เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - ตอนที่ 93 แม่สื่อเป็นยาก
วันเวลาผ่านไปจนจบเดือนแปด อากาศแจ่มใสปลอดโปร่ง เมืองฝานฮัวต้อนรับฤดูเก็บเกี่ยวมาได้หนึ่งเดือนเต็มๆ
เหลียงหมัวมัวเลือกคนงานชายที่ดูแข็งแรงคล่องแคล่วว่องไวสองสามคนไปช่วยหลินซือเย่าเก็บเกี่ยวผลผลิตในที่นา เดิมคิดว่าจะจ้างชาวบ้านอีกสองสามคน จะให้ท่านเขยจวนอ๋องจิ้งทำงานใช้แรงงานพวกนี้ได้อย่างไร แต่ทว่าความคิดนี้พอเสนอออกไปก็ถูกหลินซือเย่าตอบกลับด้วยสายตาจนต้องกลืนวาจาลงท้องไป
ได้แต่กำชับกำชาคนงานชายให้ดูแลท่านเขยให้ดี อย่าให้เขาทำงานหนักมากเกินไป แต่ความจริงแล้วที่ไหนกัน แรงคนงานชายสามคนยังสู้แรงของหลินซือเย่าคนเดียวไม่ได้
พอพวกผู้ชายลงไปทำงานในที่นา เหลียงหมัวมัวก็สั่งการให้บรรดาสาวใช้เข้าไปในห้องครัวต้มน้ำถั่วเขียวและชาดับกระหายช่วงหน้าร้อนเอาไว้ ยังทำขนมรสชาติดีบำรุงร่างกายทั้งคาวหวานไม่น้อย ถึงเวลาขนมก็จะยกออกมาตรงตามเวลา
ให้ชุนหลันคอยเป็นเพื่อนซูสุ่ยเลี่ยนปักงานง่ายๆ พอเหนื่อยแล้วก็ไปเอนหลังพักบนเก้าอี้นอน หาหนังสือมาอ่าน บางครั้งก็ยังคุยเรื่องทั่วไปกับชุนหลัน
จะว่าไปสาวใช้ชุนหลันก็มีฝีมือไม่ธรรมดา อาหารไม่ว่าคาวหรือหวานอะไรขอเพียงเอ่ยชื่อออกมาก็ทำได้เกือบหมด เสื้อผ้าถุงเท้าก็ล้วนเย็บเป็นหมด แม้ด้านการปักจะเชี่ยวชาญสู้ซูสุ่ยเลี่ยนไม่ได้ แต่ทำพวกชุดเสื้อ กางเกง ถุงเท้า เอี๊ยมตัวเล็กๆ ไม่ว่าแบบ ฝีมือเย็บ ก็ดีเยี่ยมหาที่ติไม่ได้ มิน่าเหลียงหมัวมัวต้องการส่งชุนหลันมารับใช้ใกล้ชิดนาง เทียบกับสาวใช้สองคนของนางในเมืองซูโจวแล้ว ไม่รู้เก่งกว่าตั้งกี่เท่า
“ชุนหลัน เจ้าเป็นคนของพระชายาเฒ่าที่ส่งมาที่นี่ใช่ไหม” วันหนึ่งซูสุ่ยเลี่ยนก็นึกอยากรู้ เลยถามชุนหลันที่กำลังก้มหน้าก้มตาปักรองเท้าหัวเสือ เดินทางรอนแรมมาพันลี้น่าจะไม่มีสาวใช้หรือคนงานชายที่ไหนยอมเสนอตัวมาอยู่รับใช้นางที่หมู่บ้านซอมซ่อที่นี่กระมัง
“คุณหนู ชุนหลันขอมารับใช้คุณหนูเอง” ชุนหลันเห็นซูสุ่ยเลี่ยนวางหนังสือลง พิงเก้าอี้หน้าโต๊ะเหมือนกำลังคิดจะคุยกับนางต่อ ก็เลยวางงานในมือลงลุกขึ้นเดินไปรินน้ำชาสมุนไพรบำรุงครรภ์ที่พวกนางนำมาจากเมืองหลวงให้นาง
