เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1002 อยากมีส่วนร่วมด้วย
บทที่ 1002 อยากมีส่วนร่วมด้วย
บทที่ 1002 อยากมีส่วนร่วมด้วย
“ผู้หญิงควรจะอยู่บ้านเลี้ยงลูกเลี้ยงสามีตัวเองไม่ใช่หรือยังไง?”
ต้องมาฟังอีกฝ่ายพูดไม่หยุดแล้วเสี่ยวเถียนได้แต่คิดว่า ถ้าต้องเสวนากับมันคงได้อกแตกแน่!
“ซินหราว ด้วยมิตรภาพระหว่างเรา ฉันก็ถามตัวเองนะว่าทำอะไรผิดต่อคุณหรือเปล่า จึงส่งผลให้คุณทำเรื่องแบบนี้ แต่จนตอนนี้คุณก็ยังเอาแต่โทษคนอื่น สิ่งนี้ทำให้ฉันผิดหวังจริง ๆ”
“ไม่ว่าคุณจะคิดยังไงเกี่ยวกับฉัน แต่ฉันอยากจะบอกอะไรอย่างหนึ่ง บนโลกใบนี้ผู้คนต้องยืนหยัดด้วยตัวเอง ถ้าทำไม่ได้ชีวิตคงมาได้แค่นี้แล้วแหละ!”
เสี่ยวเถียนเดินทางมาด้วยความหวังลึก ๆ ในใจว่าซินหราวจะขอโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำ
แต่ดูเหมือนเธอจะซื่อเกินไปหน่อย
คนแบบนี้คงมีปัญหามาแต่แรกแล้ว
ไม่มีทางรู้ตัวหรอกว่าตัวเองทำอะไรผิด
และด้วยความคิดที่บิดเบี้ยว ขอแค่ทุกอย่างต่างไปจากจินตนาการมันจะกลายเป็นความผิดของคนอื่นทันที
โชคดีจริง ๆ ที่คนแบบนี้สร้างเรื่องตั้งแต่เนิ่น ๆ ถ้าเกิดขึ้นในอีกสองสามปีให้หลัง ผลเสียที่ตามมาคงไม่มีที่สิ้นสุดแน่
เสี่ยวเถียนหมุนตัวจากไป
เธอหยุดอยู่หน้าประตูแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ถ้าคิดตัวเองเป็นผู้ชายงั้นก็กล้าหาญไว้เยอะๆ นะ ไม่ใช่เอาแต่คิดจะทำตัวเป็นพวกผู้ชายโอหัง!”
เสี่ยวเถียนจากไปทันทีโดยไม่รอคำตอบ
ซินหราวจ้องประตูด้วยสายตาว่างเปล่า
ใช่ที่ไหนล่ะ?
ผู้ชายก็คือผู้ชาย ควรจะสูงส่งกว่าพวกผู้หญิงอยู่แล้ว!
ในฐานะที่เป็นผู้ชาย ยังไงก็เหนือกว่าใครอยู่ดี จะมากล้าหาญชาญชัยอะไรอีกล่ะ?
เด็กนั่นต้องพูดไร้สาระแน่ ๆ
แต่มีเสียงหนึ่งที่เตือนว่าเสี่ยวเถียนพูดถูก
เราเป็นผู้ชายแท้ ๆ แต่พอเทียบกับเด็กคนนั้นดันไม่เก่งเท่าเสียได้
ราวหนึ่งเดือนต่อมา เรื่องราวทุกอย่างได้จบลง
ซินหราวถูกตัดสินคดีให้จ่ายค่าชดเชยแก่ซูเสี่ยวเถียนในข้อหาสร้างความเสียหายทางธุรกิจเป็นเงินจำนวนหนึ่งหมื่นแปดพันหยวน และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปี
สิ่งนี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายผลของการกระทำทั้งหมด
เสี่ยวเถียนได้ฟังผลการตัดสินพลางนึกว่าสรุปแล้วมันคุ้มหรือเปล่า
ฝ่ายซินหราวไม่เข้าใจและยืนกรานที่จะยื่นอุทธรณ์
แค่เอาของของตัวเองไปมอบให้คนอื่นเอง เสียหายตรงไหน?
