เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 66 ความรักราชาหมาป่า
ราชาหมาป่าไม่ยอมเลิกรา ยังคงมาหมอบรออยู่ที่หน้าประตู ส่งเสียงงึดๆ ราวกับจะบอกให้หลินซือเย่าปล่อยมันเข้าไป
หลินซือเย่าจ้องตากับมันเป็นนาน สุดท้ายได้แต่ถอนหายใจเอี้ยวตัวหลบ “ไม่ให้ทำข้าวของเสียหาย ไม่ให้ส่งเสียงหอน” เขายอมให้มันเข้าบ้านแล้ว
เห็นมันวิ่งเริงร่าดีใจกระดิกหางไปยังหน้าประตูโถง จากนั้นก็ไปยองนั่งเรียบร้อยอยู่หน้าประตู รอให้หลินซือเย่าเปิดประตู
หลินซือเย่าเงยหน้าไร้วาจา ได้แต่มองจันทร์เสี้ยวบนฟ้าทอดถอนใจเบาๆ
ไม่ใช่ว่าเขาใจอ่อน แต่เป็นเพราะคิดว่า ด้วยความสามารถของราชาหมาป่า จะกระโดดข้ามกำแพงที่มีหรือไม่มีก็ไม่แตกต่างกันในสายตาของมันได้ไม่ใช่หรือ
ที่มันทำเช่นนี้ก็คงเป็นเพราะคิดถึงเสี่ยวเสวี่ย ควรรู้ว่า การได้เป็นราชาของฝูงหมาป่า ไม่ใช่เพียงแค่เพราะมันเกิดมาได้เปรียบที่มีขนสีขาวราวหิมะ แล้วจึงเป็นสัญลักษณ์ของหมาป่าสูงศักดิ์ หรือว่าเพราะมันมีท่าทางที่ดูดุร้ายที่สุด ร่างกายที่แข็งแรงที่สุด แต่ว่าเพราะว่ามันยังมีสติปัญญาที่ชาญฉลาดเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์อีกด้วย
ส่วนว่าครั้งต่อไปหรือครั้งต่อๆ ไป หลินซือเย่ากะว่าจะลงมือไปทางเสี่ยวฉุนและเสี่ยวเสวี่ย ให้พวกมันไปเตือนราชาหมาป่าว่าอย่าได้เอาแต่เข้ามาในหมู่บ้านอย่างนี้ มนุษย์นั้นกลัวหมาป่ามาก เพียงพอจะทำให้บ้านน้อยแสนสบายของมันสองตัวที่นี่ที่กว่าเขาและสุ่ยเลี่ยนจะสร้างขึ้นมาได้ต้องพังครืนลงเลยทีเดียว
หลินซือเย่าเดินไปข้างราชาหมาป่าที่ยืนรออยู่อย่างคาดหวัง ผลักประตูโถงออก ปล่อยมันเข้าไป
“งึด งึด งึด…”
“งึด งึด งึด…”
“งึด งึด งึด…”
หมาป่าสามตัวหัวชนกัน ก่อนจะหมอบกระดิกหางดีใจเข้าใส่กันทันที
หลินซือเย่ายังแอบแง้มร่องประตูไว้ด้วย ไม่ได้ปิดหมด
หันกลับไปส่งสายตามองราชาหมาป่า สั่งการเสียงนิ่งเรียบว่า “ไปก่อนเที่ยงคืน หลบชาวบ้านด้วย หากทำไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาหาเสี่ยวเสวี่ยอีก” แม้เขามั่นใจว่าเวลาเที่ยงคืนจะไม่มีชาวบ้านออกมาเดินเล่นข้างนอกแน่นอน แต่ทุกเรื่องไม่กลัวอะไรเท่าบังเอิญ
จากนั้นหลินซือเย่าก็ไม่สนใจราชาหมาป่าอีกว่าจะฟังที่เขาพูดเข้าใจหรือไม่ เลิกม่านประตูห้องนอนขึ้นก้าวเข้าไปทันที ก่อนจะปิดประตูลงตาม
หมาป่าสามตัวพบหน้ากันหมอบนิ่งกับที่อยู่เป็นนาน ส่งเสียงงึดๆ สื่อสารกัน
…….
