เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 4 เตรียมออกจากป่า
“ฮู่” เสร็จจนได้ ซูสุ่ยเลี่ยนพ่นลมหายใจออกมา ยืดตัวตรงนวดบั้นเอวที่ปวดเมื่อยเบาๆ
ซูสุ่ยเลี่ยนเก็บเห็ดป่าหลายชนิดที่ตากแห้งแล้วใส่ห่อผ้าเก็บของเรียบร้อย
ตอนออกสำรวจเส้นทางในหลายวันก่อนพบเห็นพวกนี้ใต้ร่มเงาไม้ชื้นๆ มืดครึ้มหลายต้น ตอนแรกไม่แน่ใจว่ามีพิษไหม ต่อมาเริ่มสังเกตก็พบว่านกบนเขายังมาจิกกินก็ไม่เห็นเป็นอะไร จึงได้วางใจเก็บเห็ดต้นหนาพวกนั้นกลับมาหมด
ตอนตุ๋นน้ำแกงก็ใส่ลงไปสองสามดอก พบว่าทำให้รสชาติดีขึ้นมาก ตุ๋นน้ำแกงก็ไม่ใช่เรื่องง่าย คิดถึงว่าตนเองเริ่มจากปั่นไม้ติดไฟ ตุ๋นแกงเนื้อเสือที่ไร้รสชาติออกมา มาจนเดือนก่อนที่คิดหาน้ำปรุงรสเปรี้ยวเค็มมาได้ น้ำแกงยังมีกลิ่นควันไฟ เห็ดที่หามาได้หลายวันนี้ก็ยิ่งเติมเนื้อให้น้ำแกงได้ไม่น้อย
ซูสุ่ยเลี่ยนเก็บเห็ดตากแห้งเข้าห่อผ้าอย่างพึงพอใจ แม้ว่าไม่มากแต่ก็น่าจะพอจะทำให้ตนเองมีกินไปได้หลายเดือนอยู่
โบร๋ว โบร๋ว ลูกหมาป่าสองตัวเดินเข้ามาในถ้ำ งับกางเกงซูสุ่ยเลี่ยนลากให้ออกไป ซูสุ่ยเลี่ยนได้แต่ปล่อยให้มักลากตนเองไปทางปากถ้ำ
“เสี่ยวฉุน เสี่ยวเสวี่ย พวกเจ้าล่าเจ้านี่มาหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนชี้ไปยังไก่ป่าสองตัวที่ยังมีเลือดหยดกองอยู่ที่พื้นปากถ้ำ หันไปถามลูกหมาป่าสองตัว
โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว ลูกหมาป่าเหมือนตอบนาง ยกสองเท้าหน้าตะกายกระโดดรอบตัวซูสุ่ยเลี่ยน ก่อนจะวางสองเท้าหน้าลงแล้วกระดิกหางสีขาวไปมา
ซูสุ่ยเลี่ยนหลุดขำนั่งยองลงลูบหัวพวกมัน “คิดไม่ถึง เสี่ยวฉุน เสี่ยวเสวี่ยโตแล้วนะเนี่ย ถึงกับล่าสัตว์มากินเป็นแล้ว หุหุ…ตกลง วันนี้พวกเราก็ย่างไก่ป่ากินกัน อืม ตัดคอไก่กับขาตีนไก่มาตุ๋นน้ำแกง”
โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว ลูกหมาป่าสองตัวดีใจส่ายหน้าวนรอบซูสุ่ยเลี่ยน วิ่งออกไปคาบกิ่งไม้นอกถ้ำ ซูสุ่ยเลี่ยนยืนอยู่ปากถ้ำยิ้มมองพวกมัน ก่อนจะพับแขนเสื้อเตรียมทำงาน
เตรียมต้มน้ำร้อนในหม้อหินเพื่อถอนขนไก่พลางคิดถึงเรื่องออกจากป่า ตอนนี้ลูกหมาป่าสองตัวก็อายุเกือบหนึ่งปีแล้วกระมัง ตามตนเองออกจากป่าก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร นับประสาอะไรกับพวกมันยังล่าสัตว์เล็กๆ เป็นด้วย แม้ตนเองเตรียมเนื้อแห้ง เห็ด และผลไม้ป่าไว้แล้ว แต่ก็คงไม่พอกิน แต่ตอนนี้ก็ไม่ต้องกลัวหิวตายแล้ว
