เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 114 เสียงจากใจทุกคนในเมืองฝานฮัว
ปลายเดือนสอง เหลียงเอินไจ่ก็มีจดหมายมาเร่งหลินซือเย่าทั้งครอบครัวให้เดินทางไปเมืองหลวงเข้าเฝ้า
ลากยาวมาถึงปลายเดือนสอง ถือว่าถึงขีดสุดของเหลียงเอินไจ่แล้ว
ตามความต้องการของท่านนั้นในวัง หลินซือเย่าควรจะเข้าวังไปรับพระราชทานรางวัลที่ทรงพระเมตตาอย่างที่สุดตั้งแต่ปลายเดือนหนึ่ง
เพียงแต่เหลียงเอินไจ่รู้ว่าหลินซือเย่าเพิ่งกลับมาจากหลางซี สามีภรรยาอย่างไรก็ต้องให้เวลาหวานล้ำกันบ้าง ดีที่สุดก็คือให้ในท้องเอินซวี่น้องสาวของเขามีทารกแฝดที่หาได้ยากอีกครั้ง จะได้ดึงความสนใจท่านพ่อไป จะได้ไม่มาเร่งรัดให้เขาแต่งงาน
แต่ดึงมาได้หนึ่งเดือนก็ถึงขีดสุดแล้ว หากดึงดันต่อไป ท่านนั้นในวังก็คงสงสัยว่าเขาแอบเล่นอุบายในการนี้แล้ว
ดังนั้นค่อยๆ คืบคลานมาถึงวันที่ยี่สิบหกเดือนสอง คนจากหอกว่างชื่อโหลวก็ส่งข่าวมาให้หลินซือเย่าไปถึงเมืองหลวงก่อนวันที่หกเดือนสาม วันนั้นเป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษาฮ่องเต้พระชนมายุห้าสิบพอดี ทั้งเมืองหลวงครึกครื้นยิ่ง จึงเสนอให้เขากับน้องเอินซวี่ได้มาชมบรรยากาศเทศกาลสำคัญเมืองหลวงเฟิงเฉิงแผ่นดินต้าหุ้ย ดีที่สุดให้พวกเขาคิดอยากอยู่เมืองหลวงเฟิงเฉิงไปยาวๆ
วันที่แปดเดือนสามเป็นวันเข้าเฝ้า
เหลียงเอินไจ่เน้นย้ำในจดหมายหลายรอบว่า ไม่ว่าอย่างไรหลินซือเย่าต้องมาให้ถึง ไม่อย่างนั้นไม่เพียงจวนอ๋องจิ้ง ยังรวมทั้งคนตระกูลเหลียงทั้งหมดคงต้องเผชิญภัยหายนะอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน หวังว่าหลินซือเย่าจะไม่นิ่งดูดายให้เกิดโศกนาฏรรมเช่นนั้น
หากสุ่ยเลี่ยนไม่เกี่ยวข้องกับตระกูลเหลียง แน่นอนเขาย่อมเลือกนั่งดูดาย
หลินซือเย่าอ่านจบก็เบ้ปาก ขยำจดหมายในฝ่ามือเป็นเถ้า ก่อนจะโปรยทิ้งลงพุ่มดอกเหมยหน้าห้อง
……
หลินซือเย่ากำหนดวันออกเดินทางไว้ในวันที่หนึ่งเดือนสาม ระหว่างทางห้าวัน หากไม่มีเหตุผิดพลาด ก่อนวันที่หกก็จะถึงเมืองหลวงราบรื่น
เดินทางตลอดห้าวันก็ต้องคิดถึงสุ่ยเลี่ยนที่ไม่เคยเดินทางไกลและทารกแฝดที่ยังไม่ครบสี่เดือน ถูกรถม้าโขยกเขยกนานไปก็คงอาเจียนไม่หยุดเหมือนหลงซีเยว่ที่มาทำคลอดครั้งก่อน
