เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 21 บ้านตระกูลฮัวไม่ขายแล้ว
พอเข้าสู่เมืองฝานฮัวก็มีปรากฏการณ์ประหลาดหนึ่ง ชาวบ้านมากมายต่างพากันมุ่งไปทางตะวันออกของเมืองฝานฮัว ปากยังร้องตะโกนว่า “ไปดูเรื่องสนุกกันๆ”
ซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่ายืนอยู่กลางถนนในเมือง มองตามไปอย่างไม่เข้าใจ กำลังคิดหาคนมาถามก็ได้ยินคนทักขึ้นด้านหลังว่า “โอย แม่นาง! แม่นางมาพอดี”
“ป้าเหลา! เกิดอะไรขึ้น?” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นนางเหลาวิ่งมาหอบแฮกๆ อยู่ตรงหน้าตน ก็อดถามไม่ได้
“โอย เกิดเรื่องแล้ว” ป้าเหลาตบหน้าอกตนเองฉาดหนึ่ง กว่าจะหายใจได้ทันก็นานอยู่ รีบลากซูสุ่ยเลี่ยนไปทางตะวันออกว่า “เดินไปเล่าไปแล้วกัน เรื่องนี้นะ พูดไปแล้วก็เกี่ยวกับเจ้า…”
ได้ยินป้าเหลาบ่นยาวมาตลอดทาง ซูสุ่ยเลี่ยนจึงได้เข้าใจ ตามคาดว่ามันเกี่ยวกับนางจริงๆ ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้าถอนหายใจ สัมผัสได้ถึงฝ่ามือหนาอบอุ่นของหลินซือเย่าที่กุมมือนางไว้ หันกลับไปสบสายตาปลอบใจของเขา
ที่แท้นางฮัวที่เซ็นสัญญาขายบ้านกับที่นาให้นางและรับเงินไปสี่สิบตำลึงแล้วนั้นได้ไปแจ้งฮัวอันสามีนางและลูกชายคนโต คิดจะเข้าเมืองไปวางเงินซื้อบ้านห้าหกสิบตำลึงที่ตนถูกใจ ไม่คิดว่าเจ้าของบ้านถึงกับขายบ้านหลังนั้นไปแล้ว
ตอนนี้ตระกูลฮัวกำลังมีเรื่องกันใหญ่โต สัญญาซื้อบ้านก็เซ็นแล้ว เงินก็รับแล้ว ตกลงกันว่าวันนี้จะย้าย แต่บ้านที่จะย้ายไปยังไม่ได้วางเงิน ยังไปวนหาหลังอื่นในเมืองอยู่รอบหนึ่งก็พบว่าบ้านราคาถูกสุดถึงกับมีราคาสูงถึงเจ็ดสิบห้าตำลึง และยังไม่มีเครื่องเรือนอะไรเลย
เมื่อเป็นเช่นนี้ นางฮัวจึงเป็นลมล้มตึงตรงนั้นทันที ลูกสะใภ้ถูกฮัวอันตำหนิสองสามคำก็ร้องไห้คร่ำครวญไม่หยุด “ข้าไม่อยู่แล้ว นอกจากไม่ขายบ้าน…”
พอได้ยินว่ามีเรื่องกันถึงชีวิต หวังเกิงฟาผู้ใหญ่บ้านเมืองฝานฮัวก็ถูกนางเถียนที่อยู่ใกล้กับตระกูลฮัวที่สุดมาตามไปตัดสิน พอมาถึงก็แทบจะทำให้ทั้งเมืองฝานฮัวฮือฮาครึกโครม ผู้คนพากันมาดูเรื่องสนุกจากทั่วทุกสารทิศ
