เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 92 จัดการที่พักเรียบร้อย
เจตนาของหลินซือเย่าง่ายมาก ขอเพียงมีผลดีต่อซูสุ่ยเลี่ยน เขาก็เห็นด้วยหมด
เหลียงหมัวมัวกล่าวได้ถูกต้อง หลังคลอดอยู่ไฟ อย่างไรก็ต้องการคน เดิมคิดว่าจะขอให้ป้าเหลามาช่วย ตอนนี้ในเมื่อมีสาวใช้และหมัวมัวที่ได้รับการฝึกฝนอย่างดีมาคอยรับใช้สุ่ยเลี่ยน เขาก็ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
จะว่าไป บ้านที่สร้างให้พวกซือทั่วทั้งสามคน มีคนอยู่ก็ดีกว่าไม่มีคนเก็บกวาด อย่างไรพื้นที่สี่หมู่ ปลูกต้นไม้ไว้ไม่น้อย ต้องการคนมาดูแลทำความสะอาดอยู่แล้ว เครื่องเรือนในห้องตั้งวางไว้ก็ต้องการคนเช็ดถู ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าพวกซือทั่วทั้งสามคนจะมาอยู่กันตอนไหน ไม่แน่ว่าฝุ่นอาจจับเขรอะไปทั้งห้อง ใบไม้เต็มทั่วลานแล้ว
แม้วันหน้าพวกซือทั่วเข้ามาอยู่ ก็ต้องการสาวใช้ลงครัว คนงานดูแลสวน ไม่เช่นนั้นด้วยนิสัยพวกเขาทั้งสามคน อาหารสามมื้อก็คงมาวุ่นวายที่บ้านเขาแน่
หลินซือเย่าย่อมยอมรับว่าการรับคนของเหลียงหมัวมัวไว้สองสามคนก็เพื่อวันหน้าพวกซือทั่วจะไม่หาเหตุมาบ่นว่าเขากับสุ่ยเลี่ยนแอบอยู่กันอบอุ่นสองต่อสอง อ้อ ไม่สิ ปีหน้าก็เป็นสี่คนแล้ว
……
ต้นยามเซิน นางเหลากับนางเถียนก็คล้องแขนกันเข้าประตูมา พอเห็นในห้องโถงมีสตรีสูงวัยแต่งกายภูมิฐาน ท่าทางมีวินัยยืนอยู่ข้างกายซูสุ่ยเลี่ยน กำลังรายงานนางเรื่องเกี่ยวกับการจัดการพื้นที่บ้านใหญ่เนื้อที่สี่หมู่ที่ทุกคนเพิ่งเข้าไปอยู่กัน
ดังนั้นพวกนางสองคนได้แต่เลือกที่นั่งไกลออกไปอย่างระมัดระวังให้เบาที่สุดลงนั่ง สายตาบอกให้ซูสุ่ยเลี่ยนรู้ว่ายังไม่ต้องสนใจพวกนาง
“ฮูหยินทั้งสอง เชิญดื่มน้ำชา!” สาวใช้ที่ยืนรับใช้อยู่ข้างๆ เงียบๆ เห็นดังนี้ ก็นำยอดน้ำชาชั้นดีที่นำมาจากจวนอ๋องจิ้งมาต้อนรับนางเหลากับนางเถียน
“อา…อ้อ…ขอบคุณ! ขอบคุณ!”
