เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 112 กลับมาแล้ว
“เด็กดี พวกเจ้าคิดถึงท่านพ่อแล้วใช่ไหม” นางถอนหายใจมองหลินเซียวในอ้อมกอดหน้าตาเหมือนหลินซือเย่า หลินหลงในเปลกำลังถีบเท้าตวัดแขนไปมาเล่นกับตนเองอย่างมีความสุข
หลินซือเย่าจากไปได้หนึ่งเดือนเต็มๆ แล้ว ยังคงไม่มีวี่แววว่าจะกลับมา
ทุกครั้งที่ถามซือถู คำตอบที่ได้เหมือนกันทุกรอบ ซือเล่ายังไม่หายดี ไม่อาจเร่งเดินทางได้
หลายครั้งเข้า ซูสุ่ยเลี่ยนก็มองออกว่าซือถูอวิ๋นกำลังปิดบังนาง ส่วนความจริงคืออะไรนั้น นางอยู่ๆ พลันไม่อยากรู้แล้ว เพียงแต่วันแล้ววันเล่าในใจก็ได้แต่แอบอธิษฐาน เขาต้องไม่เป็นอะไร นางบอกกับตัวเองเช่นนี้
ยังไม่ทันได้สอนวิชากระบี่และพลังตัวเบาให้ลูกๆ เลย ยังไม่ทันได้พานางไปเที่ยวทั่วแผ่นดินต้าหุ้ยเลย ยังไม่รู้ว่านางรักเขาแค่ไหน เขาจะเกิดเรื่องได้อย่างไร
“คุณหนู คุณหนูและคุณชายน้อยควรเข้านอนได้แล้ว บ่าวอุ้มไปป้อนนมที่ห้องปีกตะวันตกก่อน คุณหนูก็ควรล้างหน้าเข้านอนได้แล้ว” เหลียงหมัวมัวเขี่ยไส้ตะเกียงน้ำมันให้สลัวลง ก่อนจะอุ้มหลินหลงขึ้นจากเปล ส่งให้ไป๋เหอเอาไปให้แม่นมป้อนนม ปูเตียงเรียบร้อยก่อนจะรับหลินเซียวจากมือซูสุ่ยเลี่ยน
“คืนนี้ข้าให้นมเอง เจ้าไปบอกแม่นมให้พักผ่อนได้ ยามอิ๋นค่อยมา” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า สั่งการละเอียดช่วงนี้กลางคืนนางนอนหลับไม่ค่อยสนิท ก็เลยอยากป้อนนมสองทารกแฝด แม่นมค่อยมารับต่อในช่วงเช้ามืดก่อนฟ้าสาง
“คุณหนู เช่นนี้สุขภาพท่านจะไม่ไหว” เหลียงหมัวมัวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง คุณหนูสี่จวนอ๋องจะลุกขึ้นมาให้นมเองตอนเที่ยงคืน หากให้ท่านอ๋องเฒ่าและพระชายารู้เข้า พวกนางคงได้ถูกถลกหนังแน่
“ข้ารู้ว่าควรทำเช่นไร หากเหนื่อยย่อมบอกเจ้า” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้ม นอนไม่หลับก็ควรหาอะไรทำ จะได้ไม่ทำให้นางยิ่งกังวลก็ยิ่งร้อนใจ
“ได้ คุณหนูรู้แล้วก็ดี บ่าวกลัวว่าคุณหนูเหนื่อยเกินไป” เหลียวหมัวมัวแอบถอนหายใจเบา อุ้มหลินเซียวขึ้นมาอย่างขัดไม่ได้ เดินไปห้องปีกตะวันตกป้อนนม ก่อนจะสั่งการตามที่ซูสุ่ยเลี่ยนบอก
ซูสุ่ยเลี่ยนล้างหน้าบ้วนปากเสร็จก็เปลี่ยนชุดนอน ทารกแฝดถูกเหลียงหมัวมัวกับไป๋เหออุ้มกลับมาห้องปีกตะวันออกแล้ว ตอนนี้หลินเซียวก็หลับแล้ว หลินหลงยังแค่หาวอยากนอน วางลงเปลทีละคน เตียงน้อยถูกย้ายไปข้างเตียงใหญ่ จะได้ให้ซูสุ่ยเลี่ยนป้อนนมตอนเที่ยงคืนได้สะดวกขึ้น
ความจริงตั้งแต่ย้ายมาอยู่ห้องปีกตะวันออก การป้อนนมกลางคืนก็ป้อนกันในห้อง โดยเฉพาะช่วงอยู่ไฟ ในห้องมีกระถางไฟเล็กๆ คอยให้ความอบอุ่น แม่นมนอนรออยู่บนเตียงเก้าอี้ที่ห้องส่วนนอก พอได้ยินทารกแฝดส่งเสียงร้องก็จะรีบเข้ามาป้อนนม ป้อนเสร็จก็จะกลับออกไปพักห้องส่วนนอก
