เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 16 ตระกูลฮัว
ตระกูลฮัวเรียกได้ว่าตั้งรกรากมั่นคงในเมืองฝานฮัวมานาน สะใภ้ตระกูลฮัวสองรุ่นล่าสุดนี้นับได้ว่ามีความสามารถอันดับต้นๆ ในเมืองฝานฮัว อาจกล่าวได้ว่าขอเพียงนางฮัวกับสะใภ้ตระกูลฮัวเห็นอะไรเข้าตา สิ่งนั้นย่อมดี รวมทั้งที่นาสองหมู่แสนอุดมสมบูรณ์และบ้านที่ตระกูลฮัวตั้งอยู่ตอนนี้
บ้านเก่าตระกูลฮัวอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองฝานฮัว เป็นบ้านเล็กๆ ที่มีเพียงสองห้องนอนหลักและห้องข้างๆ อีกห้องเท่านั้น ตอนนั้นฮัวเสี่ยงอิ๋นนายท่านตระกูลฮัวมีลูกชายสอง ลูกสาวสอง ภรรยาฮัวเสี่ยงอิ๋นจากไปตั้งแต่คลอดฮัวคังลูกชายคนเล็ก ฮัวเสี่ยงอิ๋นเป็นทั้งพ่อและแม่ อาศัยงานช่างไม้แต่มีฝีมือชำนาญเลี้ยงลูกจนเติบใหญ่ หาเงินมาได้ไม่น้อย กะว่าจะไว้ให้ลูกชายทั้งสองแต่งสะใภ้
ลูกสาวสองคนอายุห่างกันสองปี คนโตสิบห้า คนเล็กสิบสาม ต่างได้วัยออกเรือน จึงได้ออกเรือนไปพร้อมกัน แต่งให้กับฝาแฝดที่เมืองลั่วสุ่ย ตอนนี้มีชีวิตที่เพียบพร้อมสมบูรณ์
พูดถึงฮั่วเสี่ยงอิ๋นที่จัดการหมั้นหมายสะใภ้ให้ลูกชายคนโต เป็นลูกสาวคนที่สามตระกูลหลิวแห่งเมืองลั่วสุ่ย นางแต่งเข้ามาไม่นานก็รังเกียจว่าบ้านแคบ ถือโอกาสตอนตั้งครรภ์เป่าหูสามีที่ร่วมเรียงเคียงหมอนทุกวัน อ้างเหตุขอย้ายออกไปอยู่กันเอง
ตอนแรกฮัวเสี่ยงอิ๋นไม่ยินดีนัก ลูกชายคนรองยังไม่แต่งจะแยกบ้าน! พูดออกไปคงมีแต่คนหัวเราะเยาะ หาว่าตนอยู่ร่วมกับลูกสะใภ้ไม่ได้ แต่อย่างไรสะใภ้ก็ไม่ยอม ดึงดันจะย้ายออกไปหาบ้านที่ใหญ่กว่า ฮัวเสี่ยงอิ๋นเป็นคนซื่อ ไม่คิดถือสาสะใภ้ ได้แต่ตบหน้าขาดังฉาด ตกลง เพิ่มเงินให้พวกเจ้าสองสามีภรรยา ย้ายออกไปสร้างครอบครัวได้เลย
นางฮัวเป็นคนฉลาด นำเงินหนึ่งตำลึงไปซื้อที่นาที่ดีที่สุดทางตะวันออกของเมืองฝานฮัวมาสร้างบ้านใหม่ และยังเอาที่นาหนึ่งหมู่เดิมของตระกูลฮัวที่ไม่ค่อยมีน้ำท่าเท่าไรไปแลกกับที่นาดีทางตะวันออกค่อนไปทางใต้