นางเหลากับนางเถียนสองคนเคยได้รับการปฏิบัติอย่างนี้ที่ไหนกัน ไม่เพียงแต่ไม่เคยได้รับการปฏิบัติเช่นนี้ แม้แต่สภาพการณ์ที่เต็มไปด้วยความนอบน้อมเช่นนี้ก็ไม่เคยเห็นมาก่อน สองคนรีบลนลานรับถ้วยน้ำชา วางลงบนโต๊ะข้างๆ อย่างระมัดระวัง ก่อนจะพยายามนั่งสงบเสงี่ยมเรียบร้อยแทบกลั้นหายใจ
ทั้งสองสบตากันและกัน แลกเปลี่ยนการคาดเดาในใจ ตามคาด นางหนูสุ่ยเลี่ยนเป็นคุณหนูจากตระกูลใหญ่จริงด้วย
ก่อนหน้านี้ได้ยินข่าวแพร่สะพัดไปทั่วหมู่บ้าน พวกนางสองคนยังไม่อยากจะเชื่อจึงมาดูด้วยตนเอง เจอเลย เห็นสภาพการณ์เช่นนี้แล้วก็คงเป็นจริง! เพียงแต่ไม่รู้ว่าทำไมเป็นคุณหนูดีๆ ไม่ชอบ ยอมมาเป็นหญิงชาวนาช่างปักผ้าในหมู่บ้านเล็กๆ ห่างไกลเช่นนี้ เหตุใดกันแน่ คงจะไม่ใช่ว่าหนีตามอาเย่ามาจริงๆ กระมัง แต่ว่าดูหลินซือเย่านั่น ก็ไม่เหมือนว่าเป็นชาวบ้านธรรมดา วรยุทธ์สูงส่งไม่ว่า ยังมีความสง่างามอีก จุ๊ จุ๊ หากเขายังไม่แต่งงาน คงเป็นที่หลงใหลของบรรดานังหนูแต่ละบ้านแน่ๆ! ดังนั้น เรื่องนี้พวกนางจึงคิดอย่างไรก็คิดไม่ตกจริงๆ
“คุณหนู ท่านเขยบอกว่า ที่นี่มีเขาอยู่ไม่จำเป็นต้องส่งองครักษ์มาเฝ้า เช่นนั้นบ่าวก็จะให้พวกองครักษ์เซียวแบ่งกันไปอยู่ที่สวนไผ่สามจุด ทิ้งไว้เฝ้าประจำสาวใช้กับคนงานชายจุดละคน ให้บ่าวกับชุนหลันคอยรับใช้คุณหนูที่นี่”
เหลียงหมัวมัวรายงานนางถึงการจัดการกำลังคนเข้าพักในบ้านพักขนาดใหญ่พื้นที่สี่หมู่
เดิมคิดไว้ว่าจะจัดองครักษ์สองนายมาเฝ้าที่ประตูคอยอารักขาความปลอดภัยให้กับคุณหนู ไม่คาดว่า ท่านเขยบอกว่าที่นี่ไม่ต้องการองครักษ์ ตอนแรกนางก็ยังคิดไม่เข้าใจ ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าเลือกองครักษ์ฝีมือร้ายกาจแปดนายในจวนอ๋องจิ้งมาให้ แม้แต่หัวหน้าองครักษ์ก็มาด้วย ก็เพราะคิดว่าที่นี่เป็นพื้นที่ห่างไกลเมืองหลวงไร้ขื่อไร้แป กลัวคุณหนูเสียเปรียบ แต่ก่อนหน้านี้ ท่านเขยอยู่ในสวนไผ่กระบวนท่าเดียวก็สยบกระบี่ในมือองครักษ์เซียวได้ พริบตาก็โดดหายวับไป ไม่เพียงนางกับบ่าวคนงานชายที่ไม่รู้วรยุทธ์ แม้แต่องครักษ์แปดคน โดยเฉพาะหัวหน้าองครักษ์เซียวเองก็ยังชื่นชมเลื่อมใสท่านเขย ช่างเป็นยอดฝีมือในยุทธภพในตำนานว่ากันจริงๆ! ทำให้พวกองครักษ์ที่รู้แต่ถือดาบสังหารไม่อิจฉาได้หรือ หากได้รับการชี้แนะจากท่านเขยสักสองสามกระบวนท่า วิทยายุทธ์พวกเขาต้องก้าวหน้าขึ้นไม่น้อยแน่ หากกลับไปร่วมงานแข่งขันองครักษ์ทองคำในเมืองหลวงที่สามปีจัดครั้งหนี่ง ยังไม่ได้ดังปอกกล้วยเข้าปากหรือ!
