เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 150 เทศกาลตวนอู่ (ตอนที่สาม)
“วันนี้เหนื่อยมากหรือ” หลินซือเย่าอาบน้ำเสร็จก็เข้ามาในห้องนอน เห็นภรรยาตัวน้อยเดินกลับมาจากห้องของสามทารกที่ห้องปีกตะวันตก
“ยังดี เพียงแต่ตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าอิ้งอวิ๋นจะรวดเร็วเช่นนี้” ซูสุ่ยเลี่ยนนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กำลังถอดเครื่องประดับบนศีรษะ กำลังนึกถึงสีหน้าของอิ้งอวิ๋นตอนตัดสินใจบอกนาง ท่าทีเด็ดเดี่ยวและไม่นึกเสียใจภายหลัง เกรงว่าผ่านคืนนี้ไปแล้วจะพลาดโอกาสสำคัญ สองคนจะกลับไปเหมือนเดิมอีก แต่ตอนที่สองคนกำลังกราบไหว้ฟ้าดิน นางแอบเห็นจริงๆ ว่าในแววตาของซือเล่ามีความรักใคร่ลึกซึ้งอยู่ลึกๆ แม้ว่าจะเบาบางอย่างมาก แต่ก็แสดงให้เห็นว่าแท้จริงแล้วซือเล่าก็มีนางอยู่ในใจไม่ใช่หรือ
“ใช่แล้ว อาเย่า เมื่อวานผู้ใหญ่บ้านบอกกับข้าว่า หลังเทศกาลตวนอู่ก็จะเริ่มเพาะปลูกแล้ว พื้นที่ห้าหมู่ที่เพิ่งบุกเบิกเมื่อปีที่แล้วจะหว่านเมล็ดพันธุ์เลยไหม” นางเลิกม่านหน้าต่างขึ้นมองออกไปด้านนอกก็เห็นดอกเหม่ยเหรินเจียว[1] พลิ้วไหวเป็นพุ่ม คิดถึงเรื่องที่ผู้ใหญ่บ้านมาหารือกับนางเมื่อวาน
ตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน เหลียงหมัวมัวที่มีจิตเมตตารับสาวใช้ตามท้องถนนเมืองฝานลั่วที่ถูกขับไล่ออกมาจากตระกูลใหญ่แล้วไม่มีบ้านให้กลับ ซูสุ่ยเลี่ยนก็เริ่มมีความคิดที่จะรับแม่หม้ายลูกกำพร้าและชาวบ้านที่มีชีวิตยากแค้นลำเค็ญเอาไว้ หนึ่ง จวนพักตากอากาศต้องการแรงงานคนมาช่วยดูแล สอง ไม่อาจทนเห็นเด็กอายุแค่สิบกว่าขวบก็ต้องถูกชีวิตบีบคั้นจนไร้หนทาง
สองปีก่อนนางได้หารืออย่างละเอียดกับจิ้งจือ ในที่สุดข้างโรงหมอชิงหยางก็เปิดเป็นหอพักใจหนึ่งห้อง ตอนแรกชาวเมืองไม่รู้ว่าหอพักใจค้าขายอะไร แต่ครึ่งเดือนถัดมา เด็กผู้ชายอายุสิบกว่าขวบจากนอกพื้นที่มาคุกเข่าอยู่หน้าถนนหน้าหอพักใจขายตัวฝังศพบิดา เถ้าแก่สถานหอพักใจรับไว้เลี้ยงดู แล้วก็ให้เงินเขาไปฝังศพบิดา พาไปตรวจสุขภาพที่โรงหมอชิงหยาง หากสุขภาพดีก็จะพาเขาไปที่จวนพักตากอากาศฝานฮัว ให้ไปติดตามพ่อบ้านก่อนเริ่มงานจากตำแหน่งคนงานชาย เทศกาลชิงหมิงในปีต่อมา เด็กชายอายุสิบสองขวบจากวัดชิงอวี้ฝังศพบิดาแล้วก็ถูกซูสุ่ยเลี่ยนพามาอยู่ที่ร้านอาหารดองทำหน้าที่เป็นคนงานในร้าน