เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 104 ที่แท้เจ้าเองก็ใช่หรือ
“ภพ…ภพก่อน…?” ซูสุ่ยเลี่ยนตกใจอึ้งกุมปากไว้แน่น สวรรค์ นางไม่ได้ฟังผิดใช่ไหม หลงซีเยว่…นางถึงกับเหมือนกับนาง? วิญญาณข้ามมาจากอีกมิติหนึ่ง?
“ถูกต้อง ภพก่อน” หลงซีเยว่จ้องมองซูสุ่ยเลี่ยนไม่กะพริบตา สีหน้าท่าทางจริงจัง ไม่มีรอยยิ้มล้อเล่นแม้แต่น้อย
“ซีเยว่…” ซูสุ่ยเลี่ยนครางเรียกชื่อนางขึ้นเบาๆ ไม่ใช่มีแต่ตนเองที่พบเจอเรื่องประหลาดเข้าครองร่างคนเดียวบนโลกนี้แล้ว…
“หรือคิดว่าข้าเป็นปีศาจ? ปีศาจที่ต่างจากคนรอบข้าง?” หลงซีเยว่ถอนหายใจเบาๆ
เก้าปีมานี้ต้องพยายามเก็บงำซ่อนเร้นอาการพฤติกรรมแบบตอนที่อยู่อีกมิติหนึ่ง แต่กลับไม่อาจระงับความคิดถึงได้
ความคิดถึงที่มีต่อญาติสนิทมิตรสหายที่นั่น คิดถึงการแพทย์ที่ล้ำสมัยในตอนนั้น คิดถึงเครื่องมือผ่าตัดที่ตนใช้ได้อย่างชำนาญการ
และเหตุนี้เอง นางจึงแอบให้ช่างวังหลวงทำมีดผ่าตัดให้นางชุดหนึ่ง แต่นางไม่เคยเอาออกมาใช้งาน มีไว้แค่ให้คลายคิดถึง
ครั้งนี้เดิมคิดว่าจะได้ใช้ แต่ซูสุ่ยเลี่ยนกลับทนอึดผ่านมาได้ สตรีตัวน้อยที่นุ่มนิ่มราวไร้กระดูก ร่างกายอ่อนแอท้องใหญ่โตผู้นี้กลับทนฝืนผ่านมาได้
“เป็นไปได้อย่างไร” ซูสุ่ยเลี่ยนลุกขึ้นนั่งตัวตรง ดึงมือหลงซีเยว่มากุมไว้ วาจาเมื่อครู่หลงซีเยว่ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเป็นดังสิ่งที่นางคิดกลัวในใจ
“ไม่มั้ง คนบนโลกนี้ แม้เป็นคนเรียบง่าย แต่ไม่น่าจะยอมรับเรื่องพวกนี้ได้ ล้มป่วยสลบไสลไม่ได้สติก็เปลี่ยนจิตวิญญาณได้ หากเป็นเจ้า เจ้าไม่รู้สึกกลัวหรือ” หลงซีเยว่หัวเราะเบาๆ กระซิบเบาๆ ข้างหูซูสุ่ยเลี่ยน ยามนี้นางรู้สึกจิตใจสงบนิ่งลงมาก
บนโลกใบนี้ นางจะไม่เป็นวิญญาณที่โดดเดี่ยวอีกต่อไปแล้ว มีคนอีกคนที่วิญญาณข้ามมิติมา เหมือนกับนาง การรับรู้เช่นนี้ทำให้ซูสุ่ยเลี่ยนรู้สึกจิตใจสงบลงได้อย่างน่าประหลาด ความสงบของจิตใจเช่นนี้ต่างกับที่อาเย่ามอบให้กับนาง ความกังวลลึกๆ ที่แอบซ่อนไว้ในส่วนลึก ตอนนี้ก็หายไปหมดสิ้นแล้ว
“ข้าเคยกลัวจริงๆ กลัวคนอื่นรู้แล้วจะจับข้าไปแขวนไว้บนท่อนไม้สูงแล้วเผาด้วยไฟ” ซูสุ่ยเลี่ยนรับคำเบาๆ แววตาหลงซีเยว่ทำให้นางลืมความกลัว
“กล่าวเช่นนี้ เจ้าก็มาตั้งแต่ความจำเสื่อมตอนนั้นสินะ” หลงซีเยว่ได้ยินก็ยิ้มบางพลางพยักหน้า มั่นใจสิ่งที่คาดเดาแล้วก็กล่าวออกมาว่า “แต่ว่าเจ้าไม่เหมือนคนจากศตวรรษที่ 21?”