ตอนนี้ในเมืองฝานฮัวนอกจากงานสร้างจวนพักตากอากาศก็ไม่มีเรื่องอื่น ก็ไม่สู้ออกเดินทางเร็วหน่อย ระหว่างทางแวะชมธรรมชาติ ค่อยๆ เดินทางไปยังเมืองเฟิงเฉิงดีกว่า
ดังนั้นอีกสองวันก่อนสิ้นเดือน เพียงพอให้ทุกคนเตรียมพร้อมเดินทาง
ซูสุ่ยเลี่ยนคิดละเอียดหลายรอบ ตัดสินใจพาแต่แม่นมสองคนและไป๋เหอกับเหลียงหมัวมัวไป สำหรับชุนหลันกับเซียวเหิงตั้งแต่ทำหน้าที่ดูแลงานจวนพักตากอากาศ ก็ยุ่งกับการจัดการงานทุกอย่างของการสร้างจวนพักตากอากาศฝานฮัว ซูสุ่ยเลี่ยนย่อมไม่พาพวกเขาสองสามีภรรยาไปด้วย
สำหรับหลินซือเย่านั้นตัดสินใจพาซือถูอวิ๋นไปด้วย หนึ่ง เขาต้องเข้าวัง ความปลอดภัยของสุ่ยเลี่ยนกับลูกก็ต้องให้คนที่ไว้ใจได้ดูแล สอง ตลอดทางต้องการคนงานชายใช้งาน
พอซือถูอวิ๋นได้รับข่าวนี้ก็ดีใจอยู่ครึ่งวัน ยังว่าอาจารย์ลุงซือหลิงกับพี่สาวคนสวยขาดเขาไม่ได้แล้ว
ขาดไม่ได้จริงๆ เพียงแต่หลินซือเย่าก็แค่ต้องการคนงานชายควบตำแหน่งองครักษ์
กำหนดวันและคนร่วมออกเดินทางแล้ว ก็เตรียมของที่จะนำไปด้วย
เหลียงหมัวมัวกับไป๋เหอใช้เวลาหนึ่งวัน เก็บข้าวของอย่างละเอียด รวมทั้งเสื้อผ้าผลัดเปลี่ยน ของที่ต้องใช้สำหรับอาบน้ำตลอดทาง เกิดเร่งไม่ทันเข้าพักในเมือง ก็ต้องเตรียมอาหารแห้ง ขนม และน้ำชาอีก รวมทั้งของเล่นไม้ที่เถียนต้าฟู่ทำไว้ให้คุณหนูกับคุณชายน้อยเล่นแก้เหงาระหว่างเดินทางอีก
หลินซือเย่าให้เถียนต้าฟู่มาปรับเปลี่ยนรถม้าใหญ่เทียมม้าสี่ตัวสองคันที่กำลังจะพาพวกเขาทั้งหมดเดินทางไกล
โดยเฉพาะสุ่ยเลี่ยนกับทารกแฝดต้องนั่งคันเดียวกัน ในรถม้าและที่นั่งต้องบุเบาะนุ่มทำจากหนังจิ้งจอกเพื่อลดแรงกระแทกรถม้า ที่นั่งท้ายรถม้าก็ให้เถียนต้าฟู่เสริมให้แน่น ไม่เพียงนั่งได้ เหนื่อยแล้วยังมานอนพักได้ด้วย
ม้านั่งยาวสองแถวซ้ายขวาก็ตัดออกไปหนึ่งแถว ปรับเป็นตู้ใส่ของ ในนั้นวางข้าวของเครื่องใช้สำหรับตลอดการเดินทาง
รถเทียมม้าสองตัวติดตั้งเตาให้ความร้อนที่ใช้ลวดเหล็กขึงให้อยู่กับที่ บรรจุถ่านหินที่เอาไว้ใช้ต่อเนื่องกันได้ห้าวัน ตลอดการเดินทางเอาไว้ต้มน้ำร้อนไว้ล้างหน้าชงน้ำชาได้…เกิดต้องค้างอ้างแรมกลางทางอาจหาฟืนมาติดไฟไม่สะดวก