มีที่พักและอาหารให้ ทุกเดือนยังมีรายรับให้อีกสามร้อยเหรียญทองแดง พอเช่นนี้ชาวบ้านต่างก็รู้แล้วว่าหอพักใจนี้เอาไว้เพื่อทำอะไร บรรดาเด็กๆ ที่ครอบครัวยากจนไร้หนทางจะไป ก็มาขอทำงานที่หอพักใจได้ ไม่ก็ไปเป็นคนงานตามร้านในเมือง ไม่ก็ไปเป็นคนงานในจวนพักตากอากาศ พอข่าวแพร่ออกไป บรรดาแม่หม้ายเด็กกำพร้าก็มาขอความช่วยเหลือจากหอพักใจ หอพักใจนี้ช่วยพวกเขาแก้ปัญหาในการดำรงชีวิตได้อย่างแท้จริง แม้ว่างานจะไม่ได้สบาย แต่ก็ทำให้พวกเขามีชีวิตต่อไปได้อย่างไร้ปัญหา
พอเป็นเช่นนี้ เหอหยวนก็ดี ร้านค้าหรือโรงหมอต่างๆ ก็ดี ก็พอมีกำลังคนพอเพียงไม่จำเป็นต้องไปขอความช่วยเหลือจากจวนอ๋องจิ้งหรือเซวี่ยหมิงให้ส่งคนมา แต่ที่ตามมาก็ย่อมเป็นเรื่องของปากท้องที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ด้วยเหตุนี้หลังเก็บเกี่ยวในฤดูใบไม้ร่วงปีก่อน หลินซือเย่าก็นำคนงานแข็งแรงจำนวนหนึ่งในจวนพักตากอากาศไปบุกเบิกพื้นที่รอบนอกจวนพักตากอากาศฝานฮัวออกมาทีเดียวอีกห้าหมู่ กะไว้ว่าปีนี้ตอนถึงฤดูเพาะปลูกจะเริ่มลองหว่านเมล็ดพันธุ์ดู
แม้ว่าพื้นที่บุกเบิกใหม่จะได้ผลผลิตไม่ดี แต่ผ่านการดูแลสักครึ่งปี คิดว่าผลผลิตก็คงไม่มีปัญหา
สำหรับอาหารจำพวกเนื้อสัตว์นั้น ทะเลสาบและสระน้ำจวนพักตากอากาศฝานฮัวมีกุ้งปลาปูเพิ่มขึ้นทุกปี พื้นที่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจวนพักตากอากาศลั่วสุ่ยยังตั้งโรงเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ ตั้งแต่ปีที่แล้วก็เริ่มให้ผลผลิตอย่างเป็นปกติ ทั้งไก่ เป็ด หมู วัว แพะ ขอเพียงเป็นสัตว์ที่เลี้ยงได้ก็จะซื้อตัวเล็กๆ มาเลี้ยงดู เลี้ยงไปสักหนึ่งปี ก็จะมีผลผลิตมากเพียงพอ ยังส่งไปทำรมควันที่โรงแปรรูปอาหารดองเป็นเนื้อซีอิ๊วต่างๆ เช่นเป็ดซีอิ๊ว ปลาซีอิ๊วอะไรพวกนี้ ส่งไปขายทั้งในและนอกเมืองฝานลั่ว
สำหรับเหอหยวน พวกไก่เป็ดวัวแพะหมูที่ชาวบ้านเลี้ยง หากมีเหลือก็จะขายให้ร้านอาหารดอง หากรังเกียจว่าสกปรกไม่อยากเลี้ยงแล้วก็เลือกซื้อที่โรงเลี้ยงสัตว์ได้
หลังจากกิจการเลี้ยงสัตว์รุ่งเรือง ซูสุ่ยเลี่ยนหารือกับหลินซือเย่าว่าจะเปิดโรงทอผ้าที่เชิงเขาซิ่วเฟิงติดจวนพักตากอากาศฝานฮัว
เพราะบนเขาซิ่วเฟิงมีต้นหม่อนมาก หนอนไหมก็ไม่น้อย กอปรกับเมืองฝานลั่วตั้งอยู่ทางใต้สุดแผ่นดินต้าหุ้ย สี่ฤดูอากาศอบอุ่นกว่าเมืองอื่นหลายเท่า ที่นี่ตั้งโรงทอผ้าได้เหมาะสมที่สุด
