เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 126 อดีต
ยี่สิบห้าปีก่อน เซวี่ยลี่อายุสิบเจ็ด รับราชโองการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งฮ่องเต้เซวี่ยหมิงคนที่เจ็ด
เซวี่ยอิงพี่ชายร่วมบิดาต่างมารดากับเซวี่ยลี่ไม่ยอมรับพินัยกรรม นำกำลังลุกฮือเข้าวัง ถูกสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงปราบปราม ลูกชายทั้งสามของเซวี่ยอิงที่ร่วมปฏิบัติการกบฏนี้ถูกตัดหัวประหารชีวิตหมด บรรดาสตรีถูกเซวี่ยลี่ขับออกจากเซวี่ยหมิงไปหาที่ตายกันเอง
เซวี่ยลี่ขึ้นครองราชย์ได้ราบรื่น ทุ่มเทกำลังปกครองแผ่นดินให้เป็นสุข คิดจะทำให้เซวี่ยหมิงรุ่งเรืองดังเช่นในอดีต
ผู้ใดจะคิดว่าลูกสาวคนโตเซวี่ยอิงนามเซวี่ยเยี่ยน สบโอกาสวังหลวงเซวี่ยหมิงตอนรับนางกำนัล ลอบเข้ามาในวังเซวี่ยหมิง ขโมยเซวี่ยจ้าน ลูกชายเซวี่ยลี่ที่ตอนนั้นยังไม่ถึงหนึ่งขวบไป และสลับเปลี่ยนเป็นหลีเมาขนดำขลับตัวหนึ่งแทน เล่นงิ้วเรื่องหลีเมาสับเปลี่ยนรัชทายาท
พอเซวี่ยลี่กับเฟิ่งรั่วเอ๋อร์ ภรรยาของเขารู้ ก็รีบส่งกำลังออกค้นหาทั่ววังหลวง ก็หาร่องรอยเซวี่ยเยี่ยนไม่พบ นางเหมือนกับหายตัวไปได้ พาเซวี่ยจ้านที่เพิ่งหัดเดินหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
เซวี่ยลี่ไม่เชื่อว่าเด็กหญิงอายุแค่สิบสี่ จะพาเด็กทารกฟันน้ำนมยังไม่ขึ้นไปไหนได้ ส่งคนออกตามหาทั่วเซวี่ยหมิงแบบปูพรมค้น
หาไปครึ่งปีก็ไม่ได้ข่าวคราวอันใดแม้แต่น้อย
ยามสิ้นหวัง รั่วเอ๋อร์ภรรยาของเขาก็เลือกที่จะออกจากวังหลวงเพื่อหลีกหนีจากความเจ็บปวดใจที่สูญเสียลูกชายไป
เซวี่ยลี่กังวลว่านางจะเกิดเรื่อง แต่ก็ติดราชการแผ่นดิน ไม่อาจพานางออกไปท่องเที่ยวผ่อนคลายความเสียใจได้ ได้แต่ส่งองครักษ์ลับคอยอารักขานาง ไม่คาดว่าที่เมืองเป่ยเยี่ยนอันเป็นพรมแดนเซวี่ยหมิงกับแผ่นดินต้าหุ้ย รั่วเอ๋อร์ถูกพวกเซวี่ยอิงที่หลุดรอดไปได้จับตัวไป
องครักษ์ลับทั้งหกตายสามบาดเจ็บหนึ่ง รอดมาสองก็รีบไล่ตามร่องรอยไป พลางส่งสารลับไปแจ้งวังหลวงเซวี่ยหมิง รายงานเรื่องนี้ต่อเซวี่ยลี่
พอเซวี่ยลี่นำสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงเร่งเดินทางไปถึงเป่ยเยี่ยน สมทบกับองครักษ์ลับ ก็ได้ร่องรอยมาว่านางถูกนำตัวเข้าเขตแดนแผ่นดินต้าหุ้ย เขาไล่ตามมาจนถึงเมืองเล็กๆ ที่ห่างจากเมืองหลวงแผ่นดินต้าหุ้ยเฟิงเฉิงสองสามร้อยลี้ เซวี่ยลี่กับสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงถูกพรรคพวกเซวี่ยอิงที่หลงเหลืออยู่ล้อมไว้ นี่คือกับดักที่พวกเขารอมานาน กับดักที่รอให้เขามาตกหลุมด้วยตนเอง
เอาชีวิตเขากับสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงแลกกับชีวิตภรรยาเขา เทียบกันแล้วอันใดสำคัญยิ่งกว่า?