“ศตวรรษที่ 21? นั่นมันยุคสมัยไหนกัน?” ซูสุ่ยเลี่ยนเลิกคิ้วอย่างตกใจ “ข้าจำได้แม่นยำว่าตอนนั้นอยู่ใน ปีสาธารณรัฐที่ 23”
“สวรรค์!” ยามนี้เปลี่ยนเป็นหลงซีเยว่ตกใจจนอ้าปากค้างแทนแล้ว สตรีจากยุคสาธารณรัฐ! มิน่าวาจาและพฤติกรรมนางจึงได้เรียบร้อยสูงสง่าราวกับสตรีมีตระกูล
“ให้ข้าเดานะ เจ้าต้องมาจากตระกูลใหญ่” อึ้งไปเป็นนานก่อน หลงซีเยว่จึงได้ยอมพูด
“อืม น่าจะนับเช่นนั้นได้กระมัง ร้านตระกูลผ้าปักซูซิ่ว เจ้าเคยได้ยินไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มเขินๆ จากนั้นก็พยักหน้า ตระกูลซูอยู่เมืองซูโจวยุคสาธารณรัฐถือว่าเป็นตระกูลใหญ่มีชื่อกระมัง อย่างน้อยร้านตระกูลผ้าปักซูซิ่วในตอนนั้นก็เป็นร้านที่มีชื่อเสียงระดับชาติหรืออาจระดับนานาชาติเลยทีเดียว
“ร้านตระกูลผ้าปักซูซิ่ว? กล่าวเช่นนี้…อืม ข้าจำได้แล้ว เจ้าคงไม่ใช่ชาวเมืองซูโจวกระมัง แซ่ซู? ซูสุ่ยเลี่ยน? มิน่า! อา! ตระกูลเจ้าคือตระกูลซูร้านตระกูลผ้าปักซูซิ่ว?” หลงซีเยว่ยิ้งอึ้งเข้าไปอีก สุดท้ายได้แต่ตาโตจ้องมองซูสุ่ยเลี่ยนส่งเสียงอุทานไม่หยุด
บ้านยายหลงซีเยว่ก็อยู่เมืองซูโจว เคยได้ยินยายเล่าว่าห่างจากบ้านเก่านางไม่ไกลนัก มีกำแพงสูงล้อมรอบบ้านหลังใหญ่มาก ก็คือตระกูลซูแห่งยุคสาธารณรัฐ เป็นตระกูลผ้าปักซูซิ่ว ยังมีร้านตระกูลผ้าปักซูซิ่วอีกด้วย
ตอนเด็กๆ หลงซีเยว่มักไปเที่ยวบ้านยายที่เมืองซูโจวตอนปิดเทอมหน้าร้อนเสมอ ตามญาติผู้พี่ผู้น้องที่เป็นผู้ชายออกเล่นซุกซนไปทั่ว ยังเคยแอบปีนกำแพงสูงตระกูลซู แม้ว่าตอนนั้นรัฐบาลกำหนดให้เป็น ‘ตึกอนุรักษ์’ แยกออกจากบ้านชาวบ้านทั่วไปไปแล้วก็ตาม
วุ่นวายไปหมดแล้ว ประวัติศาสตร์แท้จริงจะดำเนินไปอย่างไร สตรีสองนางที่เดิมไม่ได้เกี่ยวข้องกันเลยแต่ก็ยังมีความเกี่ยวโยงถึงกัน ถึงกับข้ามมิติเวลามาพบกัน…
สองคนสบตากันแล้วก็หัวเราะดังลั่น ดีจริง มาอยู่แผ่นดินต้าหุ้ยที่มิติเวลาห่างกันไกลมาก ยังถึงกับได้พบกับ ‘คนบ้านเดียวกัน’ ได้อีก…
……
“ดูๆ นังหนูนี่ น่ารักจริง! หน้าตาแทบจะถอดมาจากนังหนูสุ่ย วันหน้าโตมาก็ย่อมต้องเป็นสาวงามแน่!”นางเหลากับนางเถียนที่มาเยี่ยมซูสุ่ยเลี่ยน เห็นหลินหลงตื่นแล้วก็เย้าแหย่ทารกน้อยแสนน่ารักอย่างเบิกบานใจ เอาแต่ส่งเสียงคุยไม่หยุด
