เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 132 จวนพักตากอากาศเปลี่ยนโฉมหน้า
“คิดไม่ถึง เมืองฝานฮัวเล็กๆ ของพวกเราถึงกับเปลี่ยนโฉมงดงามได้เช่นนี้!”
“ใช่แล้ว รู้สึกไม่อยากจากที่นี่ไปเลย…ดูทะเลสาบนี่สิ ใสกระจ่างอะไรอย่างนี้ จุ๊ๆ ยังสวยสะอาดใสกว่าทะเลสาบในเมืองอีก โอ ทางนั้นมีสระบัวด้วย! ดอกบัวงามแท้!”
“ใช่แล้ว เมืองฝานฮัวตอนนี้สวยงามมากขึ้นจริงๆ เทียบกับเมื่อก่อน ราวกับสวรรค์บนดินจริงๆ…”
”เมืองเล็กๆ งดงามเช่นนี้ไม่อยู่ชื่นชมสักสิบวันครึ่งเดือน ไม่เต็มอิ่ม…”
“ท่านพ่อ หากตอนแรกไม่ย้าย พวกเราก็นับว่าเป็นตระกูลใหญ่ที่นี่แล้ว คิดๆ ดูหน้าบ้านหลังบ้านล้วนมีแต่ต้นไม้ดอกไม้เต็มกำแพง ยามว่างยังขึ้นเขาไปตกปลา จับกุ้ง ย่างกินตรงนั้นได้เลย เฮ้อ รสชาติคิดแล้วคงสดอร่อย…”
“ใช่ ท่านพ่อดู ตอนนี้เข้าเมืองสะดวกขนาดไหน เส้นทางใหญ่ทางตะวันตกเฉียงเหนือนั่นตรงไปถึงประตูเมืองฝานลั่ว ไม่มีเส้นทางอ้อมเลี้ยวเลยสักโค้ง!”
“ข้ากลับถูกใจร้านหนังสือ ร้านเดินหมากที่เปิดกว้างไม่ต้องเสียเงินที่นี่มากกว่า ชีวิตช่างสุขสบายจริง…”
“ว่ากันว่าที่ศาลยังมีห้องตรวจโรคด้วยนะ ทุกๆ วันที่ห้าของเดือนมีหมอมารักษาและตรวจร่างกายให้ชาวบ้านไม่คิดเงินด้วย จัดยาก็ถูกกว่าในเมืองมาก”
“ข้ายังได้ยินว่า ปากทางหมู่บ้านมีกลุ่มอาคารสร้างใหม่ ก็คือเขตการค้าย่อยๆ หากแต่ละครอบครัวมีผักผลไม้หรือเนื้อสัตว์ปลากุ้งอะไร ขอเพียงคิดขาย ทุกวันยามอิ๋นถึงยามซื่อ ล้วนนำมาค้าขายแลกเปลี่ยนกันที่นี่ได้ ว่ากันว่าพวกเลี้ยงวัวเลี้ยงแพะหมู่บ้านข้างๆ พอรู้เรื่องนี้ ก็ยังลากวัวลากแพะมาขายที่นี่ด้วย อยู่ที่นี่นะ แทบจะไม่ต้องเข้าไปตลาดในเมืองแล้ว”
“จะเข้าไปตลาดในเมืองก็ง่ายมากนะ ไม่เห็นแผ่นไม้ที่แขวนอยู่บนต้นท้อร้อยปีนั่นหรือ ด้านบนเขียนไว้สองเส้นทางตะวันตกตะวันออก ทุกสามวันจะมีรถม้าพาไปส่งถนนหลักในเมืองฝานลั่วไม่คิดเงินนะ ยังมีวันละสองรอบ จุ๊ๆ สะดวกกว่าพวกเราที่อยู่ตอนเหนือของเมืองอีก” บ้านพวกเขาตอนนี้ แม้ว่าอยู่เมืองฝานลั่ว แต่เส้นทางหลักก็ยังนับว่าไกล ปกติต้องนั่งรถม้าจึงจะไปถึงเขตการค้าได้
“ใช่ ข้ายังถูกใจสำนักศึกษาฝานฮัวแสนสงบเงียบอีกแห่ง ว่ากันว่าในเมืองมีอาจารย์เซวียมีชื่อที่สุด สถานศึกษาส่วนตัวในเมืองหลายแห่งยังเชิญเขาไปสอนไม่ได้ ถึงกับยอมมาสอนหนังสือที่นี่…และขอเพียงเป็นชาวเมืองฝานฮัว ไม่ว่าชาย หญิง เด็ก คนชรา ล้วนเข้าฟังได้ ตอนเที่ยงยังมีอาหารกินอีก เด็กนอกหมู่บ้านก็มาได้ แต่ทว่าค่าอาหารต้องให้พวกเขาออกเงินจ่ายเอง”
“ใช่เลย ใช่เลย ได้เป็นส่วนหนึ่งของที่นี่ ได้รับสิทธิพิเศษมากมายเหลือเกิน เฮ้อ คิดถึงตอนแรกที่ท่านพ่อบอกไม่ย้ายก็ดี!”