รถม้าจวนอ๋องจิ้งล้วนคันใหญ่ สองคันนี้ก็เช่นกัน ทุกคันนั่งได้สิบสองคน ดังนั้นแม้ปรับเปลี่ยนแล้ว ก็ยังพอให้พวกเขานั่ง เพื่อรับรองความปลอดภัยอย่างที่สุด หลินซือเย่าจัดให้เขากับภรรยาและลูกคันหนึ่ง ซือถูอวิ๋นกับเหลียงหมัวมัวและคนอื่นๆ อีกคันหนึ่ง แต่ว่าในรถม้าซือถูอวิ๋นมีสตรีสองนาง ซือถูอวิ๋นได้แต่แอบบ่นในใจแล้วก็เลือกนั่งอยู่ข้างคนขับรถม้า
ก่อนออกเดินทาง ซูสุ่ยเลี่ยนยังตามชุนหลันมาคุย
“เรื่องที่บ้านคุณหนูวางใจได้ บ่าวต้องดูแลให้เรียบร้อย” ชุนหลันย่อมเดาได้ว่าซูสุ่ยเลี่ยนตามนางมาเพื่ออะไร นางจึงรับรองหนักแน่นพลางก้าวเข้าไปทุบไหล่ให้ซูสุ่ยเลี่ยน
“ข้ารู้ เจ้ากับพ่อบ้านเซียวล้วนเป็นคนอยู่ว่างไม่เป็น ความหมายข้าก็คือหากที่นี่มีเรื่องอะไร เจ้าจัดการลำบากก็ให้ไปหาผู้ใหญ่บ้าน เรื่องใหญ่ก็ไปหาซือชง” ซูสุ่ยเลี่ยนอมยิ้มรั้งมือนางที่กำลังทุบไหล่ให้ตนไว้ ตบมือนางพลางกล่าว
“บ่าวทราบแล้ว” ชุนหลันได้ยินจดจำอย่างตั้งใจ
“อีกเรื่อง เสี่ยวฉุนสองสามวันนี้ไม่อยู่บ้าน น่าจะขึ้นเขาไปแล้ว ไม่ต้องเป็นกังวล มันรู้ภาษาคนดี ไม่เป็นไร หากว่ามีอะไรผิดคาดก็ไปหาซือชง”
อาเย่าบอกแล้ว หลังจากพวกเขาไป เรื่องใหญ่น้อยที่เกี่ยวกับความปลอดภัยเมืองฝานฮัวล้วนให้ไปหาซือชง
ช่วงนี้ซือชงจะอยู่ที่เรือนต้นสนทุกวันทุกคืนคอยดูแลซือเล่าไปด้วย พร้อมทั้งคอยปกป้องบ้านพวกเขาและเมืองฝานฮัว
“ใช่แล้ว พวกช่างใหญ่ทางนั้นมีเรื่องอะไรไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนจำได้ว่ามีช่างใหญ่ห้าคนมาอยู่ที่เมืองฝานฮัวแต่ตั้งแต่อาเย่ากลับมา นางก็ไม่ได้ออกจากบ้านอีก เรื่องการสร้างจวนพักตากอากาศก็ไม่รู้ความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว
“บ่าวได้พบหารือกับบรรดาช่างใหญ่ทุกวัน ที่ถามส่วนใหญ่ก็เป็นรายละเอียดการก่อสร้างเล็กๆ น้อยๆ เรื่องพวกนี้บ่าวพอรู้ ดังนั้นจึงไม่ได้มารบกวนคุณหนู”
“เช่นนั้นก็ดี หากมีอะไรตัดสินใจไม่ได้ก็ไปรายงานซือชง ข้ากับอาเย่าไม่อยู่ เขาก็คือนายพวกเจ้า อย่าได้ละเลย”
ประสบการณ์จากการอยู่บ้านใหญ่ของซูสุ่ยเลี่ยน ทำให้นางพอรู้ความคิดคนงานสาวใช้บ้านใหญ่อยู่บ้าง จึงถือโอกาสเตือนชุนหลัน เพราะกลัวสาวใช้คนงานชายในบ้านเห็นนายไม่อยู่ก็ละเลยการงาน หากทำให้ซือชงไม่พอใจ ยกมือทีก็อาจกวาดชีวิตพวกเขาทิ้งไปก็เป็นได้