“ได้ยินเสียงเจ้า กำลังจะออกไปดูอยู่เลย เกิดอะไรขึ้นกับเสี่ยวเสวี่ยหรือ” หลินซือเย่าเพิ่งเข้ามาในห้องนอนก็เจอกับสายตาสงสัยของซูสุ่ยเลี่ยน
“ไม่มีอะไร แค่สั่งการพวกมันสองสามคำ” หลินซือเย่าไม่ได้เล่าความจริงเกี่ยวกับการมาของราชาหมาป่าให้นางฟัง กลัวว่านางจะกังวล
คว้ามือเย็นราวน้ำแข็งของนางขึ้นมา ดึงให้นางมานั่งในอ้อมกอดหนาอบอุ่นของเขา เขาเองถอดเสื้อตัวนอกออก เหลือแต่เสื้อตัวกลาง กอดนางพิงหัวเตียง
มือหนึ่งโอบลำคอนางเอาไว้ อีกมือนวดสองไหล่และหลังที่ปวดเมื่อยเพราะนั่งมาทั้งวันของนางเบาๆ
แน่นอนว่าหากไม่ได้มีเหตุพิเศษเช่นว่านางมีประจำเดือนมา เขาก็มักจะต้องนวดเบาๆ เรื่อยๆ จนสองคนร้อนผ่าว ไม่เกินหนึ่งชั่วยาม ก็จะกดนางไว้ใต้ร่างเขาร่วมอภิรมย์…
……
วันต่อมายามอิ๋น ท้องฟ้ายังคงมืดเหมือนยามค่ำคืน ได้แต่อาศัยแสงที่ลอดผ่านม่านหน้าต่างผืนบางเข้ามา มองดูในห้องสลัวด้วยแสงจันทร์ อย่างน้อยก็ไม่จำเป็นต้องจุดตะเกียง
หลินซือเย่าตื่นตามความเคยชิน ในใจคิดจะออกไปดูว่าราชาหมาป่าไม่รู้กลับไปเขาต้าซื่อซานตามที่ตนสั่งไว้เมื่อคืนหรือไม่
ดังนั้นหลินซือเย่าจึงสอดผ้าห่มมุมหนึ่งให้กับซูสุ่ยเลี่ยนก่อนจะแอบขโมยจุมพิตหน้าผากนางทีหนึ่ง แล้วลุกขึ้น คว้าชุดหน้าหนาวชั้นนอกตัวบางตัดพอดีตัวเขาที่นางเตรียมไว้ให้เขาเมื่อคืนวานนี้ขึ้นมาสวม เดินออกจากห้องไปเงียบๆ
เห็นแค่มุมหนึ่งระหว่างประตูทิศใต้กับเรือนตะวันตก รังหมาป่าที่ปูด้วยหนังเสือขาวที่ได้มาจากเขาต้าซื่อซานตอนนั้น ตอนนี้มีแต่เสี่ยวเสวี่ยนอนสบายอยู่
หลินซือเย่าเลิกคิ้ว เสี่ยวฉุนไปไหนแต่เช้า คงไม่ใช่ตามราชาหมาป่าขึ้นเขาไปนะ
แต่ว่าแม้เป็นเช่นนี้ ด้วยฝีมือเสี่ยวฉุนตอนนี้ ขึ้นเขาไปตัวเดียวก็คงไม่เสียเปรียบ นับประสาอันใดกับ ข้างกายมันยังมีราชาหมาป่ายิ่งใหญ่ไปเป็นเพื่อน
