เก็บตกนักฆ่า มาเป็นหนุ่มบ้านนา - บทพิเศษ 9 ลักพาตัวมาเป็นสามีหัวหน้าค่าย (2)
“แม่นางเซี่ยง ประมุขกลับมาแล้ว ให้ท่านไปพบนางที่ห้องโถงหน้า” ปี้เชี่ยนสาวใช้ที่หลินหลงส่งมารับใช้เซี่ยงหย่งซินรีบวิ่งเข้ามาคำนับกล่าว
“ได้ ข้าจะรีบไป” เซี่ยงหย่งซินพยักหน้า รออยู่นานแล้ว นางอยากจะขอตัวไปจากที่นี่นานแล้ว
“ไปจากที่นี่?” หลินหลงขมวดคิ้ว มือถือจอกชาค้างไว้ “ได้ยินว่าตอนนี้อี๋เยว่กับจิ่งอวี้อยู่ชิงเฮ่อ หากเจอพวกนาง ข้าฝากทักทายสารทุกข์สุขดิบพวกนางด้วย”
หา? นางรู้หรือ แม้เป็นเพราะว่านางเลยหนีออกจากบ้านไปได้อย่างราบรื่น แต่ไม่ได้หมายความว่านางมีภารกิจต้องไปติดตามพวกนางสองคนกลับมากระมัง
เซี่ยงหย่งซินขมวดคิ้ว ก้มหน้าครุ่นคิดข้อดีข้อเสีย นางอยากไปจากที่นี่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่านางอยากจะกลับชิงเฮ่อ ทันทีที่นางกลับไปชิงเฮ่อ นางยังจะมีโอกาสออกมาอีกไหม
ไม่ได้ๆ นางยังลักพาตัวสามีกลับไปไม่ได้ อย่างไรก็ไม่อาจเลิกล้มกลางคัน
ก่อนท่านพ่อท่านแม่จากไปขอร้องนางว่าต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จก่อนปีนี้ ไม่อย่างนั้นนางก็ต้องทิ้งค่ายชิงเฟิงไป แต่งไปอยู่เมืองข้างๆ แต่งกับพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของนางที่แสนจะไม่เอาไหน
ไม่ๆๆ ค่ายชิงเฟิงก็คือบ้านของนาง นางไม่ไปไหนทั้งนั้น
อีกห้าเดือนก็ปีใหม่แล้ว นางจะไปหาสามีที่ไหนได้
“ทำไม สมาชิกกลุ่มพี่น้องชายเราไม่เข้าตาแม่นางสักคนหรือ” น้ำเสียงกระจ่างทุ้มเล็กน้อยของหลินหลงดังเข้าสู่โสตประสาทนาง เซี่ยงหย่งซินจึงได้รู้ตัวว่าตนเองพูดความในใจออกมาคนเดียวอย่างไม่รู้ตัว
สมาชิกกลุ่มพี่น้องชาย? ในห้วงความคิดนางมีชายหนุ่มหน้าตาดีผ่านเข้ามาหลายคน