“…คุณหนู ระยะนี้พวกบ่าวพักในสวนไผ่ชั่วคราว กลางคืนเกรงว่าไม่อาจมารับใช้คุณหนู บ่าว…”
เหลียงหมัวมัวเหมือนรู้สึกผิด พวกนางรับคำสั่งมารับใช้คุณหนูสี่ กลับถูกปฏิเสธส่งไปอยู่บ้านที่สร้างใหม่อีกพื้นที่ ไหนเลยจะได้มีโอกาสมารับใช้คุณหนู เหมือนมาเสวยสุขกันมากกว่า
นอกจากนางกับชุนหลัน สาวใช้และคนงานชายที่เหลือทำแค่งานปัดกวาดในสวนไผ่ ดูแลในและนอกบ้านให้สะอาด ธรรมเนียมทุกวันที่ต้องมาคารวะคุณหนูกับท่านเขยที่นี่ ก็ถูกท่านเขยยกเลิก บอกว่าไม่จำเป็น
สำหรับการรับใช้กลางคืน เพราะที่นี่มีห้องข้างเหลือ ก็คิดจะให้นางกับชุนหลันสองคนผลัดกันมาเฝ้าที่โถง ก็ถูกท่านเขยโต้ว่าไม่จำเป็น…เหลียงหมัวมัวคิดถึงเจตนาของท่านเขย ใบหน้านางก็แดงขึ้นมาอยู่สักหน่อย
“เหลียงหมัวมัว อาเย่าบอกข้าแล้ว การจัดการเช่นนี้ก็ดีแล้ว หมัวมัวไม่ต้องกังวล สำหรับพวกสาวใช้ควรทำอะไร ไม่ควรทำอะไร หมัวมัวก็บอกพวกนางให้กระจ่างก็พอ” ซูสุ่ยเลี่ยนรับคำเหลียงหมัวมัวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน บอกให้นางไม่ต้องกังวล
หลังพักยามบ่าย อาเย่าก็บอกเล่าถึงการจัดการพวกนี้ให้นางฟังแล้ว นางเองก็เห็นด้วย อย่างไรตอนนี้ในบ้านไม่อาจรับสาวใช้และคนงานชายมากมายเช่นนี้ สำหรับกลางคืน…พอคิดภาพนางพัวพันกับอาเย่าเช่นนั้นแล้ว ใบหูนางก็แดงลามไปถึงลำคอร้อนผ่าว
นางรีบสะกดกลั้นอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิง ซูสุ่ยเลี่ยนนิ่งเงียบไปก่อนจะกล่าวต่อว่า “เพียงแต่เรือนสวนไผ่นั่นสร้างเพื่อศิษย์พี่ศิษย์น้องอาเย่าสามคน สำหรับว่าพวกเขาจะเข้ามาอยู่ตอนไหนก็ยังไม่ได้กำหนดวันอย่างเป็นทางการ ก็หวังเพียงว่าตอนพวกเขามา พวกสาวใช้และคนงานจะรู้ความ อย่าได้เสียมารยาท” นางไม่อยากให้ชีวิตที่สุขสบายทำลายระเบียบวินัยสาวใช้และคนงานชายที่ฝึกมา ทำให้พวกซือทั่วทั้งสามคนโมโห พวกเขาเป็นนักฆ่าตัวจริงนะ
“คุณหนูวางใจ วาจานี้ก่อนเข้าไปพักในเรือนสวนไผ่ บ่าวได้กำชับพวกเขาไปแล้ว จะไม่ลืมหน้าที่มารยาทที่ตนเองควรมีแน่นอน” เหลียงหมัวมัวรับคำสีหน้าจริงจัง
สาวใช้และคนงานจากจวนอ๋องจิ้ง แม้ไม่ได้เป็นบ่าวเก่งกาจเหมือนจวนสูงศักดิ์อื่น แต่ว่าก็รู้หน้าที่ไม่เป็นรองผู้ใดแน่นอน