ดังนั้นหลินซือเย่าจึงไม่ห่วง จากนั้นก็เริ่มคิดถึงงานที่ต้องทำในวันนี้
เปิดประตูห้องโถงออกไป เดินไปยังลานทิศเหนือ อาศัยแสงดาวล้างโอ่งน้ำที่มีน้ำเหลืออีกไม่กี่ส่วนจนสะอาด ยกถังน้ำอีกสองถังจากลานด้านใต้มาเทไปมาหกรอบ โอ่งน้ำก็เต็มได้แปดส่วน
จากนั้นก็ราดน้ำพื้นที่ระหว่างสองลานด้านเหนือใต้ที่ปูลาดด้วยหินชิงจวนและกวาดรอบหนึ่ง ไปเก็บกวาดเล้าไก่ รังกระต่าย คอกแพะรอบหนึ่ง ก่อนจะกวาดขี้ไปกองรวมกัน ใช้กระบุงโกยไว้รวมกันที่กองดินด้านหลังคอกแพะ เอาไว้เป็นปุ๋ยรดผัก
เปลี่ยนน้ำสะอาดให้พวกสัตว์เลี้ยง ให้อาหารพวกมันแล้ว ก็หอบท่อนฟืนกองโตที่ตัดมาจากเขาซิ่วเฟิงไปที่ริมแม่น้ำ ลงมือตัดฟืนเป็นท่อนเล็กๆ อาศัยวันอากาศดีตากให้แห้งไปเก็บในตะกร้าไม้ไผ่หน้าเตาทำอาหาร เอาไว้ทำฟืน
ทำงานจิปาถะพวกนี้เสร็จ ฟ้าก็เริ่มมีแสงรำไร ไกลออกไปก็ได้ยินเสียงวัว เสียงไก่ร้องดังมาเป็นระยะ
ตอนกลับไปห้องครัว เดินผ่านแปลงผักก็เก็บผักกาดขาวที่อวบสวยน่ากินสองสามต้น เลือกหูหลัวโป[1]อีกสักหน่อย เตรียมไว้ทำอาหารกลางวัน ทำเนื้อหมักเค็มผัดผักกาดขาว น้ำแกงแครอทฝอยกับปลาตะเพียน แล้วค่อยเอามันฝรั่งที่ขุดมาเมื่อสองวันก่อนออกมา เตรียมทำมันฝรั่งตุ๋นเนื้อสักหม้อไว้เป็นอาหารของเสี่ยวฉุนเสี่ยวเสวี่ย
จากนั้นหลินซือเย่าก็มาที่ห้องครัว ล้างมือให้สะอาด เตรียมซาวข้าวต้มโจ๊ก
เมื่อวานมีหมั่นโถวข้าวโพดเหลืออีกสามลูก
กวาดตามองไปยังไหเหล้าข้าวที่ส่งกลิ่นหอมลอดออกมาจากตู้ในห้องครัวอย่างไม่ตั้งใจ เป็นเหล้าข้าวที่หมักจากข้าวเหนียวสองสามชั่งที่นางเถียนให้มา ดังนั้นอาศัยจังหวะพอมีเวลาว่างที่ข้าวกำลังต้มอยู่ในหม้อ หลินซือเย่าหาแป้งข้าวเจ้ากับแป้งข้าวเหนียวออกมาเตรียมลองทำหมั่นโถวข้าวที่นางเหลาเคยส่งมาให้พวกเขาชิม แป้งทำจากเหล้าข้าวกับแป้งสองชนิดผสมกันเสร็จก็วางไว้ให้พองตัว รออีกสักพักค่อยมาดู