“ทำอย่างไรได้! จะย้ายกลับมาอีกก็ไม่ได้แล้ว ท่านพ่อ พวกเราล้วนชอบที่นี่ พวกเรามาสร้างบ้านที่นี่กันเถอะ”
“ใช่เลย ตัวเมืองตอนเหนือตอนนี้สกปรกจะตาย ที่นี่ช่างราวกับสวรรค์บนดิน! ข้าเห็นด้วยคนแรก!”
“ข้าก็เห็นด้วย!“
“ท่านพ่อ ท่านพูดสักคำสิ!”
“แค่ก แค่ก…อาซ้อ ฟังข้าสักคำ หลายวันก่อนท่านอาซินก็รู้แล้ว มาเมืองเราเที่ยวได้ แต่มาตั้งรกรากไม่ได้เด็ดขาด!”
“เฮ้อ พี่อาฟา ท่านพ่อยากจะชมชอบที่ไหนสักที่ พวกเราออกเงินมากหน่อยไม่ได้หรือ!”
“เฮ้อ ไม่ใช่เรื่องเงิน เมืองฝานฮัวเป็นจวนพักตากอากาศส่วนตัวจวนอ๋องจิ้งไปแล้ว ไม่ให้ซื้อขายกันอีกแล้ว”
“แม้แต่เช่ายังไม่ได้หรือ ผู้ใหญ่บ้าน?”
“ไม่มีเหตุผล หากนายท่านอยากพักสักสองสามวันท่องเที่ยวให้ทั่ว บ้านข้ามีห้องว่างห้องหนึ่ง”
“อย่างนั้นเจ้าเป็นผู้ใหญ่บ้านทำอะไร แม้แต่สิทธิ์ครองบ้านก็ไม่มี”
“อาซ้อ ท่านไม่เข้าใจแล้ว นอกจากเมืองฝานฮัวเป็นเขตปกครองจวนอ๋องจิ้งแล้ว ยังไม่อาจซื้อขายที่ดินกันได้ด้วย เรื่องอื่นๆ ล้วนข้าจัดการ”
“เอ่อ…กลายเป็นพ่อบ้านจวนพักตากอากาศคนอื่น?”