“จะว่าไป เซียวเอ๋อร์เหมือนอาเย่า หลงเอ๋อร์เหมือนนังหนูสุ่ย เหมือนดังหงส์มังกรเสียจริง!” นางเถียนส่งเสียงเดาะลิ้นจุ๊ๆ ชื่นชม ภาษิตว่าได้ดี มังกรกำเนิดมังกร หงส์กำเนิดหงส์…เหมือนซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่าสองคนที่คนหนึ่งงดงามอ่อนหวาน อีกคนรูปหล่อผึ่งผาย ลูกที่ออกมาจะขี้เหร่ได้อย่างไรกัน หากพวกเขามีวาสนา ก็อยากให้ลูกของลูกสาวได้หมั้นหมายกับลูกน้อยซูสุ่ยเลี่ยนแต่วัยเด็กนี่เลย
จะว่าไปพักก่อนสี่ชุ่ยก็มีข่าวดีแล้ว ตั้งครรภ์ได้สองเดือนแล้ว กำหนดคลอดก็ปลายฤดูร้อนปีหน้า ดีใจจนป้าเหลาหลายวันนี้เอาแต่เร่งตัดเย็บชุดและรองเท้าเด็กน้อยไม่หยุด
เถียนนิวเดิมจะแต่งปีหน้า ฝ่ายชายเร่งรัดมาหลายรอบ ก็เลยให้แต่วันที่ยี่สิบเดือนสิบสองต้นปีนี้ ห่างจากตอนนี้แค่ครึ่งเดือน ดังนั้นพักนี้นางเถียนเลยยิ้มหน้าบาน ยุ่งกับการเตรียมงานแต่งลูกสาว
“ป้าเหลา ชุดเล็กๆ พวกนี้ช่วยข้ามอบให้สี่ชุ่ยด้วย” ซูสุ่ยเลี่ยนให้ชุนหลันหยิบชุดใหม่จากในตู้ออกมา เลือกตัวเสื้อที่ตัดด้วยผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดสองชุด กับเอี๊ยมสองตัวที่ปักลายกบกับใบบัว พร้อมกับรองเท้าหัวเสืออีก[1]สองคู่ มอบให้ป้าเหลา
“ไม่ๆๆ นังหนู เซียวเอ๋อร์กับหลงเอ๋อร์ยังเล็กจะได้ใช้ ข้าเองก็กำลังตัดเย็บอยู่นี่อย่างไร อย่างไรก็ไม่ต้องเร่งรีบในวันสองวันนี้ มีเวลาพอจะเตรียมตัว” ป้าเหลาโบกมือไหวๆ
ผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดสองชุดนี่ก็หลายร้อยเหรียญทองแดงแล้ว นางจะกล้ารับได้อย่างไร
นางตัดเสื้อเด็กให้ลูกในท้องสี่ชุ่ย นอกจากชุดใหม่ไว้ใส่ในงานเลี้ยงครบเดือนที่ตัดด้วยผ้าฝ้ายใหม่หมดแล้ว ที่เหลือนางก็หาเอาชุดเก่าที่ลูกชายลูกสาวนางใส่ตอนเด็กออกมาแก้ เพราะหากเด็กๆ แต่เล็กจนโตล้วนใช้ผ้าฝ้ายขาวเนื้อละเอียดตัดเย็บก็ย่อมจ่ายไม่ไหว
“ป้าเหลา ท่านรับไว้เถอะ นี่ข้าตัดเอง เนื้อผ้านุ่มมาก เสื้อผ้าเซียวเอ๋อร์กับหลงเอ๋อร์มีพอใส่แล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนให้ชุนหลันเก็บลงห่อผ้า ไว้มอบให้ป้าเหลาตอนนางจะกลับ