จากนั้นซุนโหย่วเม่าเจ้าหน้าที่กรมที่ดินและทะเบียนราษฎรในเมืองฝานฮัวก็เริ่มจับตานางฮัว ขอเพียงนางไปสอบถามเรื่องใด เขาก็จะแกล้งทำหูหนวกไม่รู้เรื่อง พอนางไปก็ค่อยไปสืบความอย่างละเอียด รอจนเข้าใจละเอียดแล้ว พอนางฮัวก็มาหาอีกที เขาก็พอรู้ในใจ ย่อมไม่เหมือนหลายปีก่อน ครั้งแรกที่นางมาซื้อที่ดินและบ้านกับตน ตนถูกนางพูดจาวกไปวนมาตกหลุมเสียได้
ซุนโหย่วเม่าถูกนางฮัวจัดจนแทบเข้าตำราที่ว่า ‘เจองูกัดเข้าเช้าหนึ่ง กลัวเชือกไปสิบปี’
จากนั้นนางฮัวกับฮัวอันลูกชายคนโตตระกูลฮัวก็ย้ายบ้านสำเร็จ วันเวลาก็ผ่านไปอย่างเจริญรุ่งเรือง นางเองก็มีความสามารถ สองปีคลอดลูกคน ต่อเนื่องกันมาสามคน จนกระทั่งฮัวคังน้องชายสามีนางไปศึกษาหาความรู้ที่เมืองฝานลั่วแล้วไปเข้าตาคุณหนูตระกูลร่ำรวย จึงแต่งเข้าตระกูลนั่นไป ฮัวเสี่ยงอิ๋นโมโหจนล้มป่วยลุกไม่ขึ้น ไม่ถึงครึ่งปีก็จากไป ตอนไว้ทุกข์หากตั้งท้องถือว่าอกตัญญู ดังนั้นนางหลิวจึงตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์
พอไว้ทุกข์ครบกำหนด นางหลิวก็ขายบ้านเก่าตระกูลฮัว บอกว่าฮัวคังเปลี่ยนไปใช้แซ่ลู่ บ้านหลังนี้เขาย่อมไม่มีส่วนแบ่ง เก็บไว้ไห้ลูกสามคนแต่งสะใภ้แทน
กว่าจะรอจนถึงวันแต่งของลูกชายคนโต ผู้ใดจะคิดว่าสะใภ้ที่หามาได้มีอุบายฉลาดยิ่งกว่าตนเอง นางฮัวยามนี้ได้แต่พูดไม่ออก ตนเองหาเรื่องใส่ตัวก็ต้องรับเอง สะใภ้คนโตไม่ได้ดึงลูกชายคนโตของนางแยกเรือน แต่แค่เหมือนพี่สาวบ้านนางที่มีความคิดเด็ดกว่า สองปีนี้ยังไปติดตาต้องใจบ้านหลังหนึ่งพร้อมกับพี่สาวของนางเอง ดึงดันจะบังคับให้ทั้งครอบครัวย้ายเข้าไปอยู่ในตัวเมือง วาจาพูดได้น่าฟัง เช่นว่าท่านพ่อท่านแม่อายุมากแล้ว ทำงานในนาช้าเร็วก็คงไม่ไหว ไม่สู้ย้ายไปอยู่ในตัวเมืองกินอยู่ให้สบาย