อืม เอาอย่างนี้แล้วกัน อาศัยจังหวะช่วงยังไม่ถึงปลายฤดูใบไม้ผลิต้นฤดูร้อนนี่ ตนเองต้องเตรียมออกเดินทางแล้ว ใครจะรู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไรกว่าจะออกจากป่านี้ได้ เกิดอยู่ๆ อากาศหนาวขึ้นมา หิมะตกทั่วภูเขาก็คงแย่แน่
คิดแผนดีแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็เริ่มถอนขนไก่อย่างรวดเร็ว พอล้างไก่สองตัวสะอาดแล้ว ก็ใช้มีดสั้นคว้านท้องไก่ ในท้องของสัตว์ที่ดำรงชีวิตในป่าสะอาดมาก นอกจากเครื่องในแล้วก็แทบไม่มีอะไรสกปรกให้สะอิดสะเอียน ไม่เหมือนกับตอนพี่ชายฝั่งมารดานางควักเอาสิ่งสกปรกน่าสะอิดสะเอียนออกมาจากตัวไก่ที่คว้านท้องออกมาในความทรงจำของนาง
ซูสุ่ยเลี่ยนจ้องมองไก่สองตัวที่จัดการเรียบร้อยอยู่นาน ตัดสินใจว่าจะเอาตัวหนึ่งแช่เนื้อผลไม้รสเค็มเอาไว้ให้นานหน่อย จากนั้นค่อยใช้เชือกเถาวัลย์ผูกขาไก่แขวนไว้ตากลมในถ้ำให้แห้ง อีกตัวก็เอาน้ำรสเปรี้ยวทาให้ทั่วทั้งตัวแล้วก็เสียบไม้ไว้รอย่างไฟ และยังตัดอุ้งตีนไก่กับคอไก่ออกพร้อมกับเครื่องในออกมาวางไว้ในหม้อหินเติมน้ำหกส่วน โยนเห็ดแห้งลงไปเล็กน้อย พร้อมกับปรุงรสสักหน่อย ยกขึ้นวางตุ๋นบนกองไฟ
โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว กลิ่นน้ำแกงไก่หอมกรุ่นกับกลิ่นไก่ย่างลอยมา ได้เวลาชิมแล้ว ลูกหมาป่าสองตัวที่อยู่จากถ้ำไม่ไกลที่กำลังเล่นไล่งับหางอยู่นั้นก็หอนดัง โบร๋ว โบร๋ว รีบกลับมาหาซูสุ่ยเลี่ยน เลียเท้านางเพื่อบอกว่าอยากกินแล้ว
ซูสุ่ยเลี่ยนอุ้มเสี่ยวเสวี่ยไว้อย่างรู้สึกขำ “น้องสาวหิวแล้วหรือ ได้ พวกเราจะได้เริ่มกินกันแล้ว” จากนั้นก็ตบลูบเสี่ยวฉุนที่นั่งหมอบมองซูสุ่ยเลี่ยนหยอกเสี่ยวเสวี่ยอย่างอิจฉา หัวเราะปลอบใจว่า “เสี่ยวฉุนก็หิวแล้วใช่ไหม ได้ พาน้องไปเล่นก่อน ฉันจะตักน้ำแกงไก่หอมๆ ให้พวกแก ตัดเนื้อไก่ย่างกรอบๆ ให้ด้วยนะ”
ชามหินของลูกหมาป่าสองตัวใส่น้ำแกงไก่หอมกรุ่นรอให้เย็นก่อน ใช้มีดสั้นหั่นเนื้อไก่เป็นแปดชิ้น น่องสองชิ้นแบ่งให้เสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ย ตนเองคีบเอาปีกไก่มาแทะแทน อืม พอปรุงรสแล้ว รสชาติไก่ย่างนี่ก็อร่อยกว่าเนื้อเสือก่อนหน้านี้มาก