“พวกเขาดีหมด…” อยู่ๆ ภาพเบื้องหน้าก็ปรากฏซือฟั่งเฉินรูปหล่อเพียงหนึ่งเดียว แต่ว่า “ข้าสิบหกแล้ว” ได้ยินว่าซือฟั่งเฉินแค่สิบสาม แต่ไรมานางไม่เคยเศร้าอย่างนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“นั่นเกี่ยวอะไรกัน เจ้าก็ไม่ได้โตไปกว่าเขาเท่าไร” หลินหลงไม่คิดเช่นนั้น ในบรรดาผู้ใหญ่ของนางก็ใช่ว่าไม่เคยมีหญิงอายุมากกว่าชาย เช่นน้าอวิ๋นกับอาเล่า เช่นน้าชายกับน้าสะใภ้นาง
“ข้า…ข้าไม่ได้โตกว่าเขา?” เซี่ยงหย่งซินฟังแล้วก็แทบอยากจะร้องไห้
ก็จริง เทียบสภาพส่วนสูง นางก็แค่ระดับคอซือฟั่งเฉิน นับประสาอันใดกับการที่เขายังโตไม่เต็มที่ ไม่แน่อีกสองปี เขาก็อาจจะไม่ได้สูงแค่นี้ แต่นางโตเป็นสาวแล้ว ตั้งแต่สองปีก่อนก็ไม่สูงอีกแล้ว
เทียบหน้าตา เขารูปหล่อ แม้ว่าต่อหน้านาง มักจะทำหน้าเคร่ง แต่ก็ยังคงหล่อ ส่วนนาง ตอนอยู่ค่ายชิงเฟิงก็ยังนับว่าเป็นสาวงามกว่าทุกนางในค่าย แต่พอมาต้าซื่อนี้ โดยเฉพาะได้เห็นหลินหลงกับท่านแม่นาง นางก็ได้แต่นับว่าเป็นแค่สาวหน้าตาใสกระจ่างเท่านั้น ห่างไกลกับคำว่าสาวงามมากนัก
ความห่างชั้นเช่นนี้ นางจะมีหน้าไปแอบมองซือฟั่งเฉินได้อย่างไร?!
นางส่ายหน้าไปมาราวกลองป๋องแป๋ง “แล้วไปเถอะๆ ไว้ค่อยออกไปหาดูต่อแล้วกัน” นางงึมงำกับตัวเอง
หลินหลงเหลือบมองนางแวบหนึ่งแล้วก็ไม่ได้สนใจนางอีก เขียนข่าวชิงเฮ่อระยะนี้ส่งให้เซี่ยงหย่งซิน “ต้องการให้ช่วยอะไรก็ว่ามา” น้ำเสียงนิ่งเรียบทิ้งท้าย ไม่รอให้เซี่ยงหย่งซินเงยหน้า ก็ออกจากห้องโถงกลางไปแล้ว เดินเข้าไปยังห้องพักผ่อนข้างๆ
บาดแผลหายดีได้ไม่นาน นางไม่อยากจะเหนื่อยเกินไปจนทำให้โดนจับขึ้นไปนอนพักบนเตียงอีก
“อะไรนะ? จอมโจรแดนใต้!!!”
นาง…นาง…นาง…ไปกลายเป็นจอมโจรแดนใต้ตอนไหนกัน?!
เซี่ยงหย่งซินอึ้งจ้องมองข่าวบนเศษกระดาษ บนกระดาษเขียนไว้เช่นนี้ หลายวันนี้เมืองชิงเฮ่อกำลังตามจับนาง
โอ้โฮ! ต้องเป็นเจ้าฟู่เอินจี้ใจแคบนั่นแน่เลย ทนเห็นนางออกจากค่ายมาท่องยุทธภพคนเดียวไม่ได้ เลยจงใจเอาภาพนางไปเป็นจอมโจรแดนใต้รายงานเจ้าเมืองชิงเฮ่อ
“ฟู่เอินจี้!” เซี่ยงหย่งซินกัดฟันคำราม! ข้าไม่พาชายหนุ่มขึ้นเขาไปล้างแค้นนี้ ข้าไม่ขอแซ่เซี่ยง!