ตอนนี้ได้สองเดือนแล้ว ทารกแฝดกินนมน้อยมื้อลงแล้ว ส่วนใหญ่ก่อนเข้านอนก็ป้อนนมมื้อหนึ่ง ก็จะยาวไปจนเที่ยงคืน แล้วก็ต่อไปถึงยามอิ๋นใกล้รุ่ง ดีที่ทารกแฝดกินนมมีระเบียบวินัย ทำให้ซูสุ่ยเลี่ยนกับแม่นมเบาใจไปมาก
รอหลินหลงนอนแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็ดับตะเกียง จุดตะเกียงไว้นางยิ่งนอนไม่หลับ แต่พอดับแล้ว นางก็มองออกไปยังพระจันทร์เสี้ยวนอกหน้าต่าง ความคิดที่อัดแน่นกดทับนางในตอนกลางวันก็เริ่มผุดขึ้นมาอีกครั้ง
นอนอยู่บนเตียงเงียบๆ ไม่รู้ว่านานเท่าไร จนเริ่มรู้สึกเคลิ้มกำลังจะหลับ พลันรู้สึกข้างเตียงมีอะไรบางอย่างเคลื่อนไหว ตามมาด้วยกระแสเยียบเย็นยามค่ำคืน ซูสุ่ยเลี่ยนลืมตาตื่นขึ้นทันที กำลังจะร้องเรียกไป๋เหอที่นอนอยู่ห้องด้านนอก
“ข้าเอง” เสียงทุ้มนุ่มของผู้ชายที่แสนคุ้นเคยทำให้นางคลายความตื่นตกใจลง หันไปโถมตัวเข้าใส่ร่างเย็นที่วิ่งฝ่าความหนาวเย็นมาทั้งคืน “กลับมาแล้ว”
“ใช่ ข้ากลับมาแล้ว” หลินซือเย่าสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด สูดกลิ่นหอมแตะจมูกอบอุ่นที่ทำให้เลือดในกายอันหนาวเหน็บของเขาอุ่นเป็นปกติ
“กลับมาก็ดี กินอาหารค่ำมาหรือยัง” ซูสุ่ยเลี่ยนพยายามระงับความตื่นเต้น ยื่นมือไปลูบไล้ทั่วกายเขา เหมือนคิดค้นหาว่ามีร่องรอยอะไรหรือไม่
“ไม่หิว ไม่ต้องหาแล้ว ไม่มีบาดแผล” หลินซือเย่ายิ้มพลางหยุดมือนางที่พยายามลูบไล้ค้นหา ดึงสองมือนางมากอดเอวเขาไว้แทน
“ฟังอวิ๋นเอ๋อร์เล่าว่าซือเล่าได้รับบาดเจ็บหนัก จึงทำให้เดินทางล่าช้า เขาสบายดีไหม”
“อย่างน้อยยังมีชีวิต” ไปสู้กับสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงคนเดียวแล้วรอดกลับมาได้ ก็ถือว่าปาฏิหาริย์แล้ว แน่นอนว่ากลั่นหยกเซียนช้อนนั้นได้ใช้ประโยชน์แล้ว ไม่เช่นนั้นซือเล่าแม้มีลมหายใจแต่ก็ทนได้อีกไม่เกินครึ่งปี
“เจ้าล่ะ ไม่เป็นอะไรจริงหรือ” พอได้ยินหลินซือเย่าเล่าเรื่องที่ทำให้นางตกใจ ก็อดมองเขาทั้งตัวอย่างสำรวจไม่ได้ กลัวว่าเขาจะจงใจปิดบังนาง
“ข้าไม่เป็นไร” แม้มีบาดแผลเล็กๆ แต่ก็หายดีหลังผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว เขาย่อมไม่ให้นางได้มีโอกาสหลั่งน้ำตาเพราะบาดแผลเขาอีก เขาไม่ลืมภาพรอยบาดแผลที่เคยทำให้นางต้องหลั่งน้ำตา
“ไม่เป็นไรจริงหรือ ไม่ได้หลอกข้าใช่ไหม หากมีบาดแผลจริง ห้ามปิดบังข้าเด็ดขาด” ซูสุ่ยเลี่ยนมองเขาอย่างเป็นห่วง พลางกล่าวเน้นทีละคำ
“วางใจ ไม่เป็นไร” หลินซือเย่ายิ้ม เอียงตัวจุมพิตนางทีหนึ่ง คิดจะเบนความสนใจนาง
“หลายวันนี้ที่บ้านสบายดีไหม” เขาใส่ใจความปลอดภัยของนางและทารกแฝด