เห็นลูกหมาป่าสองตัวแทะกินกันอย่างเอร็ดอร่อย ในใจก็นึกขำ คิดไม่ถึง ลูกหมาป่าก็ชอบอาหารสุก น่าจะเพราะตนเองป้อนโจ๊กเนื้อพวกมันตั้งแต่ต้นกระมัง เสี่ยวฉุนและเสี่ยวเสวี่ยไม่ได้รู้สึกกระหายแบบหมาป่าที่ต้องการกินสัตว์มีชีวิตหรือซากสัตว์ แม้ว่าวันนี้จับสัตว์ป่ามาได้ ก็ยังคาบกลับมาให้ตนเองจัดการ ก็ไม่รู้ว่าหมาป่าเป็นเช่นนี้ดีกับตัวมันเองหรือไม่ แต่ทว่าในเมื่อตนเองตัดสินใจจะพาพวกมันออกจากป่าแล้ว ก็ต้องเลี้ยงพวกมันให้เหมือนสุนัขดีกว่า ขอเพียงตนเองมีกิน ย่อมไม่ปล่อยให้พวกมันอดตาย
……
แม้ว่าตัดสินจะออกจากป่านานแล้ว แต่กว่าจะรอให้ซูสุ่ยเลี่ยนเตรียมการพร้อมเก็บของเรียบร้อยก็ต้องใช้เวลาอีกราวหนึ่งเดือน ป่าก็เข้าสู้หน้าร้อนแล้ว
“เสี่ยวฉุน เสี่ยวเสวี่ย พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว”
ซูสุ่ยเลี่ยนคว้าห่อผ้าขนาดใหญ่ที่เก็บของไว้มากพอควร ในนั้นมีเสื้อผ้า เครื่องประดับ เหรียญเงินตำลึงของเดิม อีกทั้งยังมีพวกเห็ดที่ตากจนแห้งสนิทจนแทบไม่มีน้ำเหลือแม้แต่น้อย แล้วยังมีไก่ป่าแห้งเค็ม และยังมีห่อเนื้อเสือที่มีเนื้อผสมๆ กันกับเนื้อกระต่ายแห้งอยู่อีกห่อใหญ่
นอกจากนี้ ซูสุ่ยเลี่ยนยังใช้ช้อนไม้ตักเอาน้ำสีเขียวใสที่ขังอยู่ในหลุมหินย้อยนั่นออกมาใส่น้ำเต้า แม้ว่าได้เพียงก้นน้ำเต้าเล็กน้อย แต่ว่าซูสุ่ยเลี่ยนที่เคยชิมไปไม่กี่หยดก็รู้ว่าน้ำนี่มีประสิทธิภาพอย่างมาก หากไม่ใช่เวลาจำเป็นจริงๆ ก็จะไม่อนุญาตให้ตนเองแอบเอาออกมาชิมอีกแน่
ลูกหมาป่าสองตัวระยะนี้ชอบล่าสัตว์ แม้ว่าล่าได้แค่สัตว์ป่าตัวเล็กๆ น่าจะเพราะเป็นสัญชาตญาณกระมัง อาหารที่ล่ามาได้ก็ล้วนเอามาให้ซูสุ่ยเลี่ยนจัดการ พวกมันยังคงไม่ชอบกินอาหารสด ซูสุ่ยเลี่ยนนำเอากระต่ายป่าและไก่ป่าที่พวกมันล่ามาได้มาย่างไฟบ้าง ตุ๋นบ้าง กินกันเอร็ดอร่อย ที่เหลือก็ถูกนางเอาไปตากแห้ง เตรียมขนไปกินระหว่างทาง
ส่วนผลไม้ป่านั้นนางใส่ลงในตะกร้าสานใบน่ารักจนเต็มเปี่ยมทั้งใบ ในนั้นมีผลท้อ ผลบ๊วย ผลหม่อน ผลซานจา[1]สุก ยังมีผลไม้ที่เหมือนแอปเปิล แต่เล็กกว่าเล็กน้อย และมีรสเปรี้ยวมากสักหน่อย เดาว่าเป็นแอปเปิลป่า แต่ต้นผลไม้ชนิดนี้มีน้อยมาก หาเป็นค่อนวันเพิ่งหาได้สองต้น เก็บผลบนต้นที่สุกแล้วมาหมดก็ได้แค่ยี่สิบกว่าลูกเท่านั้น ก่อนหน้านี้อดไม่ได้ แทะกินเล่นไปสองสามลูก ที่เหลืออยู่ตอนนี้มีผลไม้นี้น้อยมากที่สุด