มาครั้งนี้ ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าสั่งการเซี่ยหมัวมัวกับเหลียงหมัวมัวให้ตรวจของกองโต ไม่เพียงต้องไว้สำหรับสตรีคลอดบุตร ยังต้องมีของใช้ในชีวิตประจำวัน ไม่เพียงแต่ต้องมีผ้าพับอาหารการกินประณีตสูงค่าและชาบำรุงร่างกายสูงค่าชั้นหนึ่ง ยังมีพวกของประดับ ของขวัญชิ้นเล็กๆ อะไรก็ต้องเอามาด้วย สรุปรถม้าสิบคันเต็มไปด้วยของ ยังบอกว่าไม่พอจะให้คนไปเลือกซื้อหามาอีก
ก่อนหน้านี้ชุนหลันเป็นคนรับใช้ในสังกัดเซี่ยหมัวมัว ย่อมต้องรู้ว่าท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าให้ความสำคัญกับคุณหนูสี่มาก
บางทีก่อนหน้านี้ที่คุณหนูสี่หายไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าก็รู้สึกผิดแล้ว ยังอาจเพราะคุณหนูสี่ตอนนี้แต่งงานตั้งครรภ์แล้ว ความยินดีปรีดาเต็มเปี่ยมจึงกลายเป็นความกังวล
ไม่ว่าจะคาดเดาอย่างไรก็พอจะเชื่อได้ว่า คุณหนูสี่มีสถานะสำคัญในใจท่านอ๋องผู้เฒ่ากับพระชายาเฒ่าไม่น้อย หากไม่นับท่านอ๋องที่เพิ่งรับสืบทอดตำแหน่งไปเมื่อปีก่อน คุณหนูสี่นับว่าได้รับความโปรดปรานจากท่านอ๋องผู้เฒ่าและพระชายาเฒ่าที่สุด
ดังนั้นสาวใช้ คนงานชาย และองครักษ์ที่ถูกเลือกมา คนไหนบ้างไม่ยินยอม? แม้ที่นี่ห่างจากจวนอ๋องไกลนับพันลี้ แต่ไม่นานก็ชิน พวกเขาเริ่มชอบหมู่บ้านเงียบง่ายเช่นนี้กันแล้ว หากให้พวกเขาใช้ชีวิตที่นี่ตลอดไป พวกเขาก็ยินยอมพร้อมใจ อย่างน้อยตอนนี้พวกเขาก็มีชีวิตแบบชาวบ้านปกติ มีอิสระเข้าออก มีอิสระคุยเล่นสัพเพเหระได้ มีอิสระได้สูดอากาศบริสุทธิ์ ไม่มีเจ้ากระทืบเท้าข้า ข้าเหยียบเท้าเจ้าเพื่อแย่งเป็นสาวใช้อันดับต้นที่มีเงินพิเศษเพิ่มให้ต่างหาก
ตอนนี้พวกเขาทำงานง่ายๆ งานไม่หนัก ทำเสร็จก็มีเวลาว่าง ยังได้รับความเห็นชอบจากเหลียงหมัวมัวให้ใช้เวลาว่างเรียนรู้ตัวอักษร หรือเย็บปักเสื้อผ้าให้ตนเองได้ มีชีวิตเหมือนสตรีชาวนาช่างปักผ้าธรรมดาจริงๆ
นับประสาอันใดกับสำหรับชุนหลัน นางยังมีเหตุผลที่สำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง เพราะ ‘เขา’ มา ดังนั้นนางก็ยิ่งอยากมาที่นี่ด้วยความเต็มใจ
“เขา? เขาคือใคร” ซูสุ่ยเลี่ยนรับคำ ยิ้มถามขึ้น
อา! นางทำไมจึงได้หลุดออกไปได้นะ ชุนหลันทั้งตกใจทั้งอายกุมปากตนเองไว้ “คุณหนู…”
“ให้ข้าเดา คือ…องครักษ์เซียว?” เพราะหลายครั้งเห็นชุนหลันสบสายตาองครักษ์เซียวแล้วท่าทางแปลกไป