“ดีมาก จวนพักตากอากาศก็สร้างได้ครึ่งเดือนแล้ว ที่รกร้างทางตะวันตกนั่นก็สร้างรั้วไผ่ขึ้นล้อมไว้แล้ว วันหน้าก็คือที่ตั้งจวนพักตากอากาศ อีกเรื่อง เพื่อให้เข้าเมืองสะดวก ช่างใหญ่วางโครงสร้างพื้นฐานไว้ว่าจะสร้างถนนเชื่อมกับถนนในหมู่บ้านด้วย สร้างเส้นทางหลวงใหม่ ตรงเข้าเมืองหลวง และทางไปวัดชิงอวี้”
หลินซือเย่าฟังสตรีตัวน้อยในอ้อมกอดเล่าเสียงอ่อนโยนไม่หยุด อารมณ์ที่เคร่งเครียดติดกันมาหลายวันสุดท้ายได้ระบายออกแล้ว
“ไม่ไปไหนอีกแล้วใช่ไหม” รายงานเรื่องที่เขาไม่อยู่เดือนหนึ่งจบ นางก็ถามสิ่งที่ค้างอยู่ในใจ
“ไม่น่านะ แต่ว่าพี่ชายเจ้าอยากให้ข้าไปเมืองหลวงสักครั้ง” สองคนพิงแนบกายกันและกัน ทำให้เขาอบอุ่นทั่วร่าง ก่อนจะสลัดเสื้อตัวนอกออกเหลือแต่กางเกง มุดเข้าผ้าห่มอบอุ่นนาง กอดสตรีตัวน้อยร่างหอมนุ่มนิ่มเอาไว้ในอ้อมกอดเขาแน่น นางให้ความร่วมมืออย่างดี
“พี่ใหญ่ ทำไมกัน” ซูสุ่ยเลี่ยนแนบกายท่อนบนเปลือยของเขาไว้พลางรู้สึกเขินอาย รับรู้ได้ถึงผิวหนังหยาบกระด้างของเขาเสียดสีกับผิวอ่อนนุ่มละเอียดของนาง
“คิดว่าเกี่ยวข้องกับทหารโลหิตบุกเข้ามาบนแผ่นดินต้าหุ้ย” หลินซือเย่าอธิบายง่ายๆ
ไม่ได้บอกออกไปตรงๆ ว่าครั้งนี้เขาได้ช่วยพวกเหลียงเอินไจ่ขจัดความระแวงของฮ่องเต้ต้าหุ้ยเรื่องสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิง ฮ่องเต้ต้าหุ้ยคิดจะพระราชทานรางวัลให้เขาด้วยตนเอง
เขาไม่ได้อยากไป แต่เหลียงเอินไจ่บอกว่าหากปฏิเสธพระราชทาน ทุกคนในตระกูลย่อมเดือดร้อนไปด้วย
ควรตายแท้ หากไม่ใช่เหลียงเอินไจ่ปากมากเปิดเผยเรื่องเขาออกไป ฮ่องเต้ต้าหุ้ยจะรู้จักเขาได้อย่างไร เขาก็แค่นักฆ่าธรรมดาคนหนึ่ง ฮ่องเต้จะเห็นเขาในสายตาได้อย่างไร
อย่าคิดว่าเขาไม่รู้ว่าเหลียงเอินไจ่คิดวางแผนอะไร หากไม่ผลักเขาออกไปรับหน้าเรื่องสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิง ฮ่องเต้ต้าหุ้ยก็ย่อมต้องระแวงสถานะเหลียงเอินไจ่
อ๋องที่กุมอำนาจทางการทหาร จะมีลูกน้องที่ร้ายกาจเช่นนี้ได้อย่างไร หากเหลียงเอินไจ่คิดชิงบังลังก์ แค่โบกมือก็สำเร็จอย่างนั้นหรือ ฮ่องเต้ยังจะเป็นคู่ต่อกรกับเขาได้หรือ
ดังนั้นพอเช่นนี้ ตระกูลเหลียงจวนอ๋องจิ้งย่อมต้องถูกฮ่องเต้ต้าหุ้ยจับตาใกล้ชิด กล่าวร้ายแรงก็คือถึงกับริบอำนาจทางการทหารคืน เช่นนั้นสุ่ยเลี่ยนและครอบครัวเขาก็ย่อมต้องพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เพียงแต่หากสองพ่อลูกตระกูลเหลียงคิดชิงบังลังก์จริง เหลียงเอินไจ่ย่อมไม่เลือกที่จะทุ่มเทกำลังทั้งหมดลงไปทันทีที่สิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงเข้าสู่แผ่นดินต้าหุ้ย เขาใช้ประโยชน์จากทหารกลุ่มนี้ข่มขู่ฮ่องเต้ต้าหุ้ยให้ยอมแพ้ได้