เข้าคุกก็พอแล้ว ทำไมต้องจ่ายเงินอีก?
ในท้ายที่สุดซินหราวก็รู้ถึงเรื่องที่ว่าตระกูลซูมีอำนาจมาก
คงเพราะมีเงินมาก ตนจึงถูกกดค่าแรงและได้รับการดูแลอย่างไม่ยุติธรรม
น่าเสียดายที่คำตัดสินสุดท้ายยังคงยึดตามเดิม
ตอนแรกสุดเขาตั้งใจจะใช้แผนนี้เพื่อหางานดี ๆ ให้กับตัวเอง แต่ไม่นึกเลยว่ากลับต้องมีหนี้หนึ่งหมื่นแปดพันหยวน
ถ้ามองในยุคปัจจุบันคงไม่ได้มากมายอะไร
แต่ในยุคที่ล้านครัวเรือนจะมีเงินเป็นหมื่นจะเป็นที่จดจำของคนทั่วทั้งมณฑล และครอบครัวหนึ่งอาจต้องใช้เวลากว่าสิบปีเพื่อเก็บสะสมเงินเหล่านั้น
และจำนวนเงินที่ซินหราวต้องชดเชยให้เสี่ยวเถียนนั้น เป็นเงินที่ตระกูลซินไม่อาจหาได้ต่อให้ขายทุกอย่างจนหมดตัวก็ตาม
ในฐานะลูกที่มีแนวโน้มอนาคตไกล พวกเขาจึงพยายามหาทางประกันตัวอีกฝ่ายออกมาให้ได้
แต่ในตอนที่รู้ถึงจำนวนเงินชดเชย พวกเขาจำต้องปรึกษาหารือกัน
เพราะบ้านพวกเขาไม่ได้ร่ำรวย หรือมีเงินมากพอ เลยเลือกยอมแพ้ต่อคดีของซินหราวเสีย
ทั้งยังบอกด้วยว่าที่บ้านไม่มีเงินจะชดใช้สิ่งที่ซินหราวได้กระทำหรอก กระทั่งไม่มีเงินสักกะแดงเดียว
เผลอ ๆ ถ้าจ่ายคืนไม่ได้ ซินหราวอาจได้รับโทษเพิ่มอีก
ฝ่ายคนจำคุกรู้สึกแย่มาก
ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น
แต่ต่อให้คิดออกหรือไม่ มันจะไปสำคัญอะไรล่ะ?
ใครที่ไหนจะไปสนใจกัน?
เขาขอร้องผู้คุมให้ช่วยพาตัวเสี่ยวเถียนมา
เพราะเด็กสาวเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถช่วยได้
แต่เสี่ยวเถียนจะสนใจให้กับคนคิดทรยศแบบนี้หรือ?