“เอ่อ แม่นางวางใจ หากตระกูลฮัวคิดกลับคำ ผู้ใหญ่บ้านย่อมออกหน้าให้ความยุติธรรมกับเจ้า มีเรื่องอย่างนี้ที่ไหนกัน พอตัวเองได้ประโยชน์ก็เอา พอไม่ได้ประโยชน์และยังต้องเสียเงินเสียทองก็คิดกลับคำ เฮอะ ไม่ง่ายอย่างนั้นหรอก อย่างไรก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับเจ้า” ป้าเหลาข้างๆ บ่นกระปอดกระแปดถึงการกระทำไม่รับผิดชอบของตระกูลฮัว ปลอบใจซูสุ่ยเลี่ยนไม่หยุด
ซูสุ่ยเลี่ยนแอบถอนหายใจ หากตระกูลฮัวจะเปลี่ยนใจจริง คิดจะคืนเงินค่าซื้อบ้านและที่นา นางก็คงไม่คิดเอาเรื่องพวกเขา อย่างไรที่นี่ก็เป็นพื้นที่ถิ่นกำเนิดของพวกเขา ยินยอมย้ายหรือไม่ก็ต้องขึ้นกับความสมัครใจของพวกเขา บีบคั้นพวกเขา ตนเองก็คงไม่ต่างกับพวกปล้นชิง เพียงแต่ตนเองไปๆ มาๆ ก็ต้องไปเริ่มหาบ้านใหม่อีกแล้วก็เท่านั้น
“อย่ากังวล อย่างมากก็กลับไปโรงเตี๊ยมพักอีกพักหนึ่ง” หลินซือเย่าเห็นนางสีหน้าสลดก็ถอนใจกล่าวขึ้น หากในใจก็คิดวางแผนว่ากลับไปตั้งรกรากในเมืองดีกว่า
ส่วนเรื่องเงิน เมื่อวานตอนเป็นเพื่อนซูสุ่ยเลี่ยนไปเดินซื้อของ เขาก็กวาดตามองประกาศรางวัลนำจับในเมืองคร่าวๆ มา ก็แค่พวกหัวขโมยกระจอกไม่กี่คนเท่านั้น
เพียงแต่หากจะให้นักฆ่าเหรียญทองอันดับหนึ่งแห่งหอเฟิงเหยาอย่างเขาไปจับขโมยกระจอกอย่างเปิดเผยเช่นนี้ หากเผยแพร่ออกไป…ก็ยังกลัวว่าพวกหอเฟิงเหยาจะหาตนพบ กลัวอีกว่าพวกมันจะทำร้ายสตรีตัวน้อยข้างกายตน
ซูสุ่ยเลี่ยนเงยหน้ามองดูปากเม้มแน่นและสายตาเป็นห่วงของหลินซือเย่า เขากำลังห่วงนางหรือ เหอะๆ…ในแววตาที่แต่ไรมามีแต่ความเย็นเยียบของเขา ยามนี้นางกลับมองออกถึงความเป็นห่วงอัดแน่นในใจของเขาได้
“ข้าไม่เป็นไร จริงๆ แม้ป้าฮัวเปลี่ยนใจไม่ขาย พวกเราก็ไม่ได้เสียหายอะไร” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้ม กลับเป็นคนปลอบใจหลินซือเย่าแทน
ป้าเหลาที่เดินตามมาข้างๆ ได้ยินแล้วก็แอบชื่นชมในใจ สตรีมีตระกูลใจช่างกว้างจริง หากเป็นสะใภ้บ้านนาง เฮอะ ไม่แน่นะ มีเรื่องกันไปแล้ว แม้บ้านไม่ยอมขาย อย่างไรก็ควรมีเงินชดเชยบ้าง เห็นพวกเขาสองคนไปกลับในเมืองทุกวันเช่นนี้ ดูเจ้าหมาสองตัวแบกของย้ายบ้านมาไม่น้อยเช่นนี้ ล้วนต้องใช้จ่ายเงินทองทั้งนั้น คิดถึงตรงนี้ป้าเหลาก็แสร้งทำเป็นมองไปไกลแต่แอบลอบสังเกตของบนหลังลูกหมาป่าสองตัว ไม่รู้ว่ามีของที่ซื้อมาให้นางหรือไม่ แต่ว่าการค้าไม่สำเร็จ คิดว่าค่าแนะนำนางเองก็คงหายวับไปเช่นกัน
…….