“…”
กว่าจะส่งครอบครัวใหญ่ที่พูดไม่หยุดกลับไปได้ หวังเกิงฟาก็สะบัดคอดังกึก แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็เคร่งเครียดเหมือนกัน เขาถอนหายใจเฮือก รู้สึกผ่อนคลายไปทั้งตัว
สองมือไพล่หลัง ค่อยๆ เดินกลับบ้านไปตามถนนหมู่บ้าน
การสร้างโครงสร้างและบรรยากาศโดยรอบของจวนพักตากอากาศฝานฮัวดำเนินมาได้เดือนกว่าก็จบลง ตอนนี้แผนการยิ่งใหญ่ของนายช่างกับพวกช่างต่างๆ ก็คือนำหินชิงจวนมาปูล้อมจวนใหญ่สุดพื้นที่เก้าหมู่ ของเขตพักตากอากาศที่อยู่ทางตะวันตกสุดของเมืองฝานฮัว เริ่มลงมือก่อสร้าง ว่ากันว่าจะใช้เวลาหนึ่งปี ใช้เวลาล้อมกำแพงหินชิงจวนสูงเท่าคนไปสิบวัน นี่ก็คือกำแพงใหญ่จวนพักตากอากาศ
นอกจากจวนหลักที่เริ่มก่อสร้างแล้ว ที่อื่นๆ ในเมืองฝานฮัวก็ผ่านการลงมือทำงานก่อสร้างของกลุ่มช่างต่างๆ มาได้เจ็ดเดือนเต็มๆ ไม่ได้หยุด ก็เริ่มเสร็จงานหมดแล้ว
เมืองฝานฮัวตอนนี้งามไม่เหมือนก่อนแล้ว!
เฮ้อ ให้อภัยเขาด้วยที่เป็นคนไม่เชี่ยวชาญภาษา เลือกหาคำบรรยายความงามเมืองฝานฮัวตอนนี้ไม่ได้
สองข้างทางและกลางเส้นทางถนนหมู่บ้านยังปลูกต้นไม้สองอย่าง ต้นหลิวที่มีอยู่เดิม ตอนนี้ระหว่างต้นหลิวยังปลูกต้นแปะก๊วยเพิ่ม ว่ากันว่าพอปลายฤดูใบไม้ร่วง ใบต้นแปะก๊วยก็จะเป็นเหลืองทองอร่าม ปลิวลงปกคลุมถนนหมู่บ้าน ตอนนายช่างออกแบบกล่าวเช่นนี้ หวังเกิงฟาได้แต่คิดว่า ใบไม้ตกไปทั่วถนน ผู้ใดกวาด?
ช่างออกแบบโครงสร้างพื้นฐานเหลือบมองแววตาสับสนของเขา จากนั้นก็ว่า “จวนอ๋องจิ้งสาวใช้คนงานชายมากมาย เจ้าเป็นกังวลเรื่องนี้ทำไม”
ก็ถูก เมืองฝานฮัวตอนนี้ควรเรียกว่าจวนพักตากอากาศฝานฮัวแล้ว บ้านในหมู่บ้านนอกจากพวกเขาที่เป็นชาวบ้านอยู่เดิม ก็คือสาวใช้คนงานชายจวนอ๋องจิ้งแล้ว ทุกวันล้วนยุ่งกับงานจิปาถะในเมือง กวาดเก็บใบไม้ ตัดแต่งกิ่งไม้ ยามอากาศแห้งก็จะออกมารดน้ำ หลังฝนตกก็จะมาปัดกวาดสิ่งเกะกะตกค้าง
หลายวันก่อนบรรดาแม่บ้านในหมู่บ้านที่ว่างงานกันพากันมาพบพ่อบ้านดูแลจวนพักตากอากาศ ไม่รู้พูดอะไร รู้แต่วันรุ่งขึ้น พวกนางก็เริ่มทำงานกัน แปลกก็แปลกที่ว่าทำงานกันด้วยรอยยิ้ม เหมือนใบไม้ที่พวกนางเก็บไม่ใช่ใบไม้ร่วงแต่เป็นเงินทอง
ต่อมาจึงได้รู้ว่า พวกนางทำเช่นนี้ได้วันละห้าสิบเหรียญทองแดง