แต่ก็พอให้ตนเองได้กินไปอีกนานพอควร ซูสุ่ยเลี่ยนคิดอย่างเคลิบเคลิ้ม
อย่างน้อยสถานการณ์ตอนนี้ก็ดีกว่ามีแต่เนื้อเสือแห้งๆ จืดชืดไร้รสชาติในตอนแรก ดูสิ มีเนื้อเค็มแห้ง มีเห็ดต่างๆ ตากแห้ง ยังมีผลไม้ป่าสดๆ รสชาติชุ่มคอ อืม แต่ตะกร้านี้ก็หนักไม่น้อยนะ แต่ว่าเห็นเจ้าลูกหมาป่าสองตัวที่ยังไม่โตเต็มที่กระโดดไปมาอยู่ด้านหน้า ซูสุ่ยเลี่ยนก็ได้แต่คิดว่าอย่างไรตนเองถือเองดีกว่า ไม่อาจรังแกพวกมันที่อายุยังน้อยเช่นนี้ได้จริงๆ แม้ว่าอยากจะเอาตะกร้านี้ไปวางไว้บนหลังให้พวกมันแบกเพียงใดก็ตาม
……
หนึ่งคนสองหมาป่า เดินไปพักไป พอเจอแหล่งน้ำ ซูสุ่ยเลี่ยนก็มักจะหยุดพัก เพราะของเหลวสีเขียวแวววาวในน้ำเต้า ทำให้น้ำเต้าไม่อาจเอามาเติมน้ำได้ ได้แต่อาศัยแหล่งน้ำล้างหน้าล้างมือ ดื่มน้ำพอแก้กระหาย
พอเข้าสู่หน้าร้อน เดินทางในป่านี้ก็รู้สึกร้อนอบอ้าวไม่น้อย
ซูสุ่ยเลี่ยนให้ลูกหมาป่าสองตัวดื่มน้ำเต็มที่ก่อนจะปล่อยให้พวกมันเล่นตามใจพักหนึ่ง ตนเองพิงต้นไม้พักผ่อนพลางกัดกินผลไม้ป่าไปด้วย ก่อนจะโยนเนื้อสองสามชิ้นให้ลูกหมาป่ากินเล่น
เพราะแหล่งน้ำทำให้ตนเองต้องสูญเสียตั๋วเงินพันตำลึงไปหลายใบ จึงไม่ชอบพักผ่อนอยู่สถานที่ที่มีน้ำ
พูดถึงตั๋วเงินห้าใบสภาพดูไม่ได้ตอนเปียกน้ำนั่นแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็ได้แต่เฝ้ารำพันว่าตนเองไร้วาสนากับมัน
ใครจะรู้ว่าเจ้าของร่างกายนี้จะซ่อนตั๋วเงินไปไว้ระหว่างเสื้อตัวนอกกับเสื้อตัวในล่ะ นางไปถอดเสื้อตัวนอกริมลำธาร ไหนเลยจะทันระวังพวกนี้ แค่ถอดออกมาซักน้ำเท่านั้นเอง ผลปรากฏ ตั๋วเงินห้าใบนั้นลอยขึ้นเหนือน้ำจึงได้พบเข้า คว้าขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นตั๋วเงินพันตำลึงเชียว น่าเสียดายที่เปื่อยยุ่ยแล้ว
……
ตอนเดินไปพักไปได้ราวสี่ห้าวันก็พบแหล่งน้ำใกล้ๆ อีกครั้ง ฟ้ามืดแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนดูแล้วยังไม่เห็นสุดผืนป่าแต่อย่างใด ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ มองไปรอบๆ ก็ไม่พบว่ามีถ้ำหินหรือถ้ำต้นไม้อะไรให้พอพักค้างแรมได้ ดูท่าคืนนี้คงต้องพักกลางแจ้งเช่นนี้แล้ว เดินต่อไปข้างหน้าก็ไม่รู้จะเจอแหล่งน้ำอีกไหม
