เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 89 ใบบัว
เดือนเจ็ดมาถึงปลายเดือนแล้ว แม่น้ำสายเล็กหลังบ้านที่โยนเมล็ดพันธุ์ดอกบัวถึงกับออกดอกตูม
เมล็ดพันธุ์ดอกบัวพวกนั้นไม่รู้หลินซือเย่าไปหามาจากไหน มาโยนไว้ในแม่น้ำด้านหลัง ตอนเริ่มฤดูใบไม้ผลิยังไม่เห็นมันออกใบ จึงไม่ได้คาดหวังอะไรมาก ไม่ได้ไปสนใจมัน
ไม่คิดเลยว่า พอถึงหน้าร้อนจัด ใบบัวก็แผ่บดบังทั่วผืนน้ำ ท่ามกลางใบบัวเหล่านั้นยังมีดอกตูมรอเบ่งบานอีก
ใต้ใบบัวมีฝูงปลากุ้งเล่นน้ำกันดูเพลินยิ่ง
ซูสุ่ยเลี่ยนถือโอกาสออกไปรับลมเย็นตอนเช้า ไปยืนริมฝั่งสูดอากาศบริสุทธิ์ ชื่นชมอยู่เป็นนานก่อนจะกลับเข้าห้องหนังสือ หยิบพู่กันออกมาวาดภาพดอกบัวกับปลาไนแดงหลายภาพต่างทิวทัศน์
พอวางพู่กันก็ม้วนเก็บไปไว้ในโอ่งกระเบื้องเคลือบทรงกลมข้างโต๊ะ กะว่าไว้วันหน้าค่อยเอามาทำเป็นแบบปักผ้า
“หากชอบ บ้านใหม่ก็ขุดสระน้ำไว้ปลูกดอกบัวด้วย” ไม่รู้หลินซือเย่ามาอยู่ข้างหลังนางตอนไหน เอื้อมมือออกมาโอบเอวนางที่ไม่มีเอวนานแล้ว ยังลูบไล้ท้องกลมใหญ่ของนางยิ้มพลางเสนอขึ้น
“ได้หรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนกะพริบขนตาดำเป็นแพใบพัด แววตาส่องประกายดีใจ
“หากเจ้าชอบ มีอะไรไม่ได้” หลินซือเย่าบีบจมูกนางอย่างเอ็นดู “นับประสาอันใดกับที่ตั้งสองหมู่ หมู่หนึ่งปลูกบ้าน ยังเหลืออีกหมู่ให้เจ้าทำอะไรก็ได้”
“อืม…อย่างนั้นขุดสระนะ” ซูสุ่ยเลี่ยนเอนกายพิงเขาไว้ ปล่อยให้เขารั้งนางไปนั่งลงบนเก้าอี้
คิดถึงลานบ้านเมื่อก่อนของตระกูลซู ห้องปักผ้าที่นางครองแต่ผู้เดียวก็มีสระบัวเล็กๆ สวยงาม มีดอกบัวสีขาวและชมพูสองสี ยังเลี้ยงปลาไนสีแดงดำไว้ด้วย
พอเข้าหน้าร้อนก็มีชีวิตชีวากันขึ้นมา ไปจนฤดูใบไม้ร่วงจึงแห้งโรยรา พอเก็บบัวมาหมดก็จะเห็นเป็นใบบัวเขียวเดียวดายเต็มสระ พอฝนฤดูใบไม้ร่วงมาก็เป็นภาพทิวทัศน์งามอีกแบบหนึ่ง
“ซือถูบอกว่าบ้านใหม่จะขุดห้องใต้ดินด้วย?” หลินซือเย่าเห็นพระอาทิตย์ขึ้นไม่สูงมาก ก็พาไปนั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะแทน อุ้มนางนั่งตักกดคางลงที่หัวไหล่นาง คุยเรื่องแผนการสร้างบ้านใหม่ในวันหน้ากับนาง
บ้านพื้นที่สี่หมู่ของพวกซื่อทั่วสามคนตอนนี้ก็ใกล้เสร็จงานแล้ว
นอกจากปลูกพวกไม้ไผ่ ต้นไม้ ดอกไม้ในลานบ้านเอาไว้ทำให้บ้านดูดีขึ้นแล้ว นอกนั้นกวาดตามองแล้ว เตรียมของใช้ประจำวันก็อยู่ได้แล้ว
ดังนั้นถือโอกาสฤดูใบไม้ร่วงอากาศเย็นสบายที่กำลังจะมาถึง หลินซือเย่าก็จะเริ่มปลูกบ้านใหม่บนพื้นที่สองหมู่ของตน ไม่แน่ก่อนนางคลอดอาจสร้างเสร็จก็ได้ เช่นนั้นก็จะได้ย้ายบ้านใหม่ไปคลอดและอยู่ไฟเสียเลย ส่วนเขาก็ย่อมทุ่มเทเวลาดูแลนางและลูกเต็มที่