วันละห้าสิบเหรียญทองแดง เดือนหนึ่งก็สองตำลึงกว่านะ เรื่องดีเช่นนี้ แน่นอนต้องแข็งขันแล้ว แต่ทว่าต่อมามีพวกแม่บ้านขอมาเข้าร่วมกันยิ่งมาก พ่อบ้านจึงให้แบ่งกลุ่ม กลุ่มละสิบคน ทุกวันต้องการแค่หนึ่งกลุ่ม สามวันผลัดกันที เช่นนี้ก็จะรักษาความสะอาดเมืองฝานฮัวได้ และยังรักษาแรงงานและอารมณ์ของทุกคนไว้ได้อีกด้วย
สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวบนยอดเขาซิ่วเฟิง ทุกวันก็มีคนงานชายสองคนขึ้นเขาไปกวาดทำความสะอาด รวมทั้งแท่นตกปลาและแท่นย่าง แน่นอนเรื่องพวกนี้ ในเมื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวสาธารณะของชาวเมืองฝานฮัว พวกชาวบ้านเองก็ย่อมไม่ทำลายให้เสียหาย แม้แต่เด็กน้อยอายุไม่ถึงสิบขวบ ก็รู้จักว่าหลังจากย่างอาหารแล้วก็ต้องเก็บกวาดขยะที่เหลือให้เรียบร้อย
เมืองฝานฮัวนี่กำลังจะกลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่พอเพียงและงดงามขึ้นเรื่อยๆ แล้ว
“ผู้ใหญ่บ้าน พวกครอบครัวตาเฒ่าซินเขากลับไปแล้ว?” นางเถียนที่กำลังเก็บผักในพื้นที่เพาะปลูกตนใส่ตะกร้าเตรียมกลับบ้าน พอเห็นสีหน้าผู้ใหญ่บ้านกำลังคิดอะไรอยู่ ก็ยิ้มทักขึ้น
“ใช่แล้ว กลับไปแล้ว” หวังเกิงฟายิ้มเฝื่อนๆ พยักหน้า
“ข้าได้ยินนางสุ่ยว่า ตาเฒ่าซินฝากฝังคนให้มาดูที่เมืองเราหลายครั้งแล้ว ไม่ถามว่าขายบ้านหรือไม่ ก็ถามว่าย้ายบ้านหรือไม่ ก็บอกเขาแล้วว่าบ้านที่นี่แม้ขายก็ไม่ตกถึงมือเขา แต่อย่างไรก็ยังไม่ยอมตัดใจ” นางเถียนบ่นไปก็คิดถึงข่าวได้ฟังมาเมื่อหลายวันก่อนไป อดบ่นต่อไม่ได้
“นั่นเพราะตอนนี้เมืองเรางามแล้ว อิจฉาล่ะสิ อยากกลับมาอยู่บ้านเกิดบ้าง หลายปีก่อนทำไมย้ายไป อ้อ ตอนนี้พวกเรามีวันเวลาดีๆ แล้ว เปลี่ยนโฉมเป็นงดงามแล้ว ก็คิดกลับมาเสวยสุขแล้ว! ผุย!” สะใภ้ซุนโหย่วเม่าที่บ้านใกล้กับถนนหมู่บ้านมาก ได้ยินวาจาผู้ใหญ่บ้านคุยกับนางเถียนข้ามกำแพงมาก็เปิดประตูหลังออกมา ยืนกล่าวแทรกขึ้น
“นางซุน วาจาเจ้าไม่น่าฟัง วันหน้าอย่าได้พูดจาหยาบคายอีก ไม่ได้ยินพ่อบ้านบอกหรือ พวกเราต้องพัฒนาตนเองด้วย” หวังเกิงฟาได้ยินสะใภ้ซุนโหย่วเม่าสบถคำหยาบก็อดเตือนสีหน้าเคร่งเครียดไม่ได้