เฟิ่งรั่วเอ๋อร์ไม่ต้องการให้เซวี่ยลี่ลำบากใจจึงคิดกัดลิ้นปลิดชีวิตตนเอง
ในตอนนั้นเอง พรรคพวกที่รอดชีวิตของเซวี่ยอิงที่ล้อมเซวี่ยลี่ไว้ พวกที่คุมตัวเฟิ่งรั่วเอ๋อร์ไว้ก็ถูกธนูลึกลับยิงทะลุกลางใจตายหมดสิ้น
ลมเปลี่ยนทิศทันที เซวี่ยลี่นำสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงโต้กลับ ช่วยเหลือเฟิ่งรั่วเอ๋อร์ไว้ได้ พรรคพวกเซวี่ยอิงถูกล้อมสังหารราบคาบ
คนที่นำกำลังมายิงธนูช่วยไว้ก็คือองค์ชายห้าหลี่เหวินซิวแห่งแผ่นดินต้าหุ้ย
ตอนนั้นเขากำลังนำกำลังขึ้นเขาเป่ยหลงซานเพื่อฝึกฝนประสบการณ์พอดี จึงได้ช่วยเหลือฮ่องเต้และฮองเฮาแผ่นดินเซวี่ยหมิงไว้โดยไม่ตั้งใจ
“นี่ก็คือเหตุว่าทำไมเซวี่ยหมิงกับแผ่นดินต้าหุ้ยจึงได้มีสนธิสัญญาไม่รุกรานกันและกัน และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้หลี่เหวินซิวได้รับตำแหน่งฮ่องเต้ที่เขาต้องการ” เล่าเรื่องยี่สิบสี่ปีผ่านมาจบ เป็นเรื่องที่เขาแทบจะปิดผนึกไว้ในจิตใจเบื้องลึกไปแล้ว เขาเงยหน้ามองไปยังชายหนุ่มที่เงียบไม่กล่าวอันใด เซวี่ยลี่เสริมขึ้นเบาๆ
“แค่ก…” ซูสุ่ยเลี่ยนบีบสองมือหลินซือเย่าที่กุมมือนางไว้แน่น เห็นเขาฟังเรื่องในอดีตจบแล้วไม่ได้มีท่าทีอันใดสักนิด จึงได้แต่ส่งแววตาขอโทษไปยังเซวี่ยลี่ที่วาดหวังอยู่ กระแอมไอเบาๆ กล่าวขึ้นว่า “ความหมายของท่านก็คือ…อาเย่าเขา…”
“เขาก็คือลูกข้าที่หายไปเมื่อยี่สิบสี่ปีก่อน รัชทายาทเซวี่ยหมิง เซวี่ยจ้าน” เซวี่ยลี่กล่าวพลางส่งสายตาขอบคุณไปยังซูสุ่ยเลี่ยน ตอบเน้นย้ำอีกที
ในเมื่อเดาได้ถึงเจตนาของชายผู้นี้เล่ามายืดยาว กล่าวออกมาเองถึงสถานะแท้จริงอาเย่า ซูสุ่ยเลี่ยนยังคงอดสูดลมหายใจอย่างตื่นตะลึงไม่ได้
สวรรค์! แผ่นดินเซวี่ยหมิง…รัชทายาท…
นางคงไม่ได้อ่านหนังสือไร้สาระมากไปจนเกิดจิตนาการไปเองใช่ไหมนะ สถานะร่างภพนี้ของนางก็พอให้นางตกตะลึงแล้ว ผู้ใดจะคาดว่าสามีที่ร่วมเรียงเคียงหมอนถึงกับเป็นรัชทายาท…วันหน้าก็คือ…
สวรรค์ นางไม่กล้าคิดต่อเลยจริงๆ ทุกอย่างไม่ใช่สิ่งที่นางต้องการนะ! นางคิดเพียงแค่มีชีวิตเรียบง่ายกับเขาในเมืองฝานฮัว ชีวิตชาวนาที่ไร้ความกังวลไปตลอดชีวิต
“อาเย่า?” นางรู้สึกเหมือนถูกเขาบีบสองมือไว้แน่น ก็เงยหน้ามองเขา