ซูสุ่ยเลี่ยนพบว่าชุนหลันก็เขินอายง่ายเหมือนกัน หรืออาจกล่าวได้ว่ายามผู้หญิงตกในห้วงแห่งรักล้วนเขินอายกันง่ายดาย อยู่ๆ ก็นึกซุกซนขึ้นมา ตัดสินใจจะเป็นแม่สื่อแม่ชักสักหน่อย อย่างไรตั้งครรภ์อุ้มท้องมานานก็กำลังรู้สึกวันเวลาผ่านไปเชื่องช้าน่าเบื่ออยู่พอดี
“คุณหนู!” ชุนหลันอายหันหน้าหนี สวรรค์ คุณหนูสี่ที่ดูก็เรียบร้อย ทำไมถึงมาหยอกนางได้ ให้นางตายเสียดีกว่า จะเอาหน้าที่ไหนไปพบผู้คนกัน
“ชุนหลัน” ซูสุ่ยเลี่ยนแอบขำพลางส่ายหน้า “ข้าไม่พูดออกไปหรอกน่า แน่นอนหากเจ้าอยากให้ข้าไปคุยกับองครักษ์เซียว ข้าก็ยินดี”
“คุณหนู! ไม่เอา!” ชุนหลันได้ยิน ก็ไม่สนใจอาการเขินอาย รีบหันกลับมารั้งมือซูสุ่ยเลี่ยนไว้ พลางอธิบายว่า “คุณหนู องครักษ์เซียวมีนางในดวงใจแล้ว ท่านอย่าได้พูดกับเขาเด็ดขาด ข้า…ข้า…” นางร้อนใจอย่างมาก
“ได้ ข้ารู้แล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนฟังนางกล่าวเช่นนี้ รอยยิ้มซุกซนก็หายไปทันที ตบมือชุนหลันกล่าวว่า “เพียงแต่ชุนหลัน เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขามีนางในดวงใจแล้ว”
“ข้า…ข้า ได้ยินพวกสาวใช้เอ่ยถึง องครักษ์เซียวเดิมเป็นหัวหน้าองครักษ์จวนอ๋องเซียง เพราะสายสัมพันธ์ท่านอ๋องก็ไม่รู้ทำไมจึงได้มาอยู่จวนอ๋องจิ้งพวกเรา แต่ว่ากันว่านางในดวงใจแล้วเขาก็คือสาวใช้อันดับหนึ่งพระชายาอ๋องเซียง” พูดถึงมาที่นี่ ชุนหลันก็แอบถอนหายใจ สาวใช้อันดับหนึ่งพระชายาเลยนะ องครักษ์เซียวในใจนางคงไม่คิดแลสาวใช้ที่นี่ แม้เพียงแค่ปรายตามองหรอก
“ตามความเห็นข้า ชุนหลันดีขนาดนี้ หน้าตาก็โดดเด่น นิสัยก็อ่อนโยน ฝีมือยังยอดเยี่ยม แม้จะเป็นสาวใช้อันดับหนึ่งของพระชายาก็ไม่ใช่ว่าจะเทียบไม่ได้” ซูสุ่ยเลี่ยนปลอบใจนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน คำพูดเหล่านี้ล้วนเป็นคำพูดจากใจ อยู่ด้วยกันมาหลายวัน ความอ่อนโยนและนิสัยดีงามของชุนหลัน ฝีมือการทำอาหารและงานเย็บปักก็ทำให้นางต้องหันมองอีกทีอย่างแปลกใจ ยังซื้อใจเจ้าสองคนนั่นได้ด้วย…ซื้อกระเพาะซือถูอวิ๋นกับเถียนต้าเป่าไปแล้ว