“มาแล้วๆ พวกเขาใช่ไหม”
“น่าจะใช่นะ ดูท่าทางเรียบร้อย น่าจะไม่บีบให้ดำเนินการตามสัญญากระมัง?”
“ก็พูดยากนะ ยิ่งดูเรียบร้อยก็ยิ่งรับมือยาก”
“ข้าว่าพวกเขาไม่เหมือนพวกไร้เหตุผลนะ ดูท่าทางแม่นางก็หน้าตาดี แต่น่าเสียดายมีเจ้าของแล้ว ไม่อย่างนั้นจะรับมาอยู่บ้านข้าเสียเลย แต่งให้ต้าหนิวของบ้านข้า…ฮิๆ…”
“เจ้าคิดได้ดีนี่นะ ต้าหนิวเจ้าหน้าตาหล่อเหมือนคนข้างกายนางหรือ ข้าดูต้าหนิวนี่ ได้แต่แต่งกับชุนปอบ้านอาเหวินมากกว่า”
“เจ้า…เจ้าปากวานรพูดเหลวไหลมั่วซั่ว! ถุย!”
……
ซูสุ่ยเลี่ยนกับหลินซือเย่าเดินตามหลังป้าเหลาเข้าบ้านตระกูลฮัวมาก็ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กคุยกันรอบๆ
ป้าเหลาเพิ่งก้าวเข้าประตูมาก็ถูกหลายนางที่รู้จักกันลากไปคุยอีกทาง
“…ฮือ…ข้าไม่อยู่แล้ว! ไม่ใช่ว่าข้าหวังดีอยากให้ครอบครัวเราได้ย้ายไปใช้ชีวิตดีๆ ในเมืองหรือไรกัน!…จะไปคิดได้อย่างไรว่าคนพูดแล้วไม่รักษาคำพูด รับปากขายบ้านให้พวกเราแล้ว เมื่อวานไปจ่ายเงินจึงได้รู้ว่าขายคนอื่นไปก่อนแล้ว…ฮือ…ข้าพยายามทุ่มเทจิตใจและกำลังกายเพื่อครอบครัวเรา ผู้ใดจะรู้ว่าผลจะเป็นเช่นนี้! เจ้าคนไม่เอาไหน ถึงกับลงไม้ลงมือกับข้า! ฮือ ฮือ…”
ซูสุ่ยเลี่ยนยืนอยู่หน้าประตูโถงกลางบ้านก็ได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญดังขึ้นเช่นนี้ นางชะงักฝีเท้ากลับอย่างนึกเก้กัง ในนั้นเหมือนว่ากำลังประชุมครอบครัวอยู่ สถานการณ์ดูเหมือนว่า…เอ่อ…รุนแรงมาก นางเข้าไปเช่นนี้ใช่ว่าเสียมารยาทหรือไม่นะ
“อา แม่นางซูมาแล้ว! รีบเข้ามาๆ!” ขณะกำลังลังเลอยู่ว่าหรือจะรอให้ด้านในสงบลงกว่านี้อีกสักหน่อยดี ก็เห็นประตูโถงถูกผลักออกจากด้านใน คนที่ออกมาก็คือนางฟางสะใภ้ตระกูลฮัว นางในยามนี้ ไหนเลยจะดูออกว่าเป็นนางที่เมื่อครู่ร้องไห้คร่ำครวญหวนไห้ผู้นั้น
นางฟางดึงซูสุ่ยเลี่ยนเข้าไปด้านในทันที หลินซือเย่าตามหลังซูสุ่ยเลี่ยนเข้าไป เห็นนางท่าทางไม่เกรงใจเช่นนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ กวาดตามองข้อมือซูสุ่ยเลี่ยน ตามคาด ข้อมือขาวผ่องของนางถูกนางฟางลากดึงอย่างไร้มารยาทจนแดงไปหมดแล้ว เขาจึงส่งสายตาเย็นเยียบไปยังนางฟาง พร้อมกับเดินไปข้างกายซูสุ่ยเลี่ยนโอบนางคืนมา จะได้ไม่ถูกคนไม่เกี่ยวข้องไม่รู้จักมาฉุดกระชากลากไป