“ข้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น…ไม่ไปไหนทั้งนั้น…” หลินซือเย่าใช้คำพูดง่ายๆ แสดงท่าทีจุดยืนของเขากระจ่าง
เขา…คงไม่ใช่ได้ยินความในใจนาง? ไม่อย่างนั้น…ทำไมจึงตอบรับได้บังเอิญเช่นนี้
“อาเย่า…” นางไม่ได้หมายความเช่นนี้ เห็นๆ ว่ามีโอกาสทำให้เขาได้มีพ่อแม่ที่เป็นความอบอุ่นครอบครัว นางจะแย่งชิงสิทธิ์นี้ของเขาไปได้อย่างไร นับประสาอันใดกับนางก็คือภรรยาเขา ได้แต่หวังให้เขายิ่งเบิกบานใจ ไม่ใช่สละทิ้งทุกอย่างในอดีตเพื่อนาง เช่นนั้นในใจลึกๆ เขาจะเบิกบานใจได้แท้จริงหรือ
“ข้าไม่เป็นไร” หลินซือเย่าตบมือนางเบาๆ เงยหน้ามองเซวี่ยลี่ “เล่าจบแล้ว? เช่นนั้นพวกเราไปกันเถอะ”
หลินซือเย่าดึงซูสุ่ยเลี่ยน เตรียมจะออกจาห้องไปด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
“อาเย่า?” ซูสุ่ยเลี่ยนเรียกเขาเบาๆ อย่างไม่เข้าใจ เขากำลังโมโห ทำไมล่ะ หาบิดามารดาที่พลัดพรากกันไปยี่สิบสี่ปีพบไม่ควรดีใจหรือ
“เจ้า…เจ้า นี่มันท่าทีอะไร? พลัดพรากกันไปหลายปี ข้ากับท่านแม่เจ้าสืบหาข่าวเจ้าอยู่ตลอดเวลา กว่าจะหาเจอ แต่เจ้ากลับสีหน้าเย็นชา เจ้า…” เซวี่ยลี่เห็นลูกชายแท้ๆ ตนเองไม่รู้ดีชั่วก็อดตวาดเสียงดังไม่ได้
“จริงหรือ ฮ่องเต้แห่งแผ่นดินคิดตามหาใครสักคน ไม่ใช่ว่าง่ายหรือ ถึงกับใช้เวลาตั้งยี่สิบสี่ปีจึงหาพบ? ทำไม่รอให้ตายแล้วค่อยมาล่ะ” หลินซือเย่าโต้กลับเย็นเยียบ อีกนิดเดียวเขาก็ตายแล้ว ก่อนตายยังไม่รู้ว่าบิดามารดาแท้ๆ ทรงเกียรติเช่นนี้
“เจ้าคิดว่าพวกเราไม่ตั้งใจหาเจ้า? หรือรู้อยู่ว่าเจ้าอยู่ที่ไหนแต่ไม่มาหาเจ้า?” เซวี่ยลี่ฟังออกถึงน้ำเสียงเอาเรื่องของหลินซือเย่า ถามอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ
“หรือไม่ใช่? ไม่คิดว่าวาจาท่านดูขัดแย้งหรือ ชิ! สิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงอารักขาวังหลวงเซวี่ยหมิง ถึงกับแค่สตรีกับเด็กฟันน้ำนมยังไม่งอกก็หาไม่เจอ ช่างเป็นเรื่องน่าขำแห่งใต้หล้าเสียจริง!” หลินซือเย่ากล่าวเอาเรื่องน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าไม่เข้าใจ สิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงปกป้องวังหลวงเริ่มมาตั้งแต่หลังเกิดเรื่องตอนนั้น ก่อนหน้านี้สิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงเพียงปกป้องฮ่องเต้ จ้านเอ๋อร์ ไม่ว่าใจเจ้าจะเชื่อหรือไม่ ข้ากับแม่เจ้าไม่เคยหยุดตามหาเจ้าคือเรื่องจริง ครั้งนี้หากไม่ใช่ว่าแผ่นดินต้าหุ้ยมีข่าวลับมาจากหลางซี มีองค์กรลับขวางการทำงานของสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิง ข้าก็คงส่งพวกเขาเข้ามาสืบความจริง และก็คงไม่ได้รับรู้ข่าวของเจ้า หลงอีที่ได้ปะทะกับเจ้าเห็นหลังใบหูเจ้ามีไฝสีม่วงเข้มเม็ดนั้น นั่นก็คือลักษณะพิเศษเฉพาะของเลือดเนื้อเชื้อไขเซวี่ยหมิง ไม่ผิดแน่ คนรู้กันน้อยมาก หนึ่งเพื่อป้องกันคนทำเลียนแบบ สองเพื่อไม่ให้ความลับนี้รั่วไหลให้คนนอกรู้ แต่เพราะเรื่องนี้กลับทำให้ต้องพลัดพรากจากเจ้าถึงยี่สิบสี่ปี แต่บรรดาองครักษ์ลับกับสิบสองทหารโลหิตเซวี่ยหมิงไม่มีผู้ใดไม่รู้เรื่องสัญลักษณ์พิเศษนี้” เซวี่ยลี่เห็นหลินซือเย่าเงียบฟังเขาอธิบายก็เงียบไป ก่อนจะกล่าวต่อ “กล่าวได้เพียงแค่ว่า ชีวิตในอดีตของเจ้าเป็นความลับมากเกินไป ตอนนี้คิดดูแล้วก็เป็นข้าที่ไม่รอบคอบเอง ไม่เคยตามหาตามองค์กรยุทธภพ โดยเฉพาะกลุ่มนักฆ่า…ลืมเล่าว่า ยี่สิบปีก่อนเซวี่ยเยี่ยนถูกข้าตามพบ กินยาพิษเข้าสู่อวัยวะภายใน ตายไปในไม่กี่วัน นั่นเพราะหลังจากนางขโมยเจ้าไป แต่ในใจยังสำนึกผิด จึงได้มอบเจ้าให้กับครอบครัวชาวนา ไม่ได้มอบให้อาจารย์นาง…เหลยถิงที่เป็นพวกเซวี่ยหมิงที่เล็ดรอดไป ดังนั้นจึงถูกเหลยถิงวางยาสังหาร ตั้งแต่นั้นมาข้าก็ส่งคนออกตามหาตามบ้านเรือนชาวนา แต่ก็ไร้วี่แวว”
เล่าถึงตรงนี้ เซวี่ยลี่ก็ถอนหายใจขึ้นมาเบาๆ “ท่านแม่เจ้าตั้งแต่สูญเสียเจ้าไป ทั้งวันก็เอาแต่ร่ำไห้…ไม่เชื่อหรือ วังในเซวี่ยหมิงข้ามีนางเพียงคนเดียว ไม่ใช่ว่าทำไม เพียงแต่ไม่อยากให้รุ่นหลังเหมือนข้ากับเซวี่ยอิงที่มีจุดจบอนาถเช่นนั้น เพียงแต่เสียดายที่หลายปีมานี้ไม่ใช่ไม่เคยคิดเรื่องมีทายาทต่อ เพียงแต่ท่านแม่เจ้าอย่างไรก็ไม่ตั้งครรภ์อีก บางทีอาจเพราะสวรรค์ลงโทษข้า แม้ว่าจัดการปกครองเซวี่ยหมิงได้อย่างดี แต่ครอบครัวกลับเละเทะไม่เป็นท่า สังหารพี่น้อง สูญเสียบุตรชาย…เหอๆ…กรรมตามสนองกระมัง…”
“วัดอวิ๋นหลัวแปดปี ออกมาเผชิญโลกสองปี อยู่ร้านอาหารหนึ่งปี อายุสิบเอ็ดเข้าหอเฟิงเหยา เรียนวิทยายุทธสองปี ฆ่าคน…สิบปี…” หลินซือเย่าค่อยเล่าสั้นๆ เล่าชีวิตที่ผ่านมาของเขา ฟังจนซูสุ่ยเลี่ยนปวดใจไม่น้อย นั่นคืออดีตที่แม้แต่นางก็ไม่เคยรู้ ตอนนี้เขาใช้น้ำเสียงเรียบเฉยบอกกล่าวเยาะเย้ยราวกับไม่ใช่ตัวเอง ในใจก็รู้สึกปวดแปลบอย่างยิ่ง