ลองคิดดูแล้ว หลินเซียวกับหลินหลงสองคนอายุห้าขวบก็ไม่จำเป็นต้องให้นางตัดเย็บเพิ่มอีกแล้ว ก่อนนางคลอดก็เตรียมไว้ให้พวกเขาแต่ละช่วงอายุไว้หมดแล้ว พวกเหลียงหมัวมัวมาก็เอาชุดใหม่มากันอีกหลายตู้ท่านอ๋องเฒ่ากับพระชายาตอนมาก็ส่งมาอีกไม่น้อย
ต้องบอกว่าหลินเซียวกับหลินหลงใส่ไปได้ถึงห้าขวบไม่มีขาด
“คือ…” ป้าเหลารับไว้อย่างเขินอายเล็กน้อยจริงๆ
ซูสุ่ยเลี่ยนให้ของขวัญพวกเขามาไม่น้อยแล้ว แทบจะทุกครั้งที่มาก็ล้วนมีติดไม้ติดมือกลับไป
ครั้งก่อนเหลียงหมัวมัวสั่งให้ชุนหลันส่งกล่องผ้าแพรต่วนมาที่บ้านนาง แม้นางตัดใจใช้ไม่ลง แต่ก็รู้ว่าหากถูกสะใภ้คนโตรู้เข้าก็คงถูกเอาไปแน่ ดังนั้นจึงตัดใจว่านางจะตัดชุดใหม่ให้กับนางและสามีนางไว้ใส่ตอนปีใหม่ จะได้กลับไปอวดที่บ้านแม่ของนางสักหน่อย
“ในเมื่อนังหนูมอบให้สี่ชุ่ย เจ้าก็รับไว้แทนนางละกัน ใช่ว่าไม่เป็นเพื่อนบ้านกันแล้ว วันหน้าก็ยังมีโอกาสได้คืนกลับได้อีกนี่” ตอนนางเถียนศอกใส่ป้าเหลาก็ยิ้มกล่อมไปด้วย นางเป็นคนตรงๆ ในเมื่อนังหนูสุ่ยบอกแล้วว่าให้ ก็ย่อมต้องสั่งให้สาวใช้ห่อแล้ว อย่างนั้นจะมัวมาเกรงใจกันทำไมอีก ไม่สู้กลับบ้านไปหาของกินอร่อยๆ มามอบกลับคืนแทนไม่ดีกว่าหรือ
“ป้าเถียนกล่าวได้ถูกต้อง พวกเราต้องเป็นเพื่อนบ้านกันไปอีกนาน” ซูสุ่ยเลี่ยนอมยิ้มรับคำ
จากนั้นก็ให้ชุนหลันไปเลือกกำไลเงินรูปหงส์จากเครื่องประดับออกมา เป็นชิ้นที่ซื้อมาจากตลาดเพราะดูแล้วงานฝีมือประณีตดี ห่อใส่ผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมมอบให้นางเถียน “ต้านิวแต่งงาน ข้ายังออกไปร่วมงานไม่ได้ก็ขอมอบของขวัญนี่ให้ล่วงหน้า”
“แต่…แพงเกินไปแล้ว!” นางเถียนเห็นเป็นกำไลหงส์ทำจากเงินบริสุทธิ์ ในใจก็รู้ว่าราคาย่อมไม่น้อย
“คือ…ใช่แล้ว ข้าจำได้ว่าต้านิวชอบเครื่องกระเบื้องเคลือบ…ชุนหลัน ไปห้องใต้ดินเลือกเอาเครื่องกระเบื้องที่เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญแต่งงานมาสักชิ้น ช่วยส่งไปบ้านเถียนเป็นของอวยพรแทนข้าด้วย”
“เจ้าค่ะ คุณหนู ชุนหลันจำได้ว่ามีแจกกันรูปมังกรหงส์ที่สีสันเป็นมงคลอยู่คู่หนึ่ง จะรีบไปหาออกมาให้คุณหนูดู?”