นางฮัวย่อมรู้จุดประสงค์นาง ลูกชายคนโตไปเช่าที่ตั้งร้านขายของจิปาถะในเมืองฝานลั่ว ทุกวันตอนเช้าก็ออกจากบ้าน กว่าจะกลับก็มืดค่ำ หากเจอกับอากาศเลวร้ายเช่นฝนตกหิมะตกหนักยังต้องเสียเงินหลายสิบอีแปะนอนอยู่โรงเตี๊ยมคืนหนึ่ง ดังนั้นลูกชายกับลูกสะใภ้คนโตแอบวางแผนย้ายครอบครัวไปเมืองฝานลั่วกันนานแล้ว ถึงเวลาค่อยซื้อหน้าร้านเล็ก จากนั้นก็จะสลัดหลุดจากความเป็นชาวนา ได้เป็นคนเมืองอย่างแท้จริง
ไปตั้งถิ่นฐานในเมือง ผู้ใดฟังแล้วไม่หวั่นไหว แต่ต้องมีเงินเสียก่อน ลูกชายและลูกสะใภ้คนโตย่อมไม่ควักเงินส่วนตัวออกมาง่ายๆ บอกว่าเก็บเอาไว้ซื้อหน้าร้าน รู้ว่านางฮัวยังมีเงินขายบ้านเก่าหลังนั้นอยู่ในมืออีก ตอนนี้ยังถูกลูกชายอีกสองคนวันๆ เอาแต่โวยวายว่าจะเข้าไปอยู่ในเมือง
นางฮัวตกที่นั่งลำบากจริง เงินที่นางสะสมไว้ไม่น้อยจริงๆ แต่นั่นต้องอยู่ในเมืองฝานฮัว หากว่าไปซื้อบ้านในเมืองฝานลั่ว นั่นก็ย่อมต่างกันลิบ แต่ทว่าลูกชายนางแทบจะฟังแต่วาจาลูกสะใภ้คนโต ขอให้ขายบ้านนี้ทิ้ง
มารดาเจ้าสิ ช่างไม่ได้เรื่องจริงๆ อายุน้อยๆ ไม่รู้จักตั้งใจทำงานเหมือนบิดา กลับคิดแต่เสวยสุข นางฮัวแอบด่าลูกชายสาดเสียเทเสียอยู่ในใจ วันๆ แทบทนวาจาบ่นไม่หยุดของลูกชายอีกสองคนของนางไม่ไหว พูดกันตามตรง เพราะนางฮัวมีเงินในมือ ดังนั้นฟังๆ ไปก็ค่อยๆ คิดเช่นนี้ตาม ตอนนี้สะใภ้ใหญ่นางฝากคนไปตกลงแล้ว ภายในสองเดือนนี้จะจ่ายเงิน บ้านหลังนั้นก็จะตกเป็นของพวกนาง อีกสองเดือน? ขอโทษที คนอื่นเขาไปหาคนซื้อใหม่แล้ว
สองเดือน! ห้าสิบหกตำลึง! มารดาเจ้าสิ! คิดว่าจะดึงเงินสะสมมาค่อนชีวิตของนางไปหรือ กว่าจะเก็บมาได้สามสิบหกตำลึงไม่ได้ง่ายๆ ยังไม่รวมเงินขายบ้านเก่าตระกูลฮัวกับที่นาสองหมู่อีกสิบสองตำลึง เสียทีที่นางแอบดีใจคิดว่าตนเองร่ำรวยที่สุดในเมืองฝานฮัว ผู้ใดจะรู้ว่าพอจะเข้าไปอยู่ในเมือง บ้านหลังหนึ่งที่มีแค่ลานบ้านเดียวก็ซื้อไม่ไหวแล้ว!
