เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1001 ไม่คุ้มค่า
บทที่ 1001 ไม่คุ้มค่า
บทที่ 1001 ไม่คุ้มค่า
เสี่ยวเถียนอยากยกนิ้วให้ แล้วมอบธงชนะเลิศให้จริง ๆ
มันเป็นสิ่งที่เธอคิดไว้น่ะ แต่ความเป็นจริงแค่ขอบคุณด้วยความสุภาพก็เท่านั้น
ตำรวจหนุ่มไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย เขาจึงอิจฉาคนที่ได้เรียนหนังสือมาก โดยเฉพาะกับคนที่เรียนมหาวิทยาลัยจิ่งเฉิง
เวลาพูดจาจึงมีความนอบน้อมอยู่ตลอด
“เกรงใจกันเกินไปแล้วครับ ว่าแต่คุณมีเวลาว่างหรือเปล่า? ทางฝ่ายนั้นเขาจะสนทนาด้วยน่ะ”
เสี่ยวเถียนยังต้องไปเรียน จึงบอกอีกฝ่ายเพียงว่าจะมาหาช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์แทน
ตำรวจหนุ่มชี้แจงเรื่องราวทั้งหมดให้ฟัง
เป็นคนเดียวกับที่เธอคาดเดาไว้ก่อนหน้านี้เลย
บ่ายวันเสาร์เสี่ยวเถียนไม่มีเรียน เธอจึงออกจากมหาวิทยาลัยตรงไปยังสถานีตำรวจทันที
ก่อนจะพบกับเจ้าคนที่ลักสูตรอาหารของโรงงานไปขาย
ชายคนนี้เป็นหนึ่งในพนักงานกลุ่มแรก ๆ ที่มาทำงานกับเธอ
แถมยังอยู่ในทีมวิจัยอีกด้วย
เงินเดือนที่ได้รับก็สูงมาก
เด็กสาวเห็นชายหนุ่มนามซินหราว พลันรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
นี่เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เธอโดนทรยศ
ยิ่งกับซินหราวที่บ้านมีปัญหาเลยต้องการเงิน เธอถึงกับเอามาบอกผู้จัดการโดยเฉพาะว่าให้เพิ่มเงินเดือนของซินหราวขึ้นอีกหน่อย
จึงไม่คิดเลยว่าคนที่ตัวเองตั้งใจให้ความช่วยเหลือจะทำแบบนี้
ที่แท้เขาก็ไม่ได้มีจุดประสงค์ที่ดีสินะ!
ซินหราวตกใจตอนเห็นเด็กสาว จึงรีบก้มหัวลงต่ำ
เสี่ยวเถียนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม โดยที่ไม่พูดไม่จา ขณะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหมูโดนเชือดที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวก*[1]
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะแจ้งตำรวจ”
เขาไม่รอให้เด็กสาวริเริ่มใด ๆ และเป็นฝ่ายพูดก่อน
เสี่ยวเถียนเงยหน้ามอง
ชายผู้นี้เป็นคนต่างถิ่น เข้าเมืองหลวงเพื่อมาเรียนมหาวิทยาลัย
หลังจากเรียนจบ เขาก็ไม่อยากกลับบ้านเกิด ด้วยความที่ไม่มีงานการดี ๆ ทำจึงมาทำงานที่โรงงานของเสี่ยวเถียน
แต่ในใจคิดเสมอว่าตัวเองเก่งกาจมาก จึงไม่ควรจมปลักอยู่ที่นี่
ยิ่งมีการพัฒนาสูตรตัวใหม่ก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมีพรสวรรค์อย่างยิ่ง จึงไม่ควรอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
ตอนนั้นเองที่มีคนมาหาที่บ้าน และเสนองานแลกกับสูตรตัวนี้
มันเป็นงานที่ดี ซึ่งจะได้บรรจุเป็นพนักงานชั่วคราว และทำในสถาบันวิจัยด้วย
ซินหราวจึงถูกล่อลวงในทันที
เขารู้สึกว่าตัวเองมีส่วนร่วมในการค้นคว้ามาก ถึงจะเอาไปให้คนอื่นก็สมเหตุสมผล
เพราะอย่างนั้นจึงยอมตกลงในที่สุด
หลังจากทางตำรวจสืบสวนเสร็จ ก็บอกให้เสี่ยวเถียนได้ทราบสถานการณ์คร่าว ๆ
ด้วยความที่เด็กสาวรู้สถานการณ์ กอปรกับการสืบสวนของตำรวจ เธอจึงเข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่
ซินหราวมองอีกฝ่ายด้วยสายตาจงเกลียดจงชัง
เธอไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าความรู้สึกพวกนั้นมาจากไหน
เธอไม่เคยทำอะไรให้เลยนี่?
“อ๋อ แล้วทำไมถึงคิดว่าฉันจะไม่แจ้งล่ะ?” เสี่ยวเถียนหัวเราะ
ซินหราวสับสน
ก็จริง เขาถามอะไรเนี่ย?
“งั้นทำไมเธอเห็นฉันถึงไม่ด่าล่ะ?”