……
“เฮ้ นางผู้นั้นไม่ได้ป่วยกระมัง ฟังพี่หลงพูดไม่กี่คำก็ตื่นแต่เช้ามาเรียนทำขนมดอกกุ้ยอะไร เรียนก็แล้วไป ยังจะมาเก็บดอกกุ้ยที่สวนด้านหลังอีก นางไม่รู้หรือว่าต้นดอกกุ้ยทองพวกนั้นไว้ชมความงาม” หลินซีบ่นไปก็หยิบขนมดอกกุ้ยเข้าปากไป พลางหันไปทางหลินเซียวกับพี่น้องแซ่ซือที่ไม่ได้ออกไปปฏิบัติภารกิจกันพลางบ่นไม่หยุด
“ง่ายมาก ป่วยเป็นโรคใจ” ซือฉีหยางเลิกคิ้ว พลางพ่นออกมาสามคำ ทำเอามีคนกระแอมไอดังขึ้นทันที
“แค่กๆ อาหยาง วาจาไม่อาจกล่าวตรงไปตรงมาเช่นนี้ คนเขาอาจจะอายได้” เจียงไหวอานเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม เหลือบมองซือฟั่งเฉินที่ไม่พูดไม่จา พลางเสนออย่างหวังดี
“พี่หลงเปิดทางสว่าง ทุกคนก็รู้แก่ใจ” ซือฉีหยางไม่คิดเช่นนั้น
“พูดตามตรง อาเฉิน นางก็เหมาะกับเจ้ามาก อย่างน้อยก็ดูดีกว่าบรรดานางนกกระจิบนกกระจอกที่ล้อมอยู่รอบกายเจ้าก่อนหน้านี้มาก สำหรับอายุที่มากกว่าเจ้าสามปีนั้น…ภาษิตโบราณไม่ได้กล่าวหรอกหรือว่าสตรีอายุมากกว่าสามปีราวกับได้นอนกอดทองคำ” เหลียงซวี่รื่อไม่ค่อยได้เข้าร่วมวงสนทนาเช่นวงน้ำชาอย่างเช้าวันนี้
ซือฟั่งเฉินได้ยินก็กวาดตามองไปยังบรรดาพี่น้องชายที่กำลังนั่งเรียงกันกินผลไม้จิบน้ำชา “อย่าเอาแต่มั่วจับคู่ให้ข้ากับนาง ข้าไม่อยากถูกจับตัวกลับไปเร็วเช่นนี้”
“เร็วเช่นนี้? เช่นนั้นความหมายของเจ้าก็คือ จะรออีกสักสองสามปี ก็ยินดีให้นางจับกลับไปอย่างนั้นสิ” หลินซีที่ความรู้สึกไวจับคำพูดของซือฟั่งเฉินได้ ก็ยิ้มร่ามุ่งสังหารทันที
“ตามแต่พวกเจ้าจะพูด สรุปคือ เป็น—ไป—ไม่ได้!” ซือฟั่งเฉินเตือนเสียงเข้ม
“เชอะ! เป็นไปได้หรือไม่ได้ค่อยว่ากัน อย่างไรพี่หลงก็สั่งการมาแล้วว่าให้เจ้าคุ้มกันนางกลับบ้าน แม่นางน่ารักเช่นนี้จะได้ไม่ถูกทางการจับไปเป็นจอมโจรแดนใต้” หลินซียักไหล่ ถ่ายทอดคำสั่งหลินหลง
“ทำไมต้องเป็นข้า”
“เพราะว่าเจ้าคือลูกน้องโดยตรงของพี่หลงอย่างไรเล่า!” พวกเขามีงานประจำของตนเองต้องทำ มีเพียงเขาที่วันๆ ว่าง ไม่ต้องทำอะไร เอาแต่อยู่โรงต่อเรือศึกษาต่อเรือเดินทะเลอยู่ที่ซีโหลว ทำงานอยู่กับพวกนายช่างต่อเรือพวกนั้นทั้งวัน
ควรตาย! ซือฟั่งเฉินกลืนคำสบถด่าลงท้อง ผู้ใดให้เขากลัวใบหน้าเย็นเยียบพี่หลงกัน
……