บ้านที่ตนอยู่ตอนนี้แม้ว่าเก่าไปสักหน่อย แต่อย่างไรก็มีห้องนอนหลักสามห้อง ยังมีห้องข้างๆ อีกสอง ห้องปีกอีกสอง หน้าบ้านหลังบ้านยังมีลานกว้างเป็นเรื่องเป็นราว
นางฮัวกัดฟันกำหนดราคามีแต่สูงไม่มีลดไปว่าสี่สิบตำลึง คำนวณว่าหลังจากขายบ้านทิ้งแล้ว ไม่เพียงแต่พอจะซื้อบ้านในเมืองหลังนั้น ยังเก็บเงินไว้เป็นค่าสู่ขอสะใภ้ให้ลูกชายอีกสองคนได้อีก จากนี้ไปก็เป็นคนเมืองแล้ว หาสะใภ้ก็ย่อมได้สะใภ้ชาวเมืองก็ย่อมมีแต่ได้มากขึ้นไปอีก
เพียงแต่ ชาวบ้านในเมืองฝานฮัวแต่ละบ้านล้วนมีบ้านของตนเอง แม้ลูกชายจะแต่งสะใภ้คิดขยายเรือนออกไป ก็คงไม่เสียเงินก้อนโตไปซื้อบ้านเก่าตระกูลฮัวที่อยู่นอกเมืองฝานฮัว แม้ว่ามีคนมีเงินคิดจะทำการค้า ก็คงเพราะการข่าวจำกัด ไม่มีทางได้รู้ว่าที่นี่จะขาย
ดังนั้นตอนนางเหลาไปสอบถาม นางฮัวฟังออกว่า ตระกูลเหลามีคนคิดซื้อบ้านตน ดังนั้นก็รีบคว้าโอกาสหาได้ยากนี้ไว้ทันที โอ้อวดบ้านตนราวกับมีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แน่นอน สี่สิบตำลึงไม่อาจขาดแม้แต่อีแปะ
……
“กล่าวเช่นนี้ ตระกูลฮัวจะขายจริงหรือ” พอซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินป้าเหลาเล่าความที่ไปสอบถามมาจบ ก็แย้มยกมุมปากยิ้มเบิกบาน สุดท้ายก็หาบ้านที่เป็นของตัวเองได้แล้ว ต้องสำเร็จแน่
“ข้าฟังจากน้ำเสียงนางฮัว สี่สิบตำลึงขาดไม่ได้แม้แต่อีแปะเดียว” ป้าเหลาถอนหายใจ สี่สิบตำลึงเลยนะ คิดว่าครอบครัวนางทำงานสาละวนกันทั้งปี ประหยัดกินประหยัดใช้สะสมปีหนึ่งก็คงไม่เกินห้าหกตำลึง นางฮัวโหดร้ายจริง บ้านเก่าอย่างนั้น ถึงกับจะเอาสี่สิบตำลึงไม่ยอมลดเลย ไม่ต่างอะไรกับปล้นชิงเลยจริงๆ แม้ตำแหน่งบ้านอยู่ที่ดีเพียงใด ห่างจากที่นาไม่ไกล ก็ไม่ควรต้องแพงขนาดนี้!
อยู่ๆ ป้าเหลาก็อยากจะบอกซูสุ่ยเลี่ยน หรือว่าตนลดราคาขายบ้านตนเองให้นาง แต่พอคิดกลับมาอีกที หากขายไปยี่สิบตำลึง ครอบครัวนางจะย้ายไปไหน ไม่ใช่ว่าต้องหาบ้านใหม่อีกหรือ ดังนั้นนางก็ได้ล้มเลิกความคิดที่ไม่ได้เรื่องนี้ทิ้งเสีย
“ป้าเหลา รบกวนป้าช่วยไปกับพวกเราอีกครั้งได้ไหม รอให้พวกเราดูบ้านเสร็จค่อยว่ากัน” ในใจซูสุ่ยเลี่ยนรู้สึกว่าราคานี้แพง เพราะเมืองฝานลั่วถูกที่สุดก็ห้าหกสิบตำลึง แต่ที่นี่ได้เปรียบที่ยังมีที่นาดีอีกสองหมู่ หากบ้านดีอย่างที่ป้าเหลาว่าจริง นางย่อมพิจารณาซื้อเอาไว้ ดังนั้นจึงอยากลากป้าเหลาไปดูที่จริงสักรอบ
หลินซือเย่าไม่พูดอะไรก็ตามซูสุ่ยเลี่ยนออกจากบ้านตระกูลเหลา ลูกหมาป่าสองตัวที่หมอบอยู่หน้าประตูอย่างเบื่อหน่าย พอเห็นเจ้านายออกมาก็รีบตาม เชิดหน้าก้าวไปยังพื้นที่ที่วันหน้าจะเป็นบ้านตน