หรือแม้ว่างานเสร็จไม่ทัน อย่างน้อยปลายปีก็เสร็จเจ็ดแปดส่วน ที่เหลือรอไว้ต้นฤดูใบไม้ผลิ เก็บงานอีกหน่อยก็ย้ายบ้านใหม่ได้
“เจ้าว่าอย่างไร ขุดห้องใต้ดินเป็นงานใหญ่ไปไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนมองหน้าเขา แม้ห้องใต้ดินจะมีประโยชน์มาก ไว้เก็บอาหารแห้งได้ไม่ว่า สำคัญที่สุดคือ พอหน้าร้อนมาถึง ผลไม้งอกงาม ก็จะได้บ่มเหล้าผลไม้ ไม่ต้องมาขุดดินฝัง ต้นไม้ขุดบ่อยๆ ก็อาจเป็นดังที่อวิ๋นเอ๋อร์ว่า ทำลายรากของพวกมัน
“ไม่ ข้าให้ช่างปูนออกแบบแล้ว แม้ไม่เคยสร้างห้องใต้ดิน แต่…” หลินซือเย่าก้มหน้าจุมพิตนางทีหนึ่ง พวกเขาไม่เร่งร้อนย้ายบ้าน ดังนั้นช้าไปอีกสักเดือนเพื่อสร้างห้องใต้ดินก็ได้ ขอเพียงนางพอใจ เขาอย่างไรก็ได้ “เจ้าลองดูหน่อยว่าได้ไหม” ซูสุ่ยเลี่ยนได้ยินก็เอาภาพห้องใต้ดินที่วาดเอาไว้หลายวันก่อนตอนที่เกิดความคิดอยากออกมา นางยังพอจำภาพตอนยังเป็นเด็กไปเล่นห้องใต้ดินกับพี่ชายที่เป็นลูกพี่ลูกน้องได้คร่าวๆ
“นี่คือ?” หลินซือเย่าคลี่ภาพออก มองอย่างละเอียดก่อนจะยิ้มมองนาง “เช่นนี้ พวกเขาใช่ว่าเปลืองสมองเปล่าหรือ”
“แค่นี้ก็ได้แล้วหรือ” ซูสุ่ยเลี่ยนเหลือบมองเขาอย่างไม่มั่นใจ “ข้าเองก็ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญ ได้แต่ลองวาดดูเล่นๆ เท่านั้น”
“วางได้ละเอียดพอแล้ว” หลินซือเย่าขโมยจุมพิตริมฝีปากหนาอีกทีหนึ่ง พยายามระงับอารมณ์ความต้องการที่ผุดขึ้นมาตรงท้องน้อยลงไป น้ำเสียงแหบพร่ากล่าวว่า “เจ้าช่างเป็นดังขุมสมบัติเสียจริง ทำให้ข้าแปลกใจได้อยู่เรื่อย”
“ที่ไหนกัน…” ซูสุ่ยเลี่ยนสองแก้มแดงเขินอาย นางไหนเลยจะดีอย่างที่เขาว่าขนาดนั้น
หรือควรบอกว่านางโชคดีที่เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนเคยได้อ่านได้ศึกษามา แม้ไม่นับว่ามาก แต่หนังสือที่ได้อ่านกับเรื่องราวที่ได้ยินมาก็ไม่น้อย เอามาผสมผสานกันเป็นประสบการณ์ความรู้ในวัยยี่สิบปีของนาง
เพียงแต่พอหลินซือเย่าชม นางถึงกับร้อนตัว เหมือนว่าทุกอย่างนางแค่แอบลักมาจากความทรงจำ ไม่ยุติธรรมไม่ใช่หรือ
“เจ้าใช่ แต่ว่าให้ข้าชมคนเดียวก็พอ” หลินซือเย่าอดความวูบไหวในใจไม่ไหวอีกต่อไป จุมพิตริมฝีปากแดงของนางอย่างหวานล้ำลึกซึ้ง นางเป็นของเขา ความงามของนาง ความดีของนาง เขาย่อมครอบครองแต่เพียงผู้เดียว
“อาเย่า…” นางนั่งอยู่บนตักเขา เงยหน้าขึ้นรองรับคลื่นร้อนผ่าวที่เขาสร้างขึ้นมา
โอ้ สวรรค์ นับวันยิ่งใจกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ นี่มันห้องหนังสือและยังเป็นช่วงเวลากลางวันแสกๆ