ซูสุ่ยเลี่ยนมองไปรอบๆ รอบหนึ่งแล้วก็พบพุ่มไม้ลับตาแห่งหนึ่งตรงหน้า นางปูแผ่นหนังเสือขาวที่เอาออกมาจากห่อผ้าลงไป ลูกหมาป่าสองตัวมองก็รู้ทันที พอเห็นซูสุ่ยเลี่ยนทำเช่นนี้วิ่งออกไปหากิ่งไม้แห้งมาเป็นฟืนกันอย่างเป็นเด็กดี ซูสุ่ยเลี่ยนลูบหัวพวกมันอย่างพึงพอใจ พวกมันเหมือนลูกน้อยที่รู้จักเอาใจแม่ให้เบิกบาน
เพียงแต่เบิกบานใจได้ไม่นานก็นึกได้ว่าไม่ได้เอาไม้จุดไฟมาด้วย
“โอ๊ะ!” ซูสุ่ยเลี่ยนตบหน้าผากหน้าตาสลด คิดได้ว่าตนเองใส่ท่อนไม้นั่นไว้ในกระบอกหิน ตอนนี้ลืมอยู่ที่ถ้ำ
นั่นเป็นไม้ปั่นไฟที่ตนเองกว่าจะใช้ความรู้ที่มีมาไปมาหาไม้แข็งทำได้ ก็ไม่รู้ว่าทดลองอยู่นานเท่าไรกว่าจะปั่นไฟขึ้นมาได้ ตั้งแต่นั้นมา ซูสุ่ยเลี่ยนก็เคยชินกับการเก็บท่อนไม้นั้นไว้ในกระบอกหิน จุดไฟครั้งหน้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปจัดการหาไม้มาถูอีกไม่รู้กี่ครั้ง นั่นมันเจ็บมือมากนะ
ซูสุ่ยเลี่ยนมองไปยังลูกหมาป่าที่หมอบกระดิกหางหน้าซื่อสองตัวนั่น แบมือใส่พวกมันสองตัวบอกอย่างเสียไม่ได้ว่า “เสี่ยวฉุน เสี่ยวเสวี่ย ฉันลืมเอาไม้จุดไฟมาด้วย ชามหินกับหม้อหินจะหนักอยู่สักหน่อย ฉันไม่ได้คิดจะเอามาด้วย แต่กระบอกหินนั่นฉันไม่ได้คิดจะลืมมันนะ โอย! โทษฉันเอง ตอนออกมาถึงกับคิดแต่หนังเสือ ไม่ได้ตรวจสอบให้ดีอีกรอบ” ซูสุ่ยเลี่ยนพึมพำตำหนิตนเองไม่หยุด ลูกหมาป่าสองตัวร้อง โบร๋ว โบร๋ว โบร๋ว เข้ามาถูไถเอาใจนาง ก่อนจะโผเข้ากอดนางเหมือนจะปลอบใจ
“เอาละ ฉันไม่ได้เสียใจอะไรเท่าไร เพียงแต่โทษตัวเองที่ไม่รอบคอบ ดีที่ตอนนี้เริ่มหน้าร้อนแล้ว คืนนี้พักแรมก็คงไม่หนาวมากนัก นับประสาอะไรที่พวกเรายังมีหนังเสือนุ่มและอุ่นเช่นนี้อีก ใช่ไหม ฮ่าๆ…อย่าเลียหน้าสิ จักจี้!”
หนึ่งคนสองหมาป่าแบ่งเนื้อแห้งและผลไม้ป่ากันกิน ซูสุ่ยเลี่ยนยังหั่นเอาไก่แห้งเค็มให้พวกมันแบ่งกันกิน ลูกหมาป่ากำลังเติบโต ไม่อาจปล่อยให้หิวได้ จากนั้นตนเองก็ดื่มน้ำคำหนึ่งก่อนจะนอนพิงกันหลับไปเงียบๆ
[1] ผลไม้ชนิดหนึ่ง สีแดง ขนาดเท่าลูกเชอรี่ มีรสเปรี้ยวอมหวาน