอสามารถเข้าใจทุกอย่างที่เขียนไว้อย่างชัดเจน