เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 121 หยางจิ้งจือ
“คิดไม่ถึง…” ซูสุ่ยเลี่ยนฟังคำอธิบายหยางจิ้งจือจบจึงได้รู้ หมอโอวหยางถูกฮ่องเต้จับคุมขังนั้นก็เพราะว่าเขาปฏิเสธที่ฮ่องเต้คิดจะให้หลงซีเยว่ออกโยนลูกแพรเลือกคู่แทนองค์หญิงสาม และยังปฏิเสธอย่างรุนแรง ทำให้ฮ่องเต้กริ้วหนักสั่งลงโทษทันที
“เขาต้องปกป้องทายาทคนสุดท้ายตระกูลหลง ไหนเลยจะรู้ว่าแท้จริงแล้วข้าไม่ใช่…” หยางจิ้งจือกล่าวอย่างรู้สึกฝื่นขมในใจ
“ซีเยว่…ขออภัย จิ้งจือ…” ซูสุ่ยเลี่ยนไม่รู้ควรปลอบใจนางอย่างไร สิ่งที่หลงซีเยว่หนักใจก็เป็นสิ่งที่นางคิดไม่ตกอยู่ทุกวัน
“แหะๆ ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น หลายปีผ่านมาก็ชินนานแล้ว” หยางจิ้งจือยักไหล่ เก็บแววตาที่แอบปวดใจ
“อย่างนั้น…หมอโอวหยางให้เจ้าอยู่แผ่นดินต้าหุ้ยต่อ?” ในเมื่อต้องการปกป้อง ทำไมยอมปล่อย
“เขาถูกฮ่องเต้เซวี่ยหมิงพาตัวกลับไปเป็นหมอหลวงวังหลวงเซวี่ยหมิง ข้าตามไปฐานะอะไร จะว่าไป ข้าก็อยากออกจากชีวิตในวังหลวงนานแล้ว เพียงแต่เพราะอาจารย์…ตอนนี้เป็นโอกาสอันดี แน่นอนต้องเลือกอิสระ” หยางจิ้งจือยิ้มกล่าว
“แม้อิสระจากวังหลวง แต่เมื่อก่อนเจ้าเป็นหมอ ทำไมเลือกมาเปิดร้านค้าพวกนี้ล่ะ ทำไมไม่เปิดโรงหมอ” แม้ว่าเครื่องประดับและงานฝีมือที่วางขายอยู่ด้านนอกจะทำได้ประณีตงดงาม นางมองจนไม่อาจละสายตา แต่ไม่ใช่งานที่หลงซีเยว่รักไม่ใช่หรือ
“ร้านเล็กๆ นี่ หลายปีก่อนข้าเปิดเอง ตอนนั้นคิดว่าออกจากวังมาเดินเล่นจะได้แวะมาหย่อนใจ มีอะไรให้ทำ หากเปิดโรงหมอ เอะอะก็ปิดร้าน ใช้ได้อย่างไร! นับประสาอันใดกับการที่ในวังรู้เข้าก็ดูไม่ดี พูดถึงสินค้าข้างนอกนั่น เจ้าอาจไม่เชื่อว่าเป็นฝีมือข้ากับชิงหลันทำเอง จานและแก้วกระเบื้องไปเรียนการทำมาจากโรงเผากระเบื้องเลยนะ ไข่มุก เครื่องประดับเงิน และหยกพวกนั้นก็เรียนจากช่างในวัง เป็นอย่างไร? ล้วนไม่เลวใช่ไหม เพียงแต่ตอนนี้ไม่อาจพามันออกเดินทางไปด้วยได้ ได้แต่เทขายให้หมดแล้ว รอไปถึงเมืองฝานลั่ว ข้าค่อยคิดเปิดโรงหมอเล็กๆ ชิงหลันอยากอยู่ติดตามข้า นั่นก็เป็นเรื่องที่ดีมาก”