“ไม่มีใครเข้ามา” ซือถูอวิ่นเข้าเมืองไปทำงาน เถียนต้าเป่ารับคำสั่งเข้าไปตรวจรับงานสร้างบ้าน หากขาดเหลืออะไรก็ให้เขาไปซื้อหาในเมือง เช่นนี้ทำให้ประหยัดเวลาและค่าแรงไปได้มาก
ดังนั้นนอกจากเขาสองคนแล้ว แม้ว่ามีใครมาปีนกำแพง หลินซือเย่าก็ไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าจะบุกประตูใหญ่เข้ามาได้
“แต่ว่า…” ซูสุ่ยเลี่ยนอายจนต้องซุกหน้าลงในอ้อมอกเขา นางอายจริงๆ
“เหอะๆ…” มุมปากงามของเขาเผยรอยยิ้มบางก่อนจะอุ้มนางขึ้นเดินกลับเข้านอนไป แม้ว่านางระยะนี้จะร้อนแรงมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะกล้าร้อนแรงดังนกหงส์คู่ผงาดกันในห้องหนังสือได้ จะว่าไป นางนอนหงายบนเตียงจะสบายกว่า แม้จะตอบรับเขาก็ต้องสนใจความหนักของท้องนางด้วย
ซูสุ่ยเลี่ยนโดนเขาอุ้มเข้าห้องนอนไป เนื้อตัวแดงไปหมด นางอายมาก เพิ่งเปลี่ยนชุดใหม่ตอนเช้าไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ตอนนี้ก็ต้องมาถูกเขาถอดออกแล้ว…
“อาเย่า…” นางอดไม่ไหว ครางเรียกชื่อเขาออกมา
“เด็กดี ผ่อนกายสบายๆ ก็พอ” เขาลูบไล้ผิวนุ่มลื่นละมุนของนาง หลังนางตั้งครรภ์ ไม่เพียงแต่ไม่มีฝ้ากระเหมือนสตรีมีครรภ์ทั่วไป แต่ผิวยังกลับยิ่งขาวผ่องเป็นยองใย ทำให้เขาชอบสัมผัสจนยากตัดใจ
แม้แต่เขาเองก็แปลกใจตนเอง นักฆ่าเลือดเย็นคนหนึ่งยามตกในห้วงแห่งรัก ถึงกับไม่อาจระงับความร้อนแรงของตนได้เช่นนี้
เหมือนว่านางแทบจะปลุกความรู้สึกที่ใส่กุญแจของเขาไว้ยี่สิบกว่าปีมานี้ให้ตื่นขึ้น ทันทีที่แผดเผาลุกโชน ก็ไม่อาจดับมอด
“สุ่ยเลี่ยน…” เขาถอนหายใจยาวก่อนจะใช้ริมฝีปากเรียกร้องการตอบสนองร้อนแรงจากนาง…
แสงแดดหน้าร้อนนอกห้องร้อนแรง แต่สองคนในห้องร้อนแรงยิ่งกว่า
เหงื่อเขาไหลรินลงจากใบหน้าหล่อเหลารดลงบนหน้าอกขาวผ่องของนาง ลึกลงไปในแววตายังมีกระแสร้อนแรงยากคาดเดา
เขาคุกเข่าตรงหน้านาง สองมือประคองความนูนอวบอิ่มของนาง ก่อนจะแทรกลึกเข้าภายในกายนางอย่างรู้สึกปลดปล่อย…
ตั้งแต่ครั้งก่อนก็ทนอดกลั้นมาอีกหลายวัน พอระเบิดออกมาก็ร้อนแรงยากระงับ นับประสาอันใดกับการได้บ้าคลั่งเพื่อนาง เขายอม…
……
“อาจารย์ ท่านพ่อบอกว่า งานเสร็จแล้ว ท่านจะไปตรวจสอบสักรอบไหม” ตอนบ่ายวันหนึ่ง ในต้นเดือนแปด หลินซือเย่าเป็นเพื่อนพักผ่อนยามบ่ายอยู่กับซูสุ่ยเลี่ยน ก็เห็นเถียนต้าเป่าเข้ามาในลานบ้าน ดีอกดีใจมาแจ้งข่าวดี
“อ๋า? เร็วอย่างนี้?” หลินซือเย่าเลิกคิ้ว เขายังคิดว่าอย่างน้อยต้องลากไปอีกสิบกว่าวันถึงครึ่งเดือนกว่าจะเก็บงานเสร็จได้
“นั่นเพราะบิดาข้าบอกว่าถือโอกาสยามอากาศดี เริ่มลงมือสร้างอีกหลังบนเนื้อที่สองหมู่นั่นเลย” จะได้เอาค่าแรงไปไว้ฉลองปีใหม่กัน