ฝากหอกว่างชื่อโหลวไปเชิญช่างทอผ้าสามคนก็อายุเกือบครึ่งร้อยด้วยเงินเดือนสูงจากแต่ละเมืองในแผ่นดินต้าหุ้ยมา จัดการเตรียมการได้ครึ่งปี ในที่สุดตอนต้นปีก็ก่อตั้งโรงทอผ้าไหมรูปแบบใหม่ของแผ่นดินขึ้นมาได้
ฤดูใบไม้ผลิเป็นฤดูที่หนอนไหมจะพ่นไหมห่อหุ้มตัวเอง ดังนั้นในช่วงเวลานี้คนงานในโรงทอผ้าไหมทุกคน ทั้งช่างทอผ้าผู้ชำนาญการสามคนที่เชิญมาและคนงานหญิงที่ได้รับการถ่ายทอดความรู้มาครึ่งปีอีกห้าคน รวมทั้งคนงานชายทำงานจิปะถะสามคน แม่ครัวหนึ่งคน ก็จะเฝ้าอยู่ที่โรงทอผ้าทั้งวันทั้งคืน แม้แต่เทศกาลตวนอู่ก็ฉลองกันที่โรงทอผ้าไหมแห่งนี้
โชคดีที่ตอนก่อสร้างนั้นได้รับคำแนะนำจากจิ้งจือว่า นอกจากสร้างโรงทอผ้าที่มีอุปกรณ์ครบครันอาคารหนึ่ง สร้างโรงเลี้ยงหนอนไหมที่ก่อแท่นให้ความอบอุ่นอาคารหนึ่งแล้ว ยังควรสร้างเรือนพักคนงานด้วย เดิมไว้ให้คนงานผลัดกันนอนเฝ้า คิดไม่ถึงว่าจะกลายเป็นบ้านน้อยของพวกเขาชั่วคราว หากคนเหล่านี้โสด พวกเขาก็ขออยู่เอง ซูสุ่ยเลี่ยนก็ไม่ว่าอะไร ขอเพียงให้พวกเขาพักผ่อนให้พอ อย่าพักผ่อนไม่เพียงพอจนเสียสุขภาพก็พอ
พอเป็นเช่นนี้ เหอหยวนก็ไม่ขาดแคลนอาหารและเครื่องนุ่งห่ม เป็นเมืองเล็กๆ ก็สมบูรณ์บริบูรณ์ ยังช่วยเสริมความขาดแคลนให้กับเมืองใหญ่ฝานลั่ว ให้พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย
“อืม เครื่องมือทำนาเตรียมพร้อมแล้ว” หลินซือเย่าเงียบไปพักหนึ่ง “พื้นที่บุกเบิกใหม่ห้าหมู่นี้ ไปถามตระกูลวังดู ว่าพวกเขาอยากจะรับเหมาไปไหม”
“รับเหมา?” คำนี้นางเคยได้ยินจิ้งจือเอ่ยถึง ทุกครั้งที่จิ้งจือมาตรวจที่จวนพักตากอากาศ หากมีเวลาว่างก็จะตามนางมาพร่ำบ่นไม่หยุด ยังกล่อมให้นางมอบพื้นที่นาและโรงงานต่างๆ ในจวนพักตากอากาศให้ชาวบ้านรับเหมาไปดูแล ทุกปีก็เก็บเงินจากผลผลิตมาจ่ายค่าแรง
“อืม พอโรงทอผ้าเปิด ตอนฤดูเพาะปลูกคนก็พออยู่ แต่ยามปกติไม่ค่อยมีคนดูแล” หลินซือเย่าขมวดคิ้วคิดไปคิดมา “ตระกูลวังต้นตระกูลมาก็เพาะปลูกยังชีพ พื้นที่ห้าหมู่ให้พวกเขาดูแล น่าจะไม่ยากสำหรับพวกเขา ก็ทำนากันไปตามเดิม”