หยางจิ้งจือคิดสะระตะนานแล้ว ฮ่องเต้ต้าหุ้ยคิดว่านางติดตามอาจารย์ไปเซวี่ยหมิงแล้ว ฉวยโอกาสช่วงนี้ที่ยังไม่น่ากลัวนัก นางจะขายของในร้านให้หมด แล้วพาชิงหลันไปจากเมืองหลวง หาเมืองเล็กๆ ห่างไกลและสงบสักแห่ง วันหน้าก็จะเป็นหมอหาเลี้ยงชีพ นางกับชิงหลันร่วมมือกันมาหลายปี รู้ใจกันมาก เชื่อว่าคงจะไม่ยากสำหรับพวกนาง
“เทขายหมด?” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็เลิกคิ้วงาม “อย่างนั้นก็ขายให้ข้าหมดเลยแล้วกัน” อย่างไรนางก็คิดจะหาของขวัญติดไม้ติดมือกลับไปด้วยอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องไปหาจากร้านอื่นอีก การเดินซื้อของมันเหนื่อยนะ
“เจ้า…เหมาหมด?” หยางจิ้งจืออึ้งไป “โกดังมีของไม่น้อยนะ”
สินค้าในโกดังยังมีอีกหลายหีบใหญ่ นางกับชิงหลันไม่อาจนำติดตัวไปได้ ได้แต่เทขายให้หมด
“ไม่เป็นไร เจ้าคิดมาว่าเท่าไร ข้าให้รถม้าที่จวนมาขน ใช่แล้ว พวกเจ้าตั้งใจว่าจะออกเดินทางตอนไหน หากไม่มีเรื่องอื่นก็ไปกับพวกเราสิ พรุ่งนี้อาเย่าเข้าวังเข้าเฝ้าฮ่องเต้ หากไม่มีอะไรอีก อีกสองวันพวกเราก็จะกลับเมืองฝานฮัว”
“จริงหรือ เช่นนั้นก็ดีจริง ไปด้วยกัน แน่นอนว่าไปด้วยกัน!” หยางจิ้งจือดีใจกุมมือซูสุ่ยเลี่ยน พยักหน้า หงึกๆ ตอบรับ มีเรื่องสะดวกเช่นนี้ แน่นอนย่อมเห็นด้วย
“ฮะๆ…เช่นนั้นก็ตามนี้ เจ้ากับชิงหลันเก็บของหน่อย ตอนบ่ายข้าให้รถม้าจวนอ๋องมาห่อของทั้งหมดในโกดังเจ้าที่นี่ไป หากพวกเจ้ามีสัมภาระชิ้นใหญ่ก็วางไว้ในกองของด้วย พวกเจ้าจะได้ไม่ต้องแบกไปเอง อีกสองวันหลังเที่ยง พวกเราก็พบกันที่แถวประตูเมืองหลวง ดีไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนคิดแล้วก็กล่าวการจัดการในใจออกมา
“ไม่มีปัญหา” หยางจิ้งจือรีบพยักหน้ารับคำ จากนั้นคิดอะไรได้ก็อึ้งไป สีหน้าแปลกใจ “สุ่ยเลี่ยน เจ้า…ไม่กังวลหรือ หากถูกฮ่องเต้ทรงรู้เข้า เจ้ากับตระกูลเหลียงอาจติดร่างแหไปด้วย…”
“เจ้าคือหยางจิ้งจือ! เกี่ยวอะไรกับฮ่องเต้และวังหลวง!” ซูสุ่ยเลี่ยนดึงนางมากล่าวสีหน้าจริงจัง “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะส่งพวกเจ้าออกจากเมืองหลวง ไปเมืองฝานลั่ว เมืองฝานฮัว หรือที่ไหนๆ…ขอเพียงเป็นที่ที่พวกเจ้าอยากไปตั้งรกรากจริงๆ ข้าต้องจัดการส่งพวกเจ้าไปอย่างปลอดภัย”
“สุ่ยเลี่ยน…ขอบคุณเจ้ามาก!” หยางจิ้งจือพยักหน้าจริงจัง “อย่างนั้นก็ไปเมืองฝานลั่วหรือเมืองฝานฮัว หากเจ้ากับสามีเจ้าไม่ถือสา ไปอยู่บ้านเจ้าเป็นหมอประจำบ้านก็ได้!”