หากงานก่อสร้างราบรื่นดี ครึ่งปีจากนี้พวกเขาก็จะหาเงินได้เทียบเท่ากับเงินที่เคยหาสะสมสองปี
แน่นอนว่าเหตุหลังนี้ เถียนต้าเป่าย่อมไม่พูดออกมาอย่างโง่งม นี่เป็นเรื่องที่เขาแอบฟังพวกคนงานคุยกันยามว่างมา
“อย่างนั้นก็ทำตามที่ท่านพ่อเจ้าว่าเถอะ” เขาเองก็คิดเช่นนี้อยู่พอดีไม่ใช่หรือ หลินซือเย่าพยักหน้าเล็กน้อย “แบบบ้านอีกสักครู่ข้าจะเอาไปให้เอง”
“ได้เล้ยยย” เถียนต้าเป่ายิ้มตาหยีพยักหน้ารับคำ ขณะกำลังจะกลับไปรายงานเถียนต้าฟู่ ก็พลันได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง หันกลับไปมอง “อาจารย์ หลายวันนี้ทำไมไม่เห็นซือถู”
ซือถูอวิ๋นมาอยู่ที่นี่ได้ระยะหนึ่งแล้ว แน่นอนว่าย่อมกลายเป็นสหายที่สนิทพอสมควรกับเถียนต้าเป่าที่ในใจไม่คิดมากอะไร
บอกว่าเป็นสหาย แต่กลับเหมือนกันคู่หูมากกว่า คู่หูที่ได้รับคำสั่งจากหลินซือเย่าให้อารักขาข้างกายซูสุ่ยเลี่ยน
“เขามีธุระต้องเข้าเมือง” หลินซือเย่าประคองซูสุ่ยเลี่ยนลงนอนก่อนจะนำผ้าห่มผืนบางมาคลุมให้นาง “เด็กดี พักผ่อนดีๆ ข้าไปบ้านเถียนสักครู่ จะรีบกลับมา”
“ได้” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้าทำตามคำสั่ง “มีเวลาเจ้าก็พักบ้าง อย่าเหนื่อยเกินไป”
หน้าร้อนงานในที่นามีงานไม่น้อย เห็นเขาออกไปแต่เช้ากลับมาก็ค่ำ ไม่ได้พักผ่อนแม้แต่น้อย ในใจนางก็รู้สึกสงสารเขา
“รู้แล้ว นอนเถอะ” หลินซือเย่ายิ้มมุมปาก ลอบจุมพิตนางทีหนึ่ง ก่อนจะส่งสายตาบอกให้นางพักผ่อนยามบ่ายดีๆ ก่อนจะลากเถียนต้าเป่าที่ยกน้ำชากำลังจะดื่ม “ไปกันได้แล้ว ไปหารือกับพ่อเจ้าเรื่องสร้างบ้านใหม่”
“อ้อ อาจารย์ บ้านใหม่เสร็จแล้วที่นี่ทำอะไร” บ้านที่ตกแต่งสวยกว่าบ้านเขาอีก ไม่มีคนอยู่ก็น่าเสียดาย
“รื้อปรับปรุงใหม่” หลินซือเย่าเดินอยู่ข้างหน้าเถียนต้าเป่า เร่งฝีเท้าเต็มที่เดินไปยังบ้านเถียน
“อา? รื้อ…ปรับปรุงใหม่ ยังต้องปรับปรุงอีก?” เถียนต้าเป่าอึ้งยืนหยุดอยู่กับที่ ก่อนจะยิ้มร่า “อย่างนั้นท่านพ่อข้ากับพวกท่านอาฟางก็คงดีใจหัวเราะฟันโยกกันแน่”
งานใหญ่ติดกันทีเดียวสามหลัง ปีหน้าไม่ต้องรับงานก็ไม่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ช่างปูนช่างไม้ในอีกสองหมู่บ้านไม่มีงานทำ มองแล้วก็ย่อมรู้สึกอิจฉายิ่ง
เพียงแต่อาจารย์กับอาจารย์หญิงสองคน แม้ว่าจะมีน้องชายน้องสาวในท้องอาจารย์หญิงคลอดออกมา ก็แค่สี่คน จะอยู่บ้านใหญ่สองหลังอย่างนี้ไหวได้อย่างไร อืม ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าอาจารย์คิดอะไร เราก็ทำงานรับเงินไปดีๆ ก็แล้วกัน…
“โอย อาจารย์ รอข้าด้วย….” เถียนต้าเป่าได้สติ ก็เห็นหลินซือเย่าไปไกลจนเห็นเพียงแค่จุดดำไกลๆ แล้ว รีบเร่งฝีเท้าโดดตามไปทันที