“คือว่า คิดว่าเจ้าก็คือแม่นางซูที่ทำสัญญาซื้อขายบ้านกับตระกูลฮัวใช่ไหม ข้าคือผู้ใหญ่บ้านเมืองฝานฮัว เจ้าเรียกข้าว่าท่านอาหวังได้” ชายชราแต่งกายดูเป็นทางการกว่าชาวบ้านทั่วไปมือถือกล้องยาสูบเห็นซูสุ่ยเลี่ยนถูกสะใภ้ตระกูลฮัวดึงตัวเข้ามาก็รู้ทันที พลางถามขึ้นอย่างสุภาพ
“อืม ท่านอาหวัง” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็พยักหน้าไปทางผู้ใหญ่บ้านอย่างดูว่านอนสอนง่าย
“นางหนู เจ้าอยากตั้งรกรากที่เมืองฝานฮัวจริงหรือ” ผู้ใหญ่บ้านสูดกล้องยาเข้าเต็มปอด ตามมาด้วยเงยหน้าถามซูสุ่ยเลี่ยน
ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า
จริงๆ ก็ไม่ได้ว่าต้องมาตั้งรกรากที่นี่ให้ได้ เพียงแต่นางเองไม่คุ้นเคยกับคนแถวนี้ แม้ว่าหลินซือเย่าไม่พูด แต่นางก็พอเดาได้ เขาเคยเป็นนักฆ่าโหดเหี้ยมมาก่อน จะมาเป็นเพื่อนนางตระเวนไปรอบเมืองฝานลั่วเปิดเผยเพื่อหาบ้านได้อย่างไร ไม่ว่าอย่างไรตั้งรกรากที่ไหนก็เหมือนกัน แล้วทำไมจะไม่เลือกที่นี่ อย่างไรที่นี่ก็เป็นเมืองแรกที่อยู่ใกล้กับเขาต้าซื่อ
“อ้อ!” ผู้ใหญ่บ้านเห็นเช่นนี้ก็ส่ายหน้าอย่างไม่รู้ทำเช่นไร หันกลับไปมองฮัวอันที่นั่งตัวตรงอย่างไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ นางฟางเห็นเช่นนี้ก็เริ่มคร่ำครวญอีก ทำเอาซูสุ่ยเลี่ยนไร้วาจาจะกล่าว
“คือว่า…พี่ฟาง ข้าได้ยินป้าเหลาว่ามาแล้ว หากพวกท่านไม่อยากขายก็ไม่เป็นไร ข้าคืนโฉนดบ้านและที่ดินให้พวกท่านก็ได้” ขอร้องเริ่มร้องไห้คร่ำครวญเช่นนี้เสียที จริงๆ นะ…หนวกหูมาก
ซูสุ่ยเลี่ยนรับห่อผ้าจากมือหลินซือเย่ามา หยิบเอาโฉนดและสัญญาซื้อขายออกมา เตรียมมารับเงินคืนจากตระกูลฮัว
พอสะใภ้ตระกูลฮัวได้ยินว่าซูสุ่ยเลี่ยนเห็นด้วยอย่างไม่ว่าอะไรเช่นนี้ ก็ไม่สนใจหน้าตาที่เลอะเทอะเต็มไปด้วยคราบน้ำตา นั่งนิ่งอึ้งกับที่ไปทันที ผู้ใหญ่บ้านกับฮัวอันได้ยินก็สะดุ้งเล็กน้อย ตามมาด้วยสบตากัน เช่นนี้ก็ได้ด้วยหรือ ก่อนหน้านี้พวกเขายังคิดวิธีรับมือต่างๆ นานา ยังไม่ได้นำมาใช้เลยนะ