“ล้อเล่นอีกแล้ว!” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็ขำพรืด จิ้มหน้าผากหยางจิ้งจืออย่างสนิทสนม “เห็นๆ ว่าอายุทั้งสองภพมากกว่าข้า ทำไมจึงชอบทำตัวตลก!”
“เชอะ! นั่นเพราะยุคเจ้าที่ไหนๆ ก็น่าเบื่อ ยึดติดจารีตเกินไปไง!” สตรียุคสาธารณรัฐแน่นอนไม่ได้อิสระเหมือนสตรีทำงานในศตวรรษที่ยี่สิบเอ็ด!
“ได้ๆๆ ข้าพูดสู้เจ้าไม่ได้! ใช่แล้ว เจ้าคิดเงินมาว่าเท่าไร ข้าให้อาเย่านำมาให้เจ้า” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นหีบเครื่องประดับในห้องหลายหีบก็คิดว่าน่าจะราคาไม่น้อย
“ตอนแรกนั้นข้ากับชิงหลันออกเงินกันคนละครึ่ง…เอาอย่างนี้แล้วกัน ข้าไม่คิดเอากำไรคนกันเอง ห้าหีบนี้เป็นพวกจานและถ้วยกระเบื้อง อีกสามหีบเป็นเครื่องประดับ ทุนก็ราวร้อยยี่สิบสามสิบตำลึง พวกด้านนอกนั่นแถม เจ้าให้พวกเราร้อยยี่สิบตำลึงแล้วกัน” ประเด็นสำคัญก็คือนางกับชิงหลันจากนี้ต้องหาทางดำรงชีพต่อ ตอนอาจารย์ไป ผู้ใดล้วนไม่ทันคิดเรื่องพวกนี้ เครื่องประดับและเงินทองที่ยังอยู่ในห้องนอนในวังหลวง คิดว่าคงถูกยึดเป็นของกลางไปหมดแล้ว ถุงใส่เงินที่นางกับชิงหลันพกติดตัวไว้ก็มีไม่เกินสิบกว่าตำลึง ดีที่ปกติมักจะมาที่ร้านนี้ ดังนั้นเรื่องเสื้อผ้าเครื่องเเต่งกายจึงไม่ขาดแคลนชั่วคราว ก็ไม่ได้รู้สึกว่าชีวิตน่าเศร้าสลดอันใดเท่าไร อย่างไรก็มีวิชาแพทย์ชั้นยอดติดตัว ไปที่ไหนก็คงไม่ทำให้นางสองคนอดตาย
“รวมกับข้างนอกด้วยเถอะ ทั้งหมดร้อยห้าสิบตำลึง ขาดทุนไหม แต่ข้าก็ไม่สนแล้ว ตอนบ่ายจะให้อาเย่านำเงินมาให้นะ”
“ได้ อย่างไรเจ้าตอนนี้ก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง ข้าก็ไม่เกรงใจแล้วแล้วกัน” หยางจิ้งจือฉีกยิ้มกล่าวตอบ วันหน้ายังมีโอกาสได้เจอกันอีกมาก ก็ถือเสียว่าเป็นการลงทุนของสุ่ยเลี่ยนแล้วกัน วันหน้าหากโรงหมอมีกำไรเหลือก็จะแบ่งเงินให้นางเป็นส่วนแบ่งพิเศษก็แล้วกัน
……
“เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้นะ เจ้ากับชิงหลัน ปิดร้านแล้วก็เก็บของได้แล้ว” น่าจะผ่านมาครึ่งชั่วยามได้แล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนคล้องแขนหยางจิ้งจือออกมาจากห้องด้านในก็เห็นหลินซือเย่าหน้าตาไม่พอใจ ก็พยักหน้าปลอบใจ
“อืม” หยางจิ้งจือพยักหน้า จากนั้นมองไปทางหลินซือเย่า “หวังว่าจะไม่เปิดโปงที่อยู่พวกเราที่นี่ออกไป” โดยเฉพาะเจ้าคนไม่ได้เรื่องตระกูลเหลียงผู้นั้น
