เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1004 ความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร
บทที่ 1004 ความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร
บทที่ 1004 ความรู้สึกที่ไม่เป็นมิตร
ทั้งสองตกใจกับรถที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า
พอลดกระจกลง เสี่ยวเถียนก็จำคนขับได้ทันที
จะเป็นใครไปได้นอกเสียจากกู้เฉิงเซวียน
“พี่สามกู้ มาได้ยังไงคะ?”
เสี่ยวเถียนยิ้มหวาน
ฉืออี้หย่วนเห็นหน้ากู้เฉิงเซวียน และได้ยินคำพูดคำจาที่สนิทสนมจากน้องพลันรู้สึกตึงเครียด
นี่มันอะไรเนี่ย?
เจ้านี่มันสนใจเสี่ยวเถียนหรือ?
ชายหนุ่มเป็นกังวล
สายตาที่มองกลับไปมีความไม่เป็นมิตรมากขึ้น
จะมาแย่งผู้หญิงของเขาไม่ได้นะ!
กู้เฉิงเซวียนถอนหายใจตอนเห็นสายตานั้น
ทำไมทุกคนต้องตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตลอดเลยเนี่ย?
ได้ยินว่าตระกูลซูมีหลานชายเยอะมาก แล้วนี่ก็คือพี่ชายเสี่ยวเฉ่าอีกคนหรือ?
หรือเพราะรู้ว่าเขาไล่จีบเสี่ยวเฉ่าก็เลยตั้งตัวเป็นศัตรู?
“ขึ้นรถมาเสี่ยวเถียน เดี๋ยวพี่พากลับ!”
ไม่ว่าเขาจะเห็นเป็นศัตรูหรือไม่ ยังไงก็ต้องสุภาพไว้ก่อน
แต่ฉืออี้หย่วนไม่ยอมขึ้น เขามองเสี่ยวเถียนแล้วเอ่ยเสียงต่ำ
“คนนี้ใครน่ะ? พี่ไม่เห็นรู้จัก”
น้ำเสียงไม่พอใจดังพอให้กู้เฉิงเซวียนได้ยิน
“สวัสดี ฉันชื่อกู้เฉิงเซวียน นายก็เป็นพี่ชายของเสี่ยวเถียนด้วยหรือ?”
กู้เฉิงเซวียนรู้สึกว่าสิ่งที่พูดไม่ได้มีปัญหานะ แต่กลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม
“ฉันไม่ใช่พี่ชายเสี่ยวเถียน”
ฝ่ายคนในรถตกใจ ไม่ใช่งั้นหรือ? แล้วเป็นใครล่ะ?
“ฉันชื่อฉืออี้หย่วน” เจ้าตัวรู้สึกได้ว่าเหมือนกำลังกัดฟันพูด
ฉืออี้หย่วน?
ไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อนเลยแฮะ
แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญสักหน่อย ดูเหมือนสนิทกับเสี่ยวเถียนมากเลยนะ
น่าจะคนสนิท!
“พี่อี้หย่วนขึ้นรถกัน พี่สามกู้เป็นคนตามจีบพี่เสี่ยวเฉ่าอยู่น่ะ เขาน่าจะไปหาพี่เสี่ยวเฉ่าที่บ้านเรา” เสี่ยวเถียนเหลือบมองกู้เฉิงเซวียน
ไม่รู้ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงไล่จีบไม่หยุด ต่อให้พี่เสี่ยวเฉ่าปฏิเสธไปแล้วก็ตาม
พี่เสี่ยวเฉ่าเองก็แปลก
กู้เฉิงเซวียนจริงใจมาก เงื่อนไขดีทุกอย่าง
พี่ถงหลานเองก็บอกตระกูลกู้ไม่คัดค้านที่ลูกชายคนที่สามไล่จีบซูเสี่ยวเฉ่า
แต่ฝ่ายหญิงไม่เอาด้วยน่ะสิ
ต่อให้อ้างเหตุผลร้อยแปดพันเก้ามา เสี่ยวเถียนว่ามันฟังไม่ขึ้นสักอย่าง
ฉืออี้หย่วนสงสัย “เสี่ยวเฉ่าอยู่มณฑลไม่ใช่หรือ? เธอเข้ามาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไร?”
“พี่เสี่ยวเฉ่ามาอบรมในเมืองหลวงค่ะ เขาพักอยู่บ้านเราชั่วคราว ถ้าพี่กลับไปตอนนี้น่าจะได้เจอเธอนะ”
เสี่ยวเถียนว่าพลางถือกระเป๋าขึ้นรถ
กู้เฉิงเซวียนได้ยินก็ตระหนักได้ว่าฉืออี้หย่วนคงเป็นคนที่เสี่ยวเฉ่ารู้จักเช่นกัน
เขาจึงรีบลงจากรถแล้วช่วยขนของ
แต่ไม่คิดเลยชายหนุ่มตัวผอมจะแข็งแรงขนาดนี้
กู้เฉิงเซวียนจึงทำได้แค่กลับเข้าไปในรถ
คนทั้งสองขึ้นนั่งเบาะหลัง
เหมือนเราเป็นคนขับรถให้เขาเลย
ยิ่งเห็นพวกเขาคุยกันกะหนุงกะหนิงก็ได้แต่สตาร์ตรถด้วยความไม่เต็มใจ
“พี่สามกู้ขับระวัง ๆ ด้วยนะคะ!” เสี่ยวเถียนบอก
กู้เฉิงเซวียน “…”
โชคดีที่ทักษะการขับรถของเขาดีขึ้นมาก
หลังจากออกตัวมาได้สักพัก เสี่ยวเถียนก็พูดถึงหัวข้อที่ว่าจะพาคุณปู่ฉือกลับบ้านดีไหม
“พี่อี้หย่วน เราไปรับปู่ฉือกันก่อนดีกว่า”
ฉืออี้หย่วนสับสน
“ตอนนี้ปู่ไม่อยู่บ้านหรือ?”