“ถ้าได้ก็จะดีมาก” ซูสุ่ยเลี่ยนรีบพยักหน้า ส่งสัญญาณให้ชุนหลันลงไปห้องใต้ดินหาเครื่องกระเบื้องเคลือบที่เหมาะแก่การมอบเป็นของขวัญแต่งงาน
เครื่องกระเบื้องเคลือบที่วางอยู่ในห้องใต้ดิน ส่วนใหญ่นางก็เห็นแล้ว บางชิ้นยังเป็นของโบราณที่สูงค่ามาก บางชิ้นก็เหมาะเอาไว้ปักดอกไม้ มีอยู่ราวห้าหกคู่ที่ล้วนบรรจุอยู่ในหีบไม้ใบใหญ่ พร้อมห่อด้วยผ้าแพรอย่างแน่นหนา
ตอนขึ้นบ้านใหม่ นางก็เลือกออกมาสี่คู่ที่สีสันไม่ฉูดฉาดนัก มาเป็นแจกันปักดอกไม้แทนใบที่ถูกพวกเฟิงชิงหยาทำแตกไป
“นังหนู…” นางเถียนเดิมที่ตรงไปตรงมา ยามนี้ก็เริ่มไปไม่ถูกเช่นกัน
เครื่องกระเบื้องเคลือบ! เป็นเครื่องประดับบ้านที่มีเฉพาะในตระกูลสูงเท่านั้น เครื่องกระเบื้องเคลือบที่ขายกันอยู่ตามท้องตลาด แม้ว่าเป็นเครื่องกระเบื้องเคลือบไว้ปักดอกไม้ที่เนื้อหยาบที่สุดก็ราคาตั้งหลายร้อยเหรียญทองแดง เอาไว้ปักดอกไม้เท่านั้น
ดังนั้นแม้ว่าต้านิวมองตาเป็นมันคิดจะซื้อไปเป็นของขวัญออกเรือนให้ตนเอง แต่ก็ถูกนางระงับไว้ จ่ายเงินหลายร้อยเหรียญทองแดงเพื่อซื้อแจกันคู่เดียว ไม่สู้เอาไปซื้อเป็นผ้าฝ้ายมาตัดเสื้อสวมกันได้หลายคนทีเดียว
“ป้าเถียน ข้ารู้ว่าต้านิวก็ชอบพวกดอกไม้ มีแจกันปักดอกไม้ วันหน้าก็จะได้เอาไว้เป็นของประดับในบ้านใหม่ให้ดูดีได้ด้วย” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มกล่อมนางเถียน
เถียนนิวไม่เหมือนสี่ชุ่ยที่มีนิสัยเงียบๆ แต่มีชีวิตชีวามาก นิสัยเถียนนิวก็เหมือนนางเถียน ตรงไปตรงมา ไม่ชอบการปักผ้า แต่ชอบดอกไม้ ตอนมาเยี่ยมที่บ้านวันก่อน ยังแอบชอบดอกไม้ปักในแจกันของนางที่ตั้งประดับไว้อย่างมาก ปกติก็มักจะเด็ดดอกไม้ตามฤดูกาลจากลานบ้านเพื่อนบ้านไปปักไว้ในแจกันดอกไม้ในห้องตนเองอย่างตื่นเต้นดีใจ
สุดท้ายนางเถียนก็กล่าวสู้ซูสุ่ยเลี่ยนไม่ได้ รับเครื่องกระเบื้องเคลือบมังกรหงส์ลายดอกเหมยสีขาวคู่หนึ่งที่ชุนหลันอุ้ออกมาไป กอดเอาไว้อย่างไม่ยอมวาง รับรู้ได้ถึงความลื่นละมุนของเนื้อกระเบื้องยามสัมผัส ทนไม่ไหวกล่าวว่า “นังหนู แจกันนี่…แพงใช่ไหม”
“แพงไม่แพง ล้วนเอาไว้ปักดอกไม้ ขอเพียงต้านิวชอบ ก็คุ้มค่าแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้าบอกให้นางเถียนอย่าใส่ใจ ในเมืองฝานฮัวก็มีแค่บ้านสองบ้านนี้ที่มีค่าควรที่นางจะปฏิสัมพันธ์ด้วย
ตอนนี้บ้านเถียนแต่งลูกสาว แต่นางกำลังอยู่ไฟหลังคลอด ไม่อาจไปซื้อหาของขวัญด้วยตนเองได้ ได้แต่เอาของขวัญที่จวนอ๋องให้มามอบให้เถียนนิวเป็นของขวัญติดตัวออกเรือน ดีที่เถียนนิวเองก็ชอบแจกันเครื่องกระเบื้องเนื้อประณีตพวกนี้ นางย่อมยินดีที่ไม่ต้องปวดหัวคิดหาของขวัญอีก
——————-
[1] รองเท้าหัวเสือ รองเท้าที่ส่วนหัวจะเย็บนูนขึ้นเป็นทรงคล้ายอุ้งเท้าเสือ นิยมใส่ในสมัยจีนโบราณ