“คุณหนู…ท่านช่างดีจริง!” ชุนหลันได้ยินก็สูดจมูกกล่าวน้ำเสียงอู้อี้ เข้ามาอยู่จวนอ๋องได้ห้าปีกว่า ไม่เคยมีคนชื่นชมนางเช่นนี้ นับประสาอันใดกับการที่อีกฝ่ายเป็นถึงคุณหนูสี่ มีคุณหนูที่ไหนชื่นชมสาวใช้จากใจว่า หน้าตาก็โดดเด่น นิสัยก็อ่อนโยน ฝีมือยังยอดเยี่ยมกัน? ไม่เคยได้ยิน ดังนั้นนางจึงซาบซึ้งใจจนอยากจะร้องไห้และก็ร้องไห้ออกมาจริงๆ
ฮือ ฮือ ฮือ
“ชุนหลัน…” ซูสุ่ยเลี่ยนเห็นนางร้องไห้ก็รู้สึกลนลานขึ้นมา รีบส่งผ้าเช็ดหน้าให้นาง “ชุนหลัน ข้าพูดผิดตรงไหนหรือ หรือว่าพูดอะไรที่ไม่ควรพูดออกไป? เจ้า อย่าร้องไห้ อย่าร้องไห้…”
ชุนหลันได้ยินคำปลอบใจลนลานของคุณหนูที่ต้องการปลอบใจนางก็ยิ่งซึ้งใจ ความคิดถึงบ้านห้าปีเต็มๆ ที่เก็บซ่อนไว้ในใจและความอัดอั้นตันใจในชีวิตที่ต้องเก็บกดอยู่ในจวนอ๋อง ก็ราวกับทะลักออกมาเป็นน้ำตานองหน้า
……
“ขอโทษ ชุนหลันผิดเอง ชุนหลันไม่ควรเสียมารยาทต่อหน้าคุณหนูเช่นนี้” ร้องไห้จนน้ำตาไหลไม่หยุด สะอื้นไห้กับความคิดถึงและความอัดอั้นจนพอแล้ว ชุนหลันก็ได้สติพบว่าตนเองถึงกับเสียมารยาทเช่นนี้ต่อหน้าคุณหนูสี่ สวรรค์ ไม่ควรเลยจริงๆ หากอยู่จวนอ๋องจิ้งที่เมืองหลวง ชีวิตน้อยๆ ของนางคงจบสิ้นไปแล้ว
“ไม่เป็นไร คนเราก็ย่อมมียามเศร้าเสียใจ แสดงให้เห็นว่าชุนหลันไม่ได้เห็นข้าเป็นคนนอก” ซูสุ่ยเลี่ยนยิ้มส่งน้ำชาให้นางถ้วยหนึ่ง “เอาละ ร้องไห้พอแล้ว ก็ควรไปทำอาหารได้แล้ว?” ชี้ไปที่พระอาทิตย์ด้านนอกหลุบไปทางตะวันตกแล้ว อาเย่ากับเหลียงหมัวมัวน่าจะใกล้กลับจากการเก็บเกี่ยวฤดูใบไม้ร่วงแล้ว
“เจ้าค่ะ คุณหนู! ข้าจะรีบไปทำอาหารเย็น คุณหนูวันนี้มีอาหารอะไรอยากกินเป็นพิเศษไหม” ชุนหลันเช็ดน้ำตาขอบตาแดงก่ำ กลับคืนสู่สภาพอ่อนโยนและนุ่มนวลดังเดิม เหมือนเสียงร้องไห้ก่อนหน้านี้เป็นแค่ความฝันของซูสุ่ยเลี่ยน แต่ทว่าเห็นดวงตาบวมแดงของชุนหลันแล้ว ซูสุ่ยเลี่ยนก็แอบวาดหวังคิดร้ายกาจไม่ได้ ไม่รู้ว่าองครักษ์เซียวที่ทำตามคำสั่งหลินซือเย่าเฝ้านางอยู่เงียบๆ ด้านนอกเห็นแล้วจะคิดเช่นไร
อืม ให้อภัยนางที่รู้สึกเบื่อด้วย เพียงแต่วาดหวังจริงๆ
“อืม อะไรก็ได้ ตอนนี้ข้าไม่เลือกอาหารแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนรีบผลักนางออกไป ก่อนจะเหลือบมองไปยังองครักษ์เซียวที่ยืนอยู่ใต้ต้นอิงเถา ดีมาก มีปฏิกิริยา อย่างน้อยเขาเห็นดวงตาชุนหลัน