“อืม นี่เป็นความคิดที่ดี ตอนนี้คนงานในจวนพักตากอากาศไม่น้อย ยามเก็บเกี่ยวเพาะปลูกล้วนร่วมแรงร่วมใจกันได้ ยามปกติก็มีงานให้ทำ เทียบกับการต้องหาคนมาดูแลพื้นที่ห้าหมู่โดยเฉพาะ ไม่สู้ขอให้บ้านวังมาดูแล หนึ่งปีก็คอยมอบค่าตอบแทนให้กับพวกเขา” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ฟังก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ในเมื่อแก้ปัญหาแล้ว ก็มานี่ได้แล้วไหม” หลินซือเย่าจ้องมองนางอย่างขัดใจ ตอนนี้เหลือกันแค่สองคนแล้วยังกล้าเอาแต่คิดถึงเรื่องของคนอื่นอีก
“อาเย่า!” ซูสุ่ยเลี่ยนแทบอยากจะร้องไห้ แต่ทว่าคืนนี้ก็ดึกมากแล้วจริงๆ จึงถอดเสื้อตัวนอกออกอย่างว่าง่าย กำลังจะขึ้นเตียงก็ถูกเขาดึงเข้าสู่อ้อมกอดร้อนผ่าว
“เจ้า…ไม่เหนื่อยหรือ” ตอนเที่ยงเพิ่งเร่งเดินทางกลับบ้านมา ยังไม่ทันได้พักผ่อนก็ลากนางเข้ามาพัวพันอยู่ในห้อง หลังอาหารเที่ยงยังเริ่มยุ่งวุ่นวายกับผู้คนและดูแลงานแต่งงานให้กับซือเล่ากับอิ้งอวิ๋น ในงานเลี้ยงยังถูกซือชงลากไปมอมเหล้าซือเล่า ตอนนี้ดึกมากแล้ว ยังคิดจะ…
“เหนื่อย…” เขาเหมือนกับกอดนางไว้ งึมงำอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็ขึ้นทาบทับร่างหอมนุ่มละมุนของนางสองมือเริ่มปัดป่ายไปทั่วร่างนาง
“ไม่ได้บอกว่าเหนื่อยหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนนึกขำ สบตาเขา แต่สองมือก็ยอมเชื่อฟังตวัดเกี่ยวคอเขาไว้ รับรู้ถึงลมหายใจร้อนผ่าวของเขาบนใบหน้า ใบหูและลำคอของนาง…จนกระทั่งความร้อนผ่าวนี้แผ่ราวกับไฟแผดเผาไปทั่วกายนาง…
“เช่นนี้ไม่เหนื่อย…” อาจเพราะฤทธิ์สุราเป็นเหตุ ในค่ำคืนนี้เขาจึงทุ่มเทยิ่งกว่าปกติ ทุ่มเทในร่างกายนางอย่างบ้าคลั่ง จนกระทั่งนางไร้เรี่ยวแรงอ่อนยวบลงบนกายเขา เขาจึงค่อยคำรามดังก่อนจะสงบลง…
เขาหยิบผ้าสะอาดมาทำความสะอาดให้นางง่ายๆ อย่างอ่อนโยน ก่อนจะรั้งนางสู่อ้อมกอด ค่ำคืนดึกดื่น อารมณ์ยิ่งดื่มด่ำ…พรุ่งนี้ยังมีเรื่องมากมายรอให้พวกเขาไปจัดการ การงานยุ่งวุ่นวายและเหอหยวนที่นับวันยิ่งงดงาม ทำให้เขายอมแบกรับด้วยใจ…เพียงเพราะว่า ทุกอย่างล้วนมีนางเป็นเพื่อน…ทุกอย่างล้วนเพื่อนาง…
……
“ท่านแม่…ท่านแม่…” หลินเซียวห้าขวบตะโกนเรียกก่อนจะวิ่งเข้าห้องนอนซูสุ่ยเลี่ยน หารอบหนึ่งแล้วก็ไม่เจอ ก็รีบไปที่ห้องโถง “พี่เหอ ท่านแม่ล่ะ ท่านแม่รับปากว่าวันนี้จะสอนข้าบ่มสุราอิงเถา”
“คุณชายใหญ่ ฮูหยินเพิ่งออกไป หรือว่าบ่าวพาท่านไปเด็ดผลอิงเถามาก่อนดีไหม เด็ดมาล้างสะอาดแล้วค่อยรอบ่ม” ไป๋เหอปลอบใจหลินเซียว
พูดถึงทารกแฝดห้าขวบ ตั้งแต่วันเกิดครบปี นิสัยตอนเกิดมาก็กลับตาลปัตรอย่างเห็นได้ชัด