“คุณหนูวางใจ เรื่องพวกนี้บ่าวล้วนทราบดี ตอนนี้คนงานและช่างที่ร่วมทำงานนี้ส่วนใหญ่เป็นคนในเมืองฝานฮัว แต่ช่างใหญ่วางโครงสร้างพื้นฐานบอกว่า กลางเดือนหากเริ่มงานใหญ่ คนก็จะไม่พอ บ่าวคิดดูแล้ว หรือว่าจะไปรับสมัครคนจากเมืองสองเมืองข้างๆ มาดีไหม”
“เรื่องพวกนี้เจ้ากับพ่อบ้านเซียวก็ตัดสินใจไปแล้วกัน หากจำเป็นก็ไปขอให้ผู้ใหญ่บ้านช่วย” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า ในเมื่อให้อำนาจจัดการแล้ว ก็ย่อมให้ชุนหลันที่รอบคอบกับเซียวเหิงที่สุขุมตัดสินใจ
นับประสาอันใดกับการที่อาเย่าก็ไปบอกผู้ใหญ่บ้านหวังเกิงฟาไว้แล้ว ระยะนี้ไม่อยู่บ้าน ครอบครัวพวกเขาจะเดินทางไกล เมืองฝานฮัวและเรื่องจวนพักตากอากาศก็ฝากให้เขาช่วยดูแลแล้ว
หวังเกิงฟาย่อมต้องรับปากทันที
ตั้งแต่จวนอ๋องจิ้งซื้อทั้งเมืองฝานฮัว ชาวบ้านทั้งเมืองก็เลือกอยู่ต่อ ไม่มีผู้ใดไม่เบิกบานยิ้มแย้ม
หนึ่ง พวกเขาตอนนี้ไม่ต้องจ่ายภาษีแล้ว ลดภาระค่าใช้จ่ายไปได้มาก
สอง เมืองฝานฮัวจะเตรียมปรับโครงสร้างพื้นฐานผังเมือง พวกช่างใหญ่ที่มารับหน้าที่ก็ได้ติดประกาศไว้ที่ประตูหน้าศาลกลางหมู่บ้านแล้ว
ไม่เพียงแต่วันหน้าพวกเขามีชีวิตที่ราวกับอยู่สวนดอกไม้ ยังมีเส้นทางฝั่งตะวันออกและตะวันตกสองเส้นทางมาจากเมืองฝานลั่วและเมืองใกล้เคียงก็จะขยายถนน
สาม ภูเขาละแวกใกล้ๆ ยังจะพัฒนาให้เป็นเขาชมวิวและเขาตากอากาศ
กลางเขาจะสร้างศาลาพักผ่อน ไว้ให้ชาวบ้านยามว่างขึ้นเขามาพักผ่อน ลำธารกลางหุบเขายังสร้างพื้นที่ที่มีหลังคากำบังไว้ทำปิ้งย่างกับตกปลาด้วย ปลาที่ตกมาได้ก็จะได้ย่างกินได้เลย
รายละเอียดพวกนี้ก็มีทั้งเปิดเส้นทางแม่น้ำกับสร้างสะพานโค้งคร่อมแม่น้ำ สระน้ำใหญ่ขุดให้กว้างให้ลึกเหมือนทะเลสาบใสแจ๋ว กุ้งปลาหอยในแม่น้ำมาแพร่พันธุ์กันใต้กอหญ้าหลูเหว่ยและใบบัว ยังสร้างศาลาและวางศิลาหินไว้ให้ชาวบ้านนั่งพักผ่อนพูดคุยอีกด้วย
แต่หากจะกล่าวถึงสถานที่สาธารณะที่ขยายใหญ่สุดก็เห็นจะเป็นศาลที่อลังการงานสร้างแล้ว