“ข้าไม่ได้ว่าง” หลินซือเย่าตอบน้ำเสียงนิ่งเรียบ
“อย่างนั้นก็ตามนี้นะ พวกเรากลับแล้ว มีอะไรเปลี่ยนแปลง ข้าจะส่งคนมาแจ้งพวกเจ้า” ซูสุ่ยเลี่ยนอมยิ้มโบกมือให้ชิงหลันที่โต๊ะเก็บเงิน สบตากับหยางจิ้งจือแวบหนึ่ง ก่อนจะดึงหลินซือเย่าออกไปจากร้านเล็กแห่งนี้
“…สรุป ก็คือเช่นนี้…” ซูสุ่ยเลี่ยนเล่าคร่าวๆ รอบหนึ่ง อีกทั้งยังบอกให้หลินซือเย่าเตรียมร้อยห้าสิบตำลึงมาให้นางด้วย “ก่อนหน้านี้ไม่ได้คิดมา เงินทองที่พวกเราพกมาด้วยครั้งนี้มีมากเช่นนี้ไหม” นางถามอย่างนึกละอายใจ
“วางใจ ข้ามี” หลินซือเย่าพยักหน้ายิ้มขยี้ปลายจมูกนาง “หากไม่ได้มีเตรียมไว้จะทำเช่นไร”
“อย่างนั้นก็ได้แต่…เอาเจ้าจำนองไว้เป็นตัวประกันที่จวน ทำหน้าที่องครักษ์ไปก่อนละกัน! ฮ่าๆ …” ซูสุ่ยเลี่ยนหรี่ตามองเขาแล้วก็หัวเราะไม่หยุด
“เจ้านี่นะ…” หลินซือเย่าได้ฟังก็แอบขำ ขโมยจุมพิตริมฝีปากนางทีหนึ่ง “นับวันยิ่งไม่กลัวข้าแล้วใช่ไหม”
“เจ้าอยากให้ข้ากลัวเจ้า?” ซูสุ่ยเลี่ยนหรี่ตามองเขาท่าทางเอาเรื่อง ตอนแรกก็ไม่ใช่ว่ากลัวนะ ตอนนั้นเป็นสตรีก็ย่อมต้องเขินอายและเคร่งเครียดเป็นธรรมดา แต่พอเขาพูดทีก็ทำเอาไปคนละเรื่องได้อย่างไร
“ชิ…เจ้ากินรวบข้าแน่แล้ว!” หลินซือเย่าทำท่าเหมือนทำอะไรนางไม่ได้ ส่ายหน้าถอนหายใจกล่าว จากนั้นก็กอดนางแน่น เดินผ่านฝูงคนมากมายไปยังจวนอ๋องจิ้งที่อยู่ทางตะวันออกของถนนเทียนโย่ว แน่นอนเขาไม่อยากให้นางกลัวเขา หลังนางมีลูก การปฏิสัมพันธ์กับเขาส่วนตัวก็ยิ่งเป็นธรรมชาติชิดใกล้มากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงไปเช่นนี้ทำให้เขามีความสุขมาก
“เฮ้ ข้าว่าพวกเจ้าสองคนพริบตาก็มุดหายไปตรอกไหนมากันเนี่ย ข้าหาพวกเจ้าตั้งนาน เกือบพลิกถนนเทียนโย่วแล้ว”
ตอนใกล้ถึงประตูหน้าจวนอ๋อง เหลียงเอินไจ่ที่หายตัวไปเกือบหนึ่งชั่วยามก็ไม่รู้โผล่ออกมาจากที่ไหน มาถึงก็ส่งเสียงเอาเรื่องซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่า แค่ช่วงเวลาที่เขากำลังอึ้งอยู่ไม่นานนั้น พวกเขาสองคนก็หายไปไม่เห็นเงาแล้ว
กลัวว่าพวกเขาไม่คุ้นเคยเมืองหลวง แต่ก็ไม่กล้ากลับจวนอ๋องมาโดนท่านพ่อคำรามใส่ ได้แต่เดินวนไปวนมาหลายรอบทั่วถนนเทียนโย่ว
คิดไม่ถึงเจอสองสามีภรรยาคู่นี้ดีเลย เดินอิงแอบกับอยู่บนถนนเทียนโย่วตะวันออกนี่เฉย!