นับประสาอันใดกับการมารับใช้คุณหนูที่นี่ ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าก็ไตร่ตรองเรื่องนี้ไว้แล้ว กลัวว่าสาวใช้กับคนงานชายพอห่างจากจวนอ๋องก็ใจไม่ดีคิดดูแคลนผู้อื่น จึงสั่งนางมาว่าให้ร่วมกับเซี่ยหมัวมัวบ่าวรับใช้ประจำข้างกายพระชายาเฒ่าคัดเลือกให้ละเอียด ไม่เพียงแต่หน้าตาดูดี มือไม้ต้องว่องไว กลุ่มคนที่ได้รับการคัดเลือกเป็นหลักก็คือพวกบ่าวที่เคยติดตามเซี่ยหมัวมัวรับใช้พระชายาเฒ่า นิสัยรู้หน้าที่ ย่อมไว้ใจได้อย่างที่สุด
“เช่นนั้นก็ดี” ซูสุ่ยเลี่ยนพยักหน้า “หมัวมัว ข้าคุยกับป้าทั้งสองหน่อย มาตั้งรกรากที่นี่ ป้าทั้งสองให้ความช่วยเหลือพวกเราไม่น้อย”
“อย่างนั้นบ่าวขอตัวออกไปยืนด้านนอก” เหลียงหมัวมัวคำนับซูสุ่ยเลี่ยน หันไปยิ้มพยักหน้าให้กับนางเหลาและนางเถียน “ขอบคุณฮูหยินทั้งสองที่ดูแลคุณหนูเรา ของขวัญขอบคุณเตรียมไว้แล้ว ไว้ตอนฮูหยินกลับ ชุนหลันจะนำไปส่งให้ท่านทั้งสอง”
“คือ…ได้อย่างไรกันเนี่ย! ไม่ได้! ไม่ได้!” นางเหลากับนางเถียนรีบโบกมือปฏิเสธ ระหว่างเพื่อนบ้านไม่คิดว่ายังมีของขวัญขอบคุณด้วย
“ฮูหยินไม่ต้องเกรงใจ นี่คือคำสั่งของพระชายาเฒ่าก่อนเดินทางมา บอกว่าทุกคนที่ดีกับคุณหนู ต้องตอบแทนให้ดี ทำร้ายคุณหนู ย่อมไม่ปล่อยไว้” เหลียงหมัวมัวยิ้มรายงานคำสั่งพระชายาเฒ่า ลอบบอกนางทั้งสองคน หวังว่าจะให้ชาวบ้านละแวกนี้รู้ความ อย่าได้มารังแกคุณหนูจวนนาง เชอะ คุณหนูสี่จวนอ๋องจิ้งไหนเลยจะให้พวกเขารังแกกันง่ายๆ ได้
“หมัวมัว ไหนเลยจะถึงขั้นที่ท่านว่ามา พวกนางดีกับข้าจริง ไม่มีคนรังแกข้าหรอก” ซูสุ่ยเลี่ยนแทบอยากจะร้องไห้
“คุณหนู บ่าวก็หวังว่าไม่มีคนรังแกคุณหนู เช่นนั้นบ่าวก็พูดไปอย่างนั้น บ่าวขอตัวออกไปก่อน ฮูหยินทั้งสองคุยเป็นเพื่อนคุณหนู เย็นอีกหน่อย ชุนหลันจะส่งท่านทั้งสองกลับ” เหลียงหมัวมัวยิ้มปลอบใจซูสุ่ยเลี่ยน หันกลับไปกวักมือเรียกชุนหลัน ส่งสายตาบอกให้ตามนางออกไปเตรียมของขวัญ
“ฮู่ นังหนู…” นางเหลากับนางเถียนเห็นเหลียงหมัวมัวกับชุนหลันถอยออกไปแล้วก็ถอนหายใจเฮือก แม้เหลียงหมัวมัวเป็นเพียงแค่หมัวมัวรับใช้ แต่ความกดดันที่เปล่งรัศมีออกมาก็กดดันคนรอบๆ ให้ตกใจได้ไม่น้อย โอย สาวใช้และหมัวมัวตระกูลใหญ่นี่สวมเสื้อผ้าดีกว่าสะใภ้และลูกสาวนางอีก ท่าทางทำอะไรก็ดูมีราศีไม่น้อย