จากนั้นเขาก็เอาชามออกมาสองใบ เดินมาที่คอกแพะ รีดนมแพะที่ต้องทำทุกเช้า จากตอนแรกที่มือไม้เก้กังทำเอาเสียไปเยอะ มาตอนนี้เคลื่อนไหวมั่นใจ รีดไม่หกสักนิด หลินซือเย่าฝึกจนได้วิธีการรีดนมแพะที่ดีที่สุดแล้ว
รีดนมแพะเสร็จก็เอามาต้มไฟแรงๆ ใส่ผงซิ่งเหริน[2]ลงไปสองสามช้อน และน้ำตาลกรวดอีกก้อน ว่ากันว่าทำให้กลิ่นสาบแพะหายไปได้หลายส่วน กลิ่นสาบที่ยังหลงเหลือนั้น คนปกติทนรับได้ มีแต่คนประหลาดอย่างต้าเป่าที่ยังคงไม่ยอมแตะต้องนมแพะ
ดังนั้นหลินซือเย่าต้มนมแพะเสร็จก็แบ่งเป็นห้าส่วน ตอนนี้เสี่ยวเสวี่ยต้องดูแลเป็นพิเศษ ได้ไปสองส่วน
หลินซือเย่าแบ่งนมแพะใส่ชามไม้ใบใหญ่ให้ลูกหมาป่า และแบ่งใส่ชามเล็กๆ ลายครามอีกสองใบ ปิดฝาไว้ จัดโต๊ะอาหารเสร็จ หมาป่ากับหมาธรรมดานั้นไม่ต่างกัน ไม่อาจโดนของร้อนได้ ดังนั้นเขาต้องรอให้เย็นก่อนจึงจะเอาไปวางไว้หน้าพวกมัน ส่วนใหญ่ก็ต้องรอจนพระอาทิตย์แรกขึ้น เสี่ยวฉุนเสี่ยวเสวี่ยออกจากห้องนอนไปบ้านไม้ในลานด้านนอก
ตั้งแต่เข้าหน้าหนาวมา พระอาทิตย์ก็ขึ้นสาย ดังนั้นการฝึกของต้าเป่าก็จะย้ายไปเป็นยามเฉินหลังอาหาร
ดังนั้นหลินซือเย่าจึงมีเวลาว่างจัดการการงานต่างๆ จิปาถะก่อนจะเข้าไปในห้องนอน ใช้ ‘วิธีปลุกพิเศษของบ้านหลิน’ ก็คือจุมพิต ปลุกซูสุ่ยเลี่ยนให้ตื่นมาหน้าแดงก่ำ พานางไปบ้วนปากล้างหน้ากินอาหารเช้า หลังอาหารเช้าแล้วก็จะล้างชามให้เสร็จ ทำความสะอาดห้องครัว แล้วค่อยพาเถียนต้าเป่าที่มาคารวะอาจารย์หญิงตอนเช้าไปฝึกกระบี่ที่เชิงเขาซิ่วเฟิง เขาเองก็ไปตัดหญ้ามาเลี้ยงแพะด้วย
นี่ก็คือชีวิตปกติในเช้าทุกวันของหลินซือเย่า ในเรื่องนี้นั้นเขาเองก็ทำจนชินและก็ทำด้วยความเต็มใจ
หากชีวิตนี้จะดำเนินไปเช่นนี้ ในใจเขาก็ลอบยิ้มพึงใจแล้ว
…….