ดังนั้นตระกูลเหลียงไม่ได้คิดเป็นใหญ่ เหลียงเอินไจ่นำกำลังกวาดล้างสิบสองทหารโลหิตแต่มอบความชอบทั้งหมดให้หลินซือเย่าก็เพื่อลดความระแวงของฮ่องเต้ต้าหุ้ยต่อตระกูลเหลียง
แต่ตอนนี้หลินซือเย่าเริ่มระแวงเป้าหมายที่จวนอ๋องจิ้งมาสร้างจวนพักตากอากาศที่นี่แล้ว ก็ขอให้ทุกอย่างเป็นแค่การคาดเดา
ดูท่าทางอ๋องผู้เฒ่าจวนอ๋องจิ้งที่ดูกระตือรือร้นน่าจะไม่เอาตัวรอดจนผลักลูกสาวแท้ๆ ที่พลัดพรากกันไปหลายปีออกไปยืนแถวหน้าเพื่อบีบให้เขาร่วมมือ
ส่วนเหลียงเอินไจ่นั้นก็พูดยากแล้ว ดูใบหน้างามแสนซื่อไร้พิษภัยนั่นแล้ว หลินซือเย่าไม่เชื่อว่าเขาไม่คิด ควรตายจริง เหลียงเอินไจ่ อย่าให้จับได้ว่าเจ้าคิดใช้ประโยชน์จากสุ่ยเลี่ยนแม้แต่นิด ข้าไม่ถือสาหากต้องเอาชีวิตเจ้ามาเซ่นไหว้บรรพชน
“อืม เช่นนั้น…เจ้าต้องไปไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนพิงกายแนบอกเขา พลางม้วนผมตนเองเล่น นางเริ่มง่วงนอนแล้ว
“ค่อยว่ากัน ดึกแล้ว นอนเถอะ” หลินซือเย่าก้มลงจุมพิตนางเบาๆ บอกให้นางนอนได้แล้ว
ซูสุ่ยเลี่ยนเองก็ง่วงมากจริงๆ ขยับหามุมที่สบายบนกายเข้าได้ก็กอดเขาเข้าสู่ห้วงนิทราไปทันที
หลินซือเย่าจับจ้องใบหน้างามของนางอยู่นานพลางถอนหายใจ ก่อนจะกอดนางหลับสนิทในรอบหนึ่งเดือน
พอพ้นเที่ยงคืน ซูสุ่ยเลี่ยนก็ถูกเสียงร้องทารกแฝดกวนตื่นขึ้น รีบเข้าไปอุ้มมาป้อนนม หลินหลงกินนมเสร็จ นางก็ย่องกลับขึ้นเตียง
“อา!” เพิ่งมุดเข้าผ้าห่มก็ถูกหลินซือเย่ากดไว้ใต้ร่าง สัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวกลางร่างเขา ซูสุ่ยเลี่ยนยกมือยันหน้าอกเขาไว้ “เที่ยงคืนแล้ว”
“พอดี ไม่มีคนกวน” หลินซือเย่าก้มตัวลงจุมพิตริมฝีปากนางไม่ยอมปล่อย ระบายความคิดถึงหนึ่งเดือนที่ผ่านมาของเขา
“ข้าคิดว่าเจ้าเหนื่อย” หลังจุมพิตอยู่นาน ซูสุ่ยเลี่ยนก็หอบหายใจ
“เหนื่อยจริง แต่ฟื้นกำลังแล้ว ไม่เห็นหรือว่ามันคิดถึงเจ้า” หลินซือเย่าหัวเราะแผ่วเบา ปลดเสื้อผ้านางออก แนบเข้ากับผิวกายนุ่มละมุนของนาง กดทับร่างนางเอาไว้
“คิดถึงข้าไหม” เขาประคองคู่อวบอิ่มบนร่างนาง พลางกระซิบถามอ่อนโยน
“คิดถึง” ซูสุ่ยเลี่ยนเหมือนได้ยินเสียงชีพจรเต้นบนหน้าอกเขาก็รู้สึกเขินอาย จึงตอบอย่างอ่อนโยน
จากกันไปหนึ่งเดือน จึงได้รู้ว่านางรักเขาลึกซึ้งเพียงใด
“เหอะๆ…” เขาหัวเราะกอดนางแน่น แทรกกายเข้าสู่ความชุ่มชื้นของนางที่พร้อมนานแล้ว “ข้าก็เช่นกัน คิดถึง…คิดถึงมาก…” เป็นครั้งแรกที่ทุกข์ใจเพราะความคิดถึงจนเขารู้สึกปวดใจอย่างที่สุด
ส่วนนาง นาทีที่เขาเข้าสู่กายนาง ก็ได้ยินเสียงกระซิบข้างใบหูนางมีแต่ความรู้สึกคิดถึงและรักใคร่ เขากลับมาแล้ว!