“ป้าเหลา ป้าเถียน…ข้า…” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นพวกนางท่าทีเช่นนี้ก็แอบขำพลางแสดงท่าทางรู้สึกผิด แม้ว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่นางต้องการ แต่สถานะเดิมของเจ้าของร่างนี้ทำให้นางแอบรู้สึกเหมือนกำลังหลอกลวงสตรีชาวนาสูงวัยแสนซื่อทั้งสอง
“โอ๊ย พวกเราก็แค่อยากรู้อยากเห็นเลยมาดูสักหน่อย ไม่มีอะไรจริงๆ แต่ว่าพูดจริงๆ นะ นังหนู เจ้าเป็น…เป็นจริง…” ป้าเหลางึมงำถามคำถามคาใจออกมา แต่ก็ไม่กล้าเอ่ยออกมาตรงๆ รู้สึกคำว่า ‘จวนอ๋อง’ ห่างไกลจากพวกนางมาจริงๆ
“คุณหนูจวนอ๋อง?” นางเถียนรับคำทันที แม้รู้สึกว่าไม่อยากจะเชื่อ แต่ถามหน่อยก็คงไม่เสียหายอะไรกระมัง
“อืม เหมือนจะอย่างนั้น แต่ข้ากับอาเย่ายังคงอยู่ที่นี่ต่อ ที่นี่คือบ้านของพวกเรา”
เมืองฝานฮัวเป็นเมืองแรกที่นางมาที่นี่ ธรรมชาติงดงามเงียบสงบ นางย่อมไม่อยากจากที่นี่ไปที่อื่น วันหน้าลูกๆ โตกันแล้ว นางกับอาเย่าก็จะพาพวกเขาขึ้นเขาเที่ยวธรรมชาติ ไม่มีวันลืมว่าที่นี่คือบ้านของนางและเขา เป็นที่ที่นางมาตั้งรกรากบนแผ่นดินต้าหุ้ย
“อืม พวกเราก็อยากให้เจ้าอยู่ที่นี่ต่อ เพียงแต่ นังหนูเอ๊ย พวกเราเป็นหญิงชาวนาบ้านนอก ธรรมเนียมจารีตอะไรก็ไม่รู้ เจ้าอย่าได้ตำหนิพวกเรานะ” นางเถียนหัวเราะเหอๆ กล่าวกึ่งสัพยอก กึ่งจากใจ
“ป้าเถียน พูดอะไรน่ะ พวกท่านดูแลข้าราวกับลูกสาว ยังไม่ได้หาโอกาสตอบแทน หากต้องห่างเหินกันด้วยเหตุนี้ ข้าไม่ยอม” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้ม ดึงมือนางเหลากับนางเถียนน้ำเสียงอ่อนหวาน
“นังหนูเอ๊ย ขอเพียงเจ้าไม่ถือสาไปมาหาสู่กับพวกเรา พวกเราก็ไม่อยากเหินห่างจากเจ้าหรอก” ป้าเหลาแอบตกใจเพราะวาจาซูสุ่ยเลี่ยน ใช่สิ แม้นางเป็นคุณหนูจวนอ๋อง แล้วอย่างไรหนึ่งปีที่อยู่ร่วมกันมานี้ ยังไม่เข้าใจนิสัยของนางอีกหรือ
พอคิดเช่นนี้แล้วนางเหลากับนางเถียนก็สบตากันหัวเราะชวนคุยเรื่องสัพเพเหระกับซูสุ่ยเลี่ยน ถามนางถึงสภาพร่างกายในช่วงนี้
จนกระทั่งพระอาทิตย์ตกดินจึงได้กลับบ้านไปทำอาหาร ชุนหลันที่รอรับใช้อยู่ด้านนอกก็ยกกล่องห่อด้วยผ้าไหม ไม่รู้ว่าเป็นของขวัญอะไร ตามพวกนางกลับบ้าน