“โอ๊ย ข้าก็แค่พูดไปอย่างนั้น รู้แล้วๆ พัฒนาใช่ไหมล่ะ ข้าแก้ไข แต่ทว่าผู้ใหญ่บ้าน ตระกูลตาเฒ่าซินนั่น อย่าให้พวกเขาเข้ามาเดินไปเดินมาโดยไม่ได้มีธุระอะไรดีกว่า ข้าเห็นพวกเขาแล้วไร้การอบรมสิ้นดี อยู่ๆ อยากเด็ดผลไม้บ้านไหนก็เด็ด กินแล้วก็แล้วไป ยังถ่มเศษที่กินเหลือลงพื้นไปทั่ว ลูกๆ ข้าเห็นแล้ว ยังเอาไม้กวาดมากวาดเลย” สะใภ้ซุนหน้าแดง เปลี่ยนเรื่องที่พูดกันเมื่อครู่ นิสัยชอบสบถคำหยาบไม่ใช่จะแก้ได้ในวันสองวัน แต่ทว่าลูกชายนางก็บอกแล้ว อาจารย์สำนักศึกษาสอนพวกเขาต้องทำจิตใจให้นิ่งสุขุม แม้แต่ลูกชายก็ยังทำได้ นางเป็นแม่ทำไมจะสู้ลูกชายไม่ได้
“อืม ครั้งหน้าเขามาอีก ข้าจะลองบอกกับเขาแล้วกัน มาชมเมืองฝานฮัวเราได้ แต่ต้องอะไรนะ…เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม…ใช่ เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตา! แม้แต่เด็กหกขวบยังรู้หลักการนี้ หากพวกเขายังต้องให้คนมาเตือนก็น่าอายเกินไปแล้ว” หวังเกิงฟาพยักหน้าเห็นด้วย ตอนนี้แม่บ้านทุกบ้านล้วนเข้าร่วมเป็นคนงานทำความสะอาดพื้นที่จวนพักตากอากาศฝานฮัว แม้ไม่ได้อยู่ในเวลางาน แต่ก็จะคอยเตือนคนนอกให้รักษาความสะอาด พอเช่นนี้ งานพวกนางก็จะไม่ลำบากมาก นับประสาอันใดกับเดิมก็ควรเป็นสิ่งที่ควรกระทำ
“ใช่แล้ว ผู้ใหญ่บ้าน ครั้งก่อนบอกว่าจะเชิญคณะงิ้วมาแสดงให้ครึกครื้นนี่ อย่างไรต่อ? ลานหน้าศาลทำความสะอาดเรียบร้อยแล้วนะ” นางเถียนกำลังจะกลับบ้านก็หยุดชะงัก หันมาถามอย่างอดสนใจไม่ได้
งานปรับปรุงเมืองฝานฮัว พ่อบ้านก็ถือว่าได้รับอนุญาตจากชาวบ้านแล้ว บอกว่าเพื่อขอบคุณชาวบ้านเขตจวนพักตากอากาศที่ให้การสนับสนุนการทำงานอย่างดี จึงตัดสินใจจะเชิญคณะงิ้วมาเล่นที่เมืองฝานฮัวให้ครึกครื้นกันสักครั้ง พร้อมกับยังร่วมฉลองการปรับปรุงจวนพักตากอากาศฝานฮัวอีกด้วย
“กำหนดไว้แล้ว เจ้าคิดว่าพ่อบ้านเพียงแต่พูดไปอย่างนั้นหรือ นั่นยังเป็นคณะงิ้วใหญ่จากเมืองหลวงเลยเชียวนะ วันที่หนึ่งเดือนแปดเป็นต้นไปวันละสองรอบ ไปจนวันที่สิบห้าเดือนแปด” หวังเกิงฟาหัวเราะ เล่าสิ่งที่เขารู้มา
“จริงหรือ เล่นทีเดียวครึ่งเดือนเลย? ฮาฮา! เช่นนั้นก็ดีมากๆ จะได้เชิญครอบครัวแม่ข้ามาเป็นแขกสักหลายวันหน่อย”
“ใช่ ใช่ โอกาสหาได้ยาก ข้าก็จะเชิญครอบครัวท่านแม่ข้ามาพักผ่อนสักระยะหนึ่งด้วย”
นางเถียนกับนางซุนได้ยินข่าวดีนี้ก็ยิ้มเริงร่ากลับบ้าน
ใช่ เป็นโอกาสดีหาได้ยากจริง เมื่อก่อนต้องวิ่งไปดูที่เมืองข้างๆ ให้สะใจ ตอนนี้เมืองเราเองมีมาเองแล้ว ยังเชิญมาจากเมืองหลวงด้วย แสดงทีก็ครึ่งเดือน จุ๊ๆ วันเวลาในเมืองฝานฮัวดีขึ้นแล้ว!