“จริงๆ แล้ว…ข้า กลับเองได้” เซี่ยงหย่งซินข้างๆ ซือฟั่งเฉินกำลังพูดงึมงำกับข้อเสนอนี้ นางอยากพาเขาขึ้นเขานั้นไม่ผิด แต่ก็ไม่อยากให้ไปด้วยบรรยากาศเช่นนี้ เห็นชัดๆ ว่าเขาถูกบังคับให้พานางกลับค่ายชิงเฟิง
“หุบปาก” ซือฟั่งเฉินสบถออกมาสองคำด้วยน้ำเสียงราบเรียบ จากนั้นก็ไม่พูดอะไรอีก คว้าห่อผ้าขึ้นคล้องไหล่จูงม้าสีพุทราแดงมาให้นาง เดินทางไปยังชิงเฮ่อ แทบอยากให้ถึงชิงเฮ่อในครึ่งวันนี้ สลัดภาระนี้ทิ้งเสีย
เซี่ยงหย่งซินกลืนน้ำลายเอื๊อก แอบให้กำลังใจตนเอง ไม่สนแล้ว หลินหลงเปิดโอกาสอันดีให้นางเช่นนี้แล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลองสักหน่อย จากที่นี่ไปถึงค่ายชิงเฟิงอย่างน้อยก็สามวันห้าวัน นางต้องพยายามดึงให้การเดินทางยาวไกลออกไป รอให้เขาเข้าใจค่ายชิงเฟิงก่อน ไม่แน่เขาอาจจะเปลี่ยนความคิดมาชอบนางก็ได้
สู้ๆ! เซี่ยงหย่งซิน! เอานิสัยวางอำนาจแห่งหัวหน้าค่ายชิงเฟิงออกมาใช้! จัดการแบกชายคนนี้กลับไปค่ายให้ได้!
……
“เซี่ยงหย่งซิน! ข้าว่าเจ้าสงบเสงี่ยมหน่อยได้ไหม เจ้าไม่รู้หรือว่าตอนนี้ทางการกำลังตามจับเจ้าอยู่ มีเวลามาหาเรื่องผดุงคุณธรรมอีกหรือ”
ซือฟั่งเฉินช่วยนางเก็บกวาดสิ่งที่นางก่อไว้ไปหลายครั้งก็อดโมโหไม่ได้ หันไปมองเซี่ยงหย่งซินที่มีผ้าพันแผลอยู่บนแขน มุมปากยังมีรอยเลือดหลงเหลืออยู่ จากนั้นก็สบถด่าออกมาเป็นชุด
สองครั้งก่อนตีกันเล็กๆน้อยๆ นางจัดการไปได้อย่างง่ายดายก็แล้วไป แต่วันนี้ปะทะกับโจรกลุ่มนั้น ก็คือกองโจรที่ทางการชิงเซี่ยเฮ่อร่วมมือกับต้าหุ้ยตามจับ หากไม่ทันระหว่างก็อาจจะสิ้นชื่อได้
“แค่กๆ…คือว่า เจ้าไม่เห็นหรือว่าคนกลุ่มนั้นก็คือจอมโจรแดนใต้ตัวจริง ตอนข้าออกจากชิงเฮ่อ เคยเห็นภาพพวกเขาติดอยู่บนประตูเมือง จริงๆนะ ข้าไม่ได้หลอกเจ้า” เซี่ยงหย่งซินรีบร้อนอธิบาย
เมื่อครู่เจ้าหนวดดกถือดาบยาวก็คือจอมโจรแดนใต้ที่ทุกคนหวาดกลัวและทำให้ชิงเฮ่อตกอยู่ในภาวะเมฆหมอกดำปกคลุมก่อนหน้านี้
“ก็แล้วอย่างไร เกี่ยวอะไรกับเจ้า” ซือฟั่งเฉินสบถออกไปก่อนจะจูงม้านางเดินต่อไป
เซี่ยงหย่งซินแอบถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ นางก็ไม่ใช่ว่าเห็นแก่เงินนำจับห้าร้อยตำลึงนั่น เพียงแต่รู้สึกว่าในเมื่อวิทยายุทธ์ตนเองก็ไม่เลว ไยไม่ลองช่วยทางการกำจัดเภทภัย ทำให้ราษฎรอยู่กันอย่างสงบสุขก็ดีไม่ใช่หรือ