กอปรกับการร้องไห้เมื่อครู่ ตอนนี้ดวงตากำลังบวมอยู่เลย หากมีอะไรซ่อนอยู่ก็น่าจะได้ผลกระมัง อย่างน้อยก็ควรไปห้องครัวปลอบใจชุนหลันสักคำไหม
ซูสุ่ยเลี่ยนคิดไปพลางเดินกลับเข้าห้องโถงไป เอนตัวพิงหมอนบนตั่งนั่งอย่างเกียจคร้าน เริ่มสัปหงก
“คุณหนู! เซียวเหิงขอพบ” เสียงทุ้มต่ำดังเบาๆ มาจากหน้าประตูห้องโถง
ซูสุ่ยเลี่ยนหรี่ตาสะลึมสะลือขึ้น เซียวเหิง? องครักษ์เซียว? เขามาขอพบนางทำไม ไม่ใช่ควรไปห้องครัวปลอบใจชุนหลันหรือ
“เข้ามาได้” นางก้มหน้าจัดชุด นั่งเรียบร้อยบนตั่งส่งเสียงเรียกให้เข้ามาได้
เซียวเหิงเป็นองครักษ์ที่โดดเด่นที่สุด หน้าตาหล่อเหลาที่สุด มิน่าชุนหลันจึงได้ชอบเขาอย่างนั้น แต่เทียบกับอาเย่านางแล้วก็ด้อยกว่าอีกขั้น
ซูสุ่ยเลี่ยนแอบเปรียบเทียบในใจแล้วก็เงียบรอคำตอบเขา
“คุณหนู…ข้าน้อยรู้ไม่ควรกล่าวกับคุณหนูเช่นนี้ แต่ว่า…คุณหนู ชุนหลันทำผิดอะไรกันแน่ ทำให้คุณหนูลงโทษนางเช่นนี้?” เซียวเหิง องครักษ์เซียวคุกเข่าลงตรงหน้าซูสุ่ยเลี่ยน สอบถามอย่างไม่กลัวแต่ก็ไม่ล่วงเกิน
ใช่แล้ว เขากำลังสอบถามนาง ซูสุ่ยเลี่ยนรู้สึกแค่ว่ามาสอบถามอะไรนาง ลงโทษชุนหลัน? นางไปลงโทษชุนหลันตอนไหนกัน
ซูสุ่ยเลี่ยนจ้องมองเซียวเหิงตรงหน้าเป็นนานก่อนจะขมวดคิ้วถามว่า “ใครบอกเจ้าว่าข้าลงโทษนาง? ชุนหลันบอกหรือ”
“ไม่ใช่ ข้าน้อยได้ยิน…” เซียวเหิงกล่าวไม่จบก็เงยหน้าขึ้นทันที “คุณหนูไม่ได้ลงโทษนาง?”
“เปล่า” ซูสุ่ยเลี่ยนหลุดกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ในเมื่อใส่ใจนาง ทำไมไม่ไปถามนางตรงๆ มาถามข้าทำไม”
“ข้าน้อยล่วงเกินแล้ว ขอคุณหนูลงโทษ” เซียวเหิงท่าทางเก้กัง คุกเข่าลงนอบน้อมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ลงโทษ? อืม เช่นนั้นลงโทษเจ้าไปห้องครัวบอกชุนหลันแทนข้าว่า คืนนี้ข้าอยู่ๆ อยากกินน้ำแกงปลาแล้ว” ซูสุ่ยเลี่ยนจิบชา แสร้งทำหน้าเคร่งเครียดกล่าวขึ้น
“คุณหนู…ข้าน้อยรับคำสั่ง” เซียวเหิงมองนางอย่างไม่เข้าใจ ก่อนคิ้วดาบจะมองมาถอยออกจากห้องโถงไป คุณหนูสี่ไม่เหมือนกับที่ได้ยินมาเลยสักนิด
ดูท่า ชุนหลันไม่ใช่ว่าไม่มีหวัง เหอะๆ…เพียงแต่ ทำไมนางจึงได้กลายเป็นนายที่รังแกสาวใช้ ที่แท้แม่สื่อไม่ได้เป็นกันง่ายๆ ซูสุ่ยเลี่ยนส่ายหน้านึกขำ ยกท้องโตอุ้ยอ้ายเดินไปรอรับหลินซือเย่าที่กำลังจะกลับจากที่นา