ตอนหลินซือเย่าจัดการงานทุกอย่างเสร็จกำลังจะไปปลุกซูสุ่ยเลี่ยน เสี่ยวฉุนก็กลับมา แน่นอนว่ามันกลับมาทางเดิมที่ออกไป ไม่ใช่ประตู แต่ปีนกำแพง
ในปากยังคาบลูกแพะภูเขาเลือดอาบมาด้วยตัวหนี่ง
หลินซือเย่าเห็นขนของมันยังคงสะอาดไม่เปรอะเปื้อนเลือดแม้แต่น้อย หลินซือเย่าก็เลิกคิ้ว ดูท่าลูกแพะนี้น่าจะเป็นราชาหมาป่านำมามอบให้คู่ของมัน ให้เสี่ยวเสวี่ยที่อุ้มท้องลูกของมันไว้บำรุงร่างกาย
กล่าวกับเสี่ยวฉุนที่ทิ้งลูกแพะลงแล้วก็กระดิกหางวิ่งวนรอบตัวเขาสองรอบว่า “ครั้งหน้าอย่าตามไปอีก มันก็อย่ามาอีก” นิ่งไปพักก่อนจะอธิบายเสริมว่า “เจ้าควรรู้ นี่คือหมู่บ้าน ราชาหมาป่าเข้าๆ ออกๆ ย่อมยุ่งยาก”
เสี่ยวฉุนมองเขาเหมือนจะเข้าใจ ส่งเสียงงึดๆ ตามมา
เสี่ยวฉุนว่า เมื่อวานราชาหมาป่ามาเยี่ยมเสี่ยวเสวี่ย วันหน้าจะไม่มาแล้ว นอกจากท่านไปเชิญมันมา และมันยังรับปากว่าตั้งแต่วันนี้ไป ทุกห้าวันจะส่งอาหารมาให้ ขอแค่ไปรอมันที่ปากทางเข้าเขาต้าซื่อซานก็พอ จนกระทั่งเสี่ยวเสวี่ยที่คลอดลูกแล้วจะออกล่าได้เอง…
นี่คือความรักของพวกหมาป่า ใช้อาหารมาแสดงถึงความรักในคู่ของมัน ในเดือนสิบสองหนาวจัด บนภูเขาหิมะเช่นนั้น หากจะล่าสัตว์ให้ได้ทุกห้าวัน ถือว่าเป็นเรื่องยากลำบากยิ่ง
……
หลินซือเย่าเอาลูกแพะตายน่าอนาถนี้ไปที่ริมแม่น้ำ เตรียมไว้ว่ากลับจากเขาซิ่วเฟิงแล้วค่อยมาจัดการ
แน่นอนว่าตอนนี้อากาศหนาว กลางคืนเป็นน้ำแข็ง เนื้อสัตว์ทิ้งไว้สามวันห้าวันก็ยังคงไม่เป็นไร
ดังนั้นหลินซือเย่าจึงตัดสินใจว่าจะตากเนื้อแพะที่ล้างเสร็จไว้บนนั่งร้านที่แถวหลังห้องครัว ทุกวันตอนทำกับข้าวต้องการใช้ก็มาหั่นไปชิ้นหนึ่ง
เพราะว่าเสี่ยวฉุนกับเสี่ยวเสวี่ยชินกับการกินอาหารสุก แน่นอนเผ็ดร้อนมันไม่เอาแน่ อื่นๆ พวกมันกินอย่างเอร็ดอร่อย ที่ชอบมากที่สุดก็คือพวกเนื้อย่างอะไรพวกนั้น
ดังนั้นห้าวันติดกันนี้ หลินซือเย่านำเนื้อแพะมาแบ่งเป็นห้าชิ้นใหญ่ ทุกวันเรียงลำดับหั่นทำอาหารให้เสี่ยวฉุนเสี่ยวเสวี่ย ทาซีอิ๊วแล้วย่าง ราดซีอิ๊วแล้วตุ๋นน้ำแดงใส่ไชเท้า ใส่กับผักต่างๆ เช่นพวกมันฝรั่งตุ๋นชามใหญ่ ลวกน้ำแล้วโรยเกลือให้แทะเล่น แต่ละวันมีหลากหลายแบบ ห้าวันแพะป่าห้าแบบห้ารสชาติ กินจนเสี่ยวฉุนเสี่ยวเสวี่ยปากมันแผล็บเรอดัง หมดกัน นอนผึ่งตากแดดยามบ่ายในหน้าหนาว สองตาหรี่มองนับก้อนเมฆบนท้องฟ้า…
มองจนซูสุ่ยเลี่ยนขำ แต่งานปักของนางใกล้จะเก็บงานในวันสองวันนี้แล้ว คิดว่าส่งมอบงานแล้วก็จะเลียนแบบเสี่ยวฉุนเสี่ยวเสวี่ยสักหน่อย ดึงหลินซือเย่าไปกินอิ่มดื่มให้พอ ไปนอนตากแดดอุ่นๆ สัปหงก…
—————————
[1] แครอท
[2] อัลมอนด์