“ไม่เคยเห็นใครโง่อย่างเจ้า เจอแล้วก็ไม่คิดหลบ ถึงกับกล้าออกไปขวางเอาไว้อย่างนั้น ข้ายอมรับว่าเจ้าฝีมือไม่เลว แต่เจ้าก็เป็นผู้หญิง แถมยังมือเปล่า! หากถูกพวกเขาจับตัวไปได้…” พูดไม่จบ แต่ในที่สุดซือฟั่งเฉินก็รู้สาเหตุที่ทำให้ตนเองอารมณ์เสียแล้ว เขากำลังกลัวว่าหากเขาไปเอาน้ำกลับมาช้าไปอีกนิด หากว่านางถูกเจ้าพวกโจรที่ไม่กลัวตายก็นั่นลักพาตัวไป ผลที่จะเกิดขึ้น…เขาไม่กล้าคิด
“ขอโทษ! เรื่องเกิดกะทันหัน ข้าเองก็ไม่ได้คิดมากมายเพียงนั้น!” เซี่ยงหย่งซินฟังน้ำเสียงเป็นกังวลของเขาออก ในใจก็รู้สึกอบอุ่น รีบอธิบายเสียงอ่อน
“ครั้งหน้าอย่าทำเก่งเช่นนี้อีก ด้วยฝีมือพลังตัวเบาของเจ้า คิดจะหลบก็เป็นเรื่องง่ายมาก ไม่จำเป็นต้องเข้าปะทะกับพวกเขา” คิ้วดาบซือฟั่งเฉินขมวดแน่น พยายามล้างสมองนาง นางเติบโตในภูเขามานาน อาจจะมีโอกาสได้เจอโจรพวกนี้อีก เขาคิดว่าจำเป็นต้องอบรมให้นางรู้จักอันตรายพวกนี้ให้ดี
“ได้” เหนือความคาดหมายของเขา เซี่ยงหย่งซินไม่ได้ต่อต้านคำสั่งสอนของเขา แต่กลับส่งยิ้มหวานมาให้ ยอมรับคำเตือนของเขาอย่างยินดี
“คือว่า…เจ้ากำลังห่วงพวกอี๋เยว่ ใช่หรือไม่” เห็นซือฟั่งเฉินไม่สนใจนางอยู่นาน เอาแต่หลับตาลงไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
เซี่ยงหย่งซินมองเขาอยู่ ในใจก็แอบรู้สึกสลดวูบลง
จากคำของหลินหลง นางรู้มาว่าซือฟั่งเฉินมีความรู้สึกพิเศษต่อเหลียงอี๋เยว่ ไม่แน่เขาอาจจะชอบอี๋เยว่ อย่างไรเหลียงอี๋เยว่ก็เป็นถึงบุตรสาวผู้ปกครองต้าซื่อ เชี่ยวชาญพิณ หมาก อักษรและภาพ ว่ากันว่าหน้าตายังงดงามน่ารักอย่างมาก
เฮ้อ นางคงไม่มีหวังแล้ว ตัดใจเสียดีกว่า
รอถึงค่ายชิงเฟิง รอให้นางจัดการฟู่เอินจี้ที่สร้างเรื่องว่านางเป็นจอมโจรแดนใต้ให้เรียบร้อยก่อน ก็จะหาโอกาสลงเขา ครั้งนี้ไม่ไปที่เดิมแล้ว เปลี่ยนไปทางตะวันออกตามหาสามีฟ้ากำหนดดีกว่า
อย่างไรก่อนวันสิ้นปีก็ต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยไม่ใช่หรือ?!
“ถอนหายใจอะไร! ข้าไม่ได้ว่าอะไรเจ้าเสียหน่อย วางใจ พวกนางสบายดีมาก” คิดถึงเหลียงอี๋เยว่กับเจียงจิ่งอวี้สองสาวแสบแล้ว ซือฟั่งเฉินก็อารมณ์เสีย สาวๆ สมัยนี้ทำไมแต่ละคนชอบทำเก่งไม่กลัวอะไรด้วย?! ทำตัวให้นุ่มนวลอ่อนหวานเหมือนน้าสุ่ยเลี่ยนไม่ได้หรืออย่างไร