เขาคิดว่าเสี่ยวเถียนจะด่าใส่ตอนพบกัน แต่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะยังคงสงบอยู่
“ถ้าฉันทำคุณจะรู้สึกดีหรือ? คิดว่าด่าเสร็จแล้วเรื่องก็จบหรือยังไง?”
ซินหราวคิดอย่างนั้นจริง ๆ
เขามั่นใจในตัวเองสูงมาก และไม่ยอมเสียเวลาไปกับโรงงานเอกชนหรอกนะ
แต่ก็รู้ว่าเสี่ยวเถียนดีต่อพวกตนมาก
อันที่จริง เสี่ยวเถียนดูแลเราไม่ได้ต่างไปจากที่สถานประกอบการอื่นทำกันหรอก
ถ้าฝ่ายนั้นไม่เสนองานมา ตนอาจจะไม่โดนล่อลวงก็ได้
แต่ความต้องการในการทำงานในแผนกวิจัยมันสูงมาก
เขาคิดว่าถ้าระมัดระวังจะไม่มีใครรู้ว่าตนเป็นคนทำ
รอสักสองสามเดือนจนเรื่องนี้ซาก่อนแล้วค่อยไปทำงานที่ใหม่
แต่ใช้เวลาไม่กี่วันก็เจอตัวเขาแล้ว
“ฉันค้นคว้าสูตรนี้มาตั้งแต่แรก ต่อให้เอาไปก็ไม่ถือเป็นการยักยอกเสียหน่อย” ซินหราวเอ่ยเสียงดังลั่น
เหมือนเขาจะคิดว่ายิ่งพูดดังก็ยิ่งไม่มีความผิด
เสี่ยวเถียนระบายยิ้มออกมา
รอยยิ้มนั้นทำเอาซินหราวอึดอัดใจขึ้นมา
“ยิ้มอะไร? มีอะไรให้อยากยิ้มนักหนา? คนแบบเธอก็เป็นประเภทเกาะชาวบ้านกิน ไม่มีทางรู้ถึงความลำบากหรอก”
คำพูดคำจาของซินหราวทิ่มแทงใจมาก หากคนไม่รู้ก็คิดว่าเสี่ยวเถียนเป็นนายทุนที่ชั่วร้าย
เธอเลิกคิ้ว
ควรไตร่ตรองดีไหมว่าตัวเองได้ทำเรื่องชั่วร้ายโดยที่ไม่รู้ตัวหรือเปล่า!
ซินหราวไม่ได้ยินคำตอบก็ยิ่งทำตัวโอหังมากขึ้น
“ปีนี้เธอเพิ่งอายุเท่าไร แต่มีโรงงานเป็นของตัวเองแล้ว ปีหนึ่งทำเงินได้มหาศาล ฟังเหมือนดูแลเราดีนะ แต่ให้เงินเราจริง ๆ สักเท่าไรกันเชียว?”
ยิ่งพูดเท่าไรก็ยิ่งรู้สึกว่าสมเหตุสมผลมากเท่านั้น
ในขณะที่เสี่ยวเถียนไม่ต้องทำอะไรก็ได้เงินเอา ๆ
แต่พวกเราที่ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อย เพิ่งจะได้เงินเดือนเท่าไรเอง?
แล้วเจ้าพวกคนในท้องที่พวกนั้นกลับสร้างรายได้จากการขายสินค้า แต่เขาทำได้แค่มอง ไม่ได้มีเงินพิเศษใด ๆ เลย
คนแบบเดียวกันทั้งนั้น เราเองก็เป็นนักศึกษานะ ทำไมทำรายได้ไม่เห็นดีเท่าเด็กเรียนจบมัธยมต้นเลยล่ะ?
ไม่ยุติธรรมสักนิด
ซูเสี่ยวเถียนเป็นแค่เด็ก จะไปมีโรงงานขนาดยักษ์ใหญ่เช่นนี้ได้ยังไง?
ยิ่งไม่ยุติธรรมเข้าไปใหญ่!
ทีแรกเด็กสาวหมายจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ดูสภาพในตอนนี้คงไม่มีประโยชน์
ซินหราวตกอยู่ในความเข้าใจผิด คิดแค่ว่าสิ่งที่ตนเองทำนั้นถูกต้อง
“ซูเสี่ยวเถียน เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงแท้ ๆ มีสิทธิ์อะไรมาชี้นิ้วสั่งผู้ใหญ่แบบเรา” ซินหราวตะคอกอย่างบ้าคลั่ง
“มีสิทธ์หรือ? คุณว่าสิทธิ์อะไรล่ะ?” เธอเอ่ยเสียงเย็น
ไม่คิดเลยอีกฝ่ายจะมีความคิดแบบชายเป็นใหญ่
ถ้าอยากใหญ่โตขนาดนั้นก็หัดคิดยืนหยัดด้วยตัวเองสิ!
เพราะเป็นผู้ชายเลยอยากได้ทุกอย่าง อย่างนั้นหรือ?
อยากจะอ้วก!
[1] หมูโดนเชือดที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวก หมายถึง ไม่เกรงกลัว