ถึงจะคิดว่าปู่คงเหงาที่ไม่มีหลานอยู่ด้วย แต่เขาไม่คิดเลยว่าปู่จะไม่ได้พักอยู่ที่บ้านตอนนี้
“ตั้งแต่พี่เดินทางไป คุณปู่ฉือก็อาศัยอยู่ที่บ้านเลี้ยงเด็กกำพร้าค่ะ เขาสอนเด็ก ๆ ให้อ่านเขียนด้วยนะ”
เสี่ยวเถียนจำได้ว่าเคยเขียนบอกไปในจดหมายนะ ทำไมพี่อี้หย่วนไม่รู้ล่ะเนี่ย?
หรือเธอจะลืมบอก?
ปู่ฉือไม่ได้เขียนบอกพี่เขาหรือ?
ช่างเถอะ อย่าไปคิดเลย
กู้เฉิงเซวียนหัวไวมาก พอได้ยินเช่นนั้นก็เปลี่ยนเส้นทางไปบ้านเด็กกำพร้าทันที
เขาเคยไปที่นั่นมาก่อน เพราะต้องพาพี่สะใภ้ไปส่งน่ะ
พี่สะใภ้ใหญ่ได้ยินว่าตระกูลซูกำลังส่งเงินช่วยเหลือบ้านเด็กกำพร้า เลยส่งเงินและของขวัญไปให้ที่นั่นตั้งสองครั้ง
ตอนฉือเก๋อได้พบกับหลานชาย เขาก็ไม่ได้พูดอะไร นอกจากตบไหล่หลานแรง ๆ
ทว่าท่านก็ยังร้องไห้ออกมาอยู่ดี
เสี่ยวเถียนเห็นแล้วปวดใจจึงรีบบอก “ปู่ฉือ กลับบ้านเรากันนะ!”
ที่บ้านรู้ว่าเธอจะกลับ น่าจะเตรียมของอร่อยไว้แน่นอน
กล่าวอำลาเสร็จ พวกเธอก็ขึ้นรถกัน
ไม่นานคนทั้งสี่ก็เดินทางมาถึงโดยสวัสดิภาพ
ระหว่างทางไม่ได้มีบทสนทนามากนัก
ตระกูลซูเห็นฉืออี้หย่วนปรากฏตัวพร้อมกระเป๋าเดินทาง ใบหน้านั้นเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยก็ได้แต่ตกใจ
เหลียงซิ่วรักฉืออี้หย่วนเหมือนลูกแท้ ๆ
เมื่อเห็นลูกชายที่ดูแลมาหลายปีผอมโซ ก็เบะปากจะร้องไห้ออกมา
เธอมีอะไรอยากพูดเยอะมาก แต่สุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร
คุณย่าซูเป็นคนแรกที่ตอบสนอง “เสี่ยวหย่วน หนูกลับมาตั้งแต่เมื่อไร?”
แม่เจ้า เธอไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม ฉืออี้หย่วนกลับมาจริง ๆ สินะ?
เขาว่าต่างประเทศมันดีนักหนาไม่ใช่หรือ?
แล้วทำไมหลานถึงมีสภาพเป็นแบบนี้ล่ะ?
“ยายแก่อย่าเพิ่งชวนหลานคุย ให้เขาไปนั่งพักเถอะ” คุณปู่ซูรั้งภรรยาเอาไว้
เด็กคนนี้น่าสงสารมาก แค่เห็นก็เหนื่อยแทนแล้ว
คุณย่าซูรีบพยักหน้าแล้วพาเขาไปห้องหลัก
ระหว่างทางก็ไม่ลืมบอกหลานชายอีกคน “เสี่ยวปา ไปเอาอ่างน้ำให้พี่เขาหน่อยไป จะได้ล้างหน้าล้างตา”
เสี่ยวปาตรงดิ่งไปทำหน้าที่ทันที
ก่อนหน้านี้พวกเราพี่น้องยังคิดอยู่ว่าจะไปต่างประเทศบ้างดีไหม
เห็นเขาบอกมันดีงั้นดีงี้ แต่จากสภาพพี่อี้หย่วนแล้วดูไม่เป็นเช่นนั้น
ช่างเถอะ ไม่ไปดีกว่า
เสี่ยวเถียนเอ่ยเขิน ๆ “พี่อี้หย่วนอยากเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนไหม?”
เสื้อยังมีคราบน้ำหูน้ำตาเธอติดอยู่เลย แค่คิดก็เขินจะแย่
ฉืออี้หย่วนยิ้ม เข้าใจความคิดน้องดีจึงลุกขึ้นยืน “งั้นพี่ไปเปลี่ยนก่อนแล้วกัน”
ซูเสี่ยวจิ่วอาสาพาไปเปลี่ยน ทั้งยังช่วยหยิบสัมภาระด้วย
ฉือเก๋อนั่งเฉย ๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่สายตามองตามหลานไม่ละไปไหน
บอกได้ไม่ยากเลยว่าตอนนี้เขาไม่สบอารมณ์มากแค่ไหน
หลานกลับมาทั้งที แต่ไม่มีความสุขสักนิด
กู้เฉิงเซวียนพอเข้าใจเรื่องราวได้ ผู้ชายคนนั้นคงโตมากับบ้านซู แต่ต้องไปต่างประเทศด้วยเหตุผลบางอย่าง
เขาได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมสภาพหลังกลับมาถึงย่ำแย่ขนาดนั้น?