“อาเย่า…” นางยกมือโอบกอดเอวเขาไว้ หวังถ่ายทอดความอบอุ่นจากกายนางให้เขา
“…ลำบากเจ้าแล้ว…” เซวี่ยลี่เดาได้ว่าลูกชายต้องทนตกระกำลำบากมา แต่ตอนนี้มาได้ฟังเขาเล่าเองคร่าวๆ ก็แอบสะเทือนใจไม่น้อย เขานึกภาพชีวิตยากลำบากบนท้องถนนเพื่อเอาตัวรอดออก มองเห็นภาพสิ่งที่เขาต้องแลกมากับการก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนักฆ่าเหรียญทองของเขา
เป็นสิ่งที่คนที่เติบโตในวังหลวงแต่เล็กอย่างเขาไม่มีวันได้สัมผัส ตอนนี้เขาอยากให้ลูกชายเติบโตในครอบครัวธรรมดา แม้ว่าชีวิตยากลำบาก แต่ก็ไม่ต้องตกทุกข์ได้ยากผ่านประสบการณ์มากมายเช่นนี้ เพียงแต่กล่าวนั้นง่าย ตอนพรากจากกันเขายังไม่ถึงขวบ ถูกคนรับเลี้ยงไม่ปล่อยให้ป่วยตายหิวตายก็บุญแล้ว จะมีหน้าไปตำหนิคนรับเลี้ยงเขาที่ไหนกัน หากจะตำหนิก็คงต้องตำหนิตนเองที่ไม่รอบคอบ บุญคุณความแค้นระหว่างเขากับเซวี่ยอิงทำร้ายลูกชายเขา
“ตอนนี้ข้าสบายดี มีภรรยาและมีลูกแล้ว และไม่ได้อยู่วงการนักฆ่าแล้ว พวกท่าน…ก็ถือเสียว่าหาข้าไม่พบแล้วกัน” หลินซือเย่ามองเซวี่ยลี่ กล่าวจบก็ดึงซูสุ่ยเลี่ยนเดินผ่านเซวี่ยลี่ผ่านประตูบานหนึ่ง
ประตูบานหนึ่งเปิดออกจากด้านใน มีสตรียืนน้ำตานองหน้าอยู่หน้าประตูนานแล้ว
“จ้านเอ๋อร์…ลูกข้า…” เฟิ่งรั่วเอ๋อร์สะอื้นกล่าวเรียกแผ่วเบา กลับไม่รู้ควรบอกถึงความคิดถึงจับใจของนางได้อย่างไร บทสนทนาเมื่อครู่นางได้ยินชัดเจน ลูกชายโกรธแค้นนางและเขา นางฟังออกถึงวาจาไร้เยื่อใยจากปากเขา นางรู้ว่าลูกชายไม่ยอมยกโทษให้นางและเขา
“ขออภัย ข้าคือหลินซือเย่า” หลินซือเย่ากวาดตามองนางปราดหนึ่ง ทิ้งท้ายไว้คำหนึ่งก่อนจะรั้งซูสุ่ยเลี่ยนเข้าห้องตนเองไป ไม่ว่าเขาจะใช่ลูกชายเซวี่ยลี่หรือไม่ สถานะเด็กกำพร้ายี่สิบสี่ปีมานี้ ก็เพียงพอจะทำให้เขาเก็บงำอารมณ์ความรู้สึกจนชินแล้ว ตอนเด็กเขาเคยคิดว่าบิดามารดาเขาทำไมทอดทิ้งเขา บางทีอาจตายไปแล้ว บางทีอาจยากจนเลี้ยงดูไม่ไหว แต่ไม่เคยคิดว่าจะด้วยสาเหตุเช่นนี้
เพราะบุญคุณความแค้นรุ่นก่อน ทำให้เขาต้องลำบากมาถึงยี่สิบสี่ปี…วนเวียนอยู่ในความมืด…
พอแล้ว ตอนนี้เขาเข้มแข็งพอที่จะไม่ต้องการบิดามารดาแล้ว…ไม่ต้องการอีกแล้ว…