“เอ๋? พี่ใหญ่! ทำไมท่านยังไม่กลับบ้าน” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินเสียงก็หันไปมองเห็นเหลียงเอินไจ่หน้าดำคร่ำเครียด ก็อดถามไม่ได้
“…” เหลียงเอินไจ่เห็นนางสีหน้าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรด้วย ได้แต่มองฟ้าอย่างไร้วาจาจะกล่าว แอบถอนหายใจ
“ใช่แล้ว พี่ใหญ่ เมื่อครู่ข้าเพิ่งซื้อของฝากจำนวนมาก เตรียมนำกลับไปมอบให้คนที่บ้าน ตอนบ่ายช่วยเตรียมรถม้าไปลากมาให้ข้าสักคันนะ ได้ไหม”
“…ได้” ผู้ใดให้เขาเป็นพี่ใหญ่เล่า! เหลียงเอินไจ่แอบปลอบใจตนเองหลายรอบ
“หากเจ้าไปด้วยกันก็คงอยากซื้อด้วย” หลินซือเย่าหรี่ตามมองเขาแวบหนึ่ง ทิ้งวาจาที่ทำให้เหลียงเอินไจ่รู้สึกแปลกใจขึ้นมา ก่อนจะดึงมือซูสุ่ยเลี่ยนเดินเข้าประตูใหญ่จวนอ๋องจิ้งไปทันที
“เหอะ ข้าจะไปสนใจของเล่นสตรีพวกนั้นได้อย่างไร?! ล้อเล่นน่า!” เหลียงเอินไจ่ค้อนขวับ เดินตามสองสามีภรรยาที่ทำเอาเขาหัวเสียเข้าไปด้านใน
ค่อยๆ เดินไปได้ไม่กี่ก้าว ก็ร้อนใจหันวิ่งออกไปที่จวนอ๋องเซียงข้างๆ
ไม่มีหลงซีเยว่มาโต้ฝีปากสักคน ในใจก็มักรู้สึกแปลกๆ ทำอะไรก็มักจะไม่มีเรี่ยวแรง! ไปหาสยาเอ่อร์ร่ำสุราดีกว่า!
อืม ดูท่า เขาควรต้องจัดการการงานให้เรียบร้อยสักหน่อย แล้วลาพักไปเซวี่ยหมิงหานางดีกว่า แม้ถูกนางหัวเราะเยาะ เขาก็ยอม!
ผู้ใดให้ในใจเขาตกหลุมลงไปแล้ว หากยังไม่ยอมรับอีก ไม่แน่ก็จะเสียนางไปจริงๆ ปกติเด็กสาวที่ดูท่าทางมั่นใจ แต่พอเจอเรื่องแต่งงานก็เหมือนทำอะไรไม่ถูก ผู้ใดจะรู้ว่าจะถูกคนหลอกไปไหม