คุณหนูใหญ่หลินหลงนิ่งเรียบร้อย มักชอบอ่านหนังสืออยู่ในห้องหนังสือได้เป็นวันๆ ไม่พูดสักคำ มีแต่ตอนประมุขหอเฟิงเหยามา จึงได้เห็นนางเผยรอยยิ้มตามนายท่านซือออกไปศาลาแปดเหลี่ยมริมสระบัวท่องเคล็ดวิชาอย่างเป็นเด็กดี
แตกต่างกับคุณชายใหญ่หลินเซียวอย่างไปกันคนละทาง นิสัยร่าเริงไม่ว่า วันทั้งวันยังชอบเอาแต่รักในการบ่มสุราและทำขนม…หากไม่ใช่ว่ากังวลความปลอดภัยของเขา ยืนยันไม่ให้เขาไปข้างเตา คิดว่าแม้แต่หม้อตะหลิวก็คว้ามาหมดแล้ว นี่เพิ่งจะแค่ห้าขวบก็แอบบ่มสุราดอกกุ้ยเองไว้ไหหนึ่งแล้ว ว่ากันว่าเหลียงหมัวมัวเดาว่า วันหน้าคุณชายใหญ่ต้องเป็นเถ้าแก่ร้านสุราใหญ่ แต่ว่าหลานชายคนโตจวนอ๋องจิ้ง จะมาเป็นเถ้าแก่ร้านสุราหรือ หากให้ท่านอ๋องผู้เฒ่ารู้เข้า ย่อมต้องโมโหหนวดกระดิกสองตาถมึงทึงแน่
ตอนงานเลี้ยงเมื่อวานนี้ได้ยินฮูหยินเอ่ยถึงลูกอิงเถาที่สุกแล้วในสวนมากมายจนกินไม่หมด เอาไปบ่มสุราได้แล้ว คุณชายใหญ่ก็จดจำได้แม่นยำ ตอนนี้ใช่เลย พอลุกขึ้นจากเตียง แม้แต่บ้วนปากก็ไม่ทันได้ทำ รีบวิ่งไปหาฮูหยินแล้ว
สำหรับคุณชายสามหลินซีก็เป็นอีกแบบหนึ่ง อะไรก็ล้วนชอบ อะไรก็ล้วนให้คุณค่า พิธีทำนายครบเดือน ของที่วางบนพรมตอนทำพิธีทำนายครบเดือน เขาล้วนเอามากอดไว้หมด โยนอันไหนทิ้งก็ไม่ยอม…ก็เลยไม่รู้ว่าวันหน้าจะทำอะไร…
“ไป๋เหอ” กำลังจะพาหลินเซียวไปล้างหน้าบ้วนปากทานอาหารเช้า ด้านหลังก็มีเสียงเด็กสาวกระจ่างใสแต่แฝงน้ำเสียงเย็นเยียบดังขึ้น ไม่ต้องหันไปมองก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่หลินหลงมา
“คุณหนูใหญ่?”
“ท่านแม่ไปไหน” หลินหลงถามด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก ยากที่นางจะมีเรื่องมาหามารดา แต่เช้านี้มาก็หาไม่เจอ
“ฮูหยินไปพบกับชาวบ้านแล้ว ดูเหมือนว่าจะหารือเรื่องบุกเบิกพื้นที่ห้าหมู่ใหม่ คุณหนูใหญ่มีเรื่องเร่งด่วนอันใดหรือ ต้องการให้บ่าวรับใช้ไหม” ไม่ค่อยเห็นคุณหนูใหญ่มาหาฮูหยิน ไป๋เหอก็ย่อมคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่
“เอาเถอะ กลับมาแล้วค่อยคุยกันก็ได้” หลินหลงโบกมือหันหลังเดินกลับไปยังห้องหนังสือของตนเอง
อาจารย์ให้เคล็ดวิชาครั้งก่อน นางท่องจำขึ้นใจหมดแล้ว อยากจะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เสียจริงเช่นว่าพลังภายใน เพลงกระบี่…เฮ้อ…
————————–
[1] ดอกพุทธรักษา