เธอมีหลายเรื่องต้องจัดการ ปล่อยเลยตามเลยแล้วกัน
ใกล้จะจบภาคการศึกษาแล้ว วันหยุดกำลังมาถึงในไม่ช้า
วันหยุดก็ดีนะ แต่ช่วงสอบเนี่ยสิเหนื่อยที่สุดเลย
เสี่ยวเถียนเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
เธอไม่ต่างกับคนอื่นหรอก ทั้งอ่านหนังสือจนถึงเที่ยงคืนแล้วเตรียมตัวไปสอบในเช้าวันรุ่งขึ้น
โค้งสุดท้ายก่อนเสร็จสิ้นการสอบปลายภาค ใบหน้ากลม ๆ ของเด็กสาวตอบลงอย่างเห็นได้ชัด
จนกระทั่งวิชาสุดท้ายจบลง ในที่สุดก็โล่งใจเสียที
เธอเดินออกจากห้องด้วยความผ่อนคลาย
สำหรับเธอ มันไม่ใช่แค่เรื่องกลัวสอบตก แต่ยังเป็นการท้าทายตัวเองด้วย
เธอเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าจะทำอะไร ต่อให้เป็นเพียงสอบปลายภาคยังไงก็ควรทุ่มเทให้เต็มที่
ยามมองออกไปเห็นท้องฟ้าสีคราม แสงอาทิตย์แดดเผา ต้นไม้เขียวขจี เป็นภาพที่ทำให้เสี่ยวเถียนยิ้ม
ทว่านักศึกษาคนอื่น ๆ ไม่ได้ยิ้มด้วย
การสอบปลายภาคนี่ยากจริง ๆ เลยนะ
เพราะไม่ได้กำหนดเนื้อหาที่จะออกสอบ พอถึงเวลาต้องทบทวนบทเรียนเน้นอ่านเรื่องหนึ่ง อีกเรื่องก็พลาดอย่างเลี่ยงไม่ได้
แม้ปฏิกิริยาจะแตกต่าง แต่ความเยาว์วัยและความแข็งแกร่งไม่ได้ต่างสักนิด
นักศึกษาที่เรียนจบในยุคนี้อนาคตไกลแน่นอน ขอแค่ไม่ได้หลงทางไปเสียก่อน
เธอเชื่อว่าเด็ก ๆ ที่เห็นในตอนนี้จะต้องเป็นเสาหลักของอนาคตอย่างแน่นอน
“เสี่ยวเถียน พรุ่งนี้วันหยุดแล้วเธอจะทำอะไรหรือ?” จ้าวหงเหมยถาม
สาวเจ้าอิจฉามากที่รูมเมตได้ไปทำงานที่หออีหมิงช่วงปิดเทอมฤดูหนาว
ได้ทั้งเงิน ได้ทั้งเพิ่มน้ำหนัก
อาหารที่นั่นคงอร่อยมากแน่ ๆ
“ฉันยังคิดอยู่เลย แต่อาจไปใช้เวลาที่โรงงานมั้ง” เสี่ยวเถียนครุ่นคิด
เธอไม่ได้ให้เวลากับโรงงานมากเท่าไร เพราะเหตุนี้จึงเกิดกรณีของซินหราวขึ้น
“ฉันไปด้วยได้ไหม ให้เสิร์ฟน้ำเสิร์ฟชาได้หรือเปล่า?”
เสี่ยวเถียนมองเพื่อนสนิทด้วยสายตาโกรธ ๆ
อีกฝ่ายหัวเราะร่า
“ปิดเทอมรอบก่อนพวกหลี่เจี้ยนหงยังไปทำงานที่ร้านเธอได้เลย ตอนนี้เหมือนเป็นผู้ชนะชัด ๆ ฉันเลยคิดว่าอยากจะทำงานบ้างน่ะ!”
เสี่ยวเถียนชะงัก
หมายความว่า?
“เธอดูสิ พวกเจี้ยนหงมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เหลือแค่ฉู่เยว่กับฉันที่ยังไม่มีอนาคตเลย ต้องพึ่งพาที่บ้านเพื่อประทังชีวิตเนี่ย”
เมื่อก่อนก็คิดนะ ว่าใช้เงินที่บ้านไม่เห็นจะผิดตรงไหน แต่พอเพื่อนในห้องกำลังหาเงินเธอดันรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าจริง ๆ ที่เอาแต่พึ่งพาคนที่บ้าน
“แล้วเธออยากทำอะไรล่ะ?” เสี่ยวเถียนยิ้ม
“เดินตามเธอเฉย ๆ ไง”
เสี่ยวเถียนถึงกับเงียบกริบ “…”
เรียบง่ายมาก ชัดเจนจริง ๆ