ลานศาลก็ขยายพื้นที่กว้างขึ้น มีม้านั่งและโต๊ะนั่งหินที่บนโต๊ะแกะเป็นกระดานหมาก ล้อมรอบด้วยไผ่เขียวและไม้เลื้อยดอกสีม่วง ศาลแบ่งเป็นห้าห้อง ห้องหนึ่งเป็นที่ทำการของผู้ใหญ่บ้าน ในนั้นจัดโต๊ะเก้าอี้ไว้พร้อม ห้องหนึ่งเป็นที่ให้ชาวบ้านใช้ประชุมหารือ นั่งล้อมวงหารือกันได้ทีหนึ่งยี่สิบสามสิบคนรอบโต๊ะกลมใหญ่ รอบโต๊ะมีม้านั่งกลมล้อมรอบ อีกสองห้องก็เอาไว้วางชั้นหนังสือขนาดสูงเท่าคนเรียงเป็นแถวๆ ชั้นหนังสือแยกออกเป็นวางหนังสือโบราณประเภทต่างๆ ถึงกับเป็นดังห้องสมุดชุมชนของชาวบ้านเมืองฝานฮัวให้ยืมอ่านได้ แน่นอนหากจงใจทำหนังสือเสียหรือยืมไปนานไม่เอามาคืน ผู้ใหญ่บ้านก็มีอำนาจในการริบคืนสิทธิ์การยืมอ่าน ห้องสุดท้ายว่างเอาไว้ ตามแผนการกะไว้เพื่อเก็บเครื่องมือเครื่องใช้ส่วนรวมหมู่บ้าน เช่นว่าเครื่องมือทำการเกษตรขนาดใหญ่ที่ไว้เพาะปลูกหรือเก็บเกี่ยว เมื่อก่อนชาวบ้านไม่มีใช้งาน ตอนนี้จวนอ๋องจิ้งออกหน้าซื้อหามาให้ชาวบ้านไว้ใช้ร่วมกัน
แผนการสร้างทั้งหมดพอปิดประกาศไป ระยะนี้คนในเมืองฝานฮัวต่างก็คุยกันแต่เรื่องดีๆ เหล่านี้
มีชาวบ้านไปเยี่ยมญาติเมืองใกล้ๆ สองเมือง ไม่ก็ไปเยี่ยมสหายนอกเมือง พอเอ่ยถึงเมืองตนเองที่กำลังคุยเรื่องนี้กันคึกคัก สิ่งที่ได้รับการตอบรับมาหากไม่ใช่แววตาอิจฉา ก็สอบถามว่าจะย้ายมาอยู่ได้ไหม
ดังนั้นเมืองฝานฮัวคืนเดียวก็ดังไปถึงเมืองฝานลั่ว ถึงกับไปถึงเมืองฮ่วนซากับเมืองเทียนสุ่ยที่ห่างออกไป มีคนมาสอบถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันทีว่าเป็นเรื่องจริงหรือเรื่องเท็จ พอรู้ว่าจริงแท้แน่นอน ก็ถึงกับมีคหบดีหรือพวกเจ้าของที่ดินก็คิดอยากมาครอบครองพื้นที่บ้านเล็กๆ ในเมืองฝานฮัวบ้าง เพื่อเอาไว้พักตากอากาศ
พอผู้ใหญ่บ้านหวังเกิงฟาได้ยินก็อึ้งไป พอได้สติก็อดยิ้มไม่ได้
เขารู้ว่าต้องมีสักวันที่เขาจะนำพาเมืองฝานฮัวก้าวเดินออกไปให้เป็นที่ประจักษ์ทั่วแผ่นดิน แม้ว่าตอนนี้เมืองฝานฮัวเป็นจวนพักตากอากาศฝานฮัวของจวนอ๋องจิ้งไปแล้ว แต่ก็ยังอยู่ใต้การกำกับดูแลของเขาไม่ใช่หรือ?!
ดังนั้นเรื่องจวนพักตากอากาศฝานฮัว ไม่ว่าเรื่องใหญ่น้อยล้วนต้องการเขาช่วยเหลือ เขาล้วนยินดี อย่างไรงานยุ่งพวกนี้ก็เป็นเรื่องดีของคนทั้งเมือง นี่คือเสียงจากใจของผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้าน