เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1008 พูดออกมาแล้ว
บทที่ 1008 พูดออกมาแล้ว
บทที่ 1008 พูดออกมาแล้ว
สิ่งที่กลัวที่สุดไม่ใช่สายตาแปลก ๆ จากคนอื่น
แต่คือการที่ซูซานกงจะมองตนเองยังไงต่างหาก
ถ้าคิดว่าเธอไม่มีความละอายใจจะทำยังไง?
ผู้หญิงทุกคนก็เหมือนกันทั้งนั้น ซูเสี่ยวเฉ่าไม่อยากให้คนที่ชอบเกิดปมไม่ดีขึ้นในใจ
ซูซานกงเพิ่งเข้าใจว่า ความรู้สึกของตนที่มีต่อเสี่ยวเฉ่าเป็นแบบไหน
แต่เขาไม่กล้าพูดออกไป
ทว่าตอนนี้เหมือนเราทั้งคู่ต่างก็คิดแบบเดียวกัน
สิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกได้ว่าบางทีอาจมีโอกาสอยู่
ชายหนุ่มคิดหนัก
แม้ว่าเราจะเป็นพี่น้องตระกูลเดียวกัน แต่ถ้าดูจากลำดับสายเลือดแล้ว เราอยู่ห่างกันมากเลย ไกลแปดชั่วโคตรได้เลยละ
หากว่าในทางกฎหมายคือ เราใช้ชีวิตด้วยกันได้
อย่างนั้นขอแค่ที่บ้านเห็นด้วยก็หมดปัญหาแล้วละ
ซูซานกงรู้สึกว่าที่บ้านต้องเห็นด้วย
ตอนพี่ใหญ่รู้ว่าร่างกายพี่สะใภ้อ่อนแอที่บ้านยังไม่ว่าอะไร ทั้งยังบอกให้เขาแต่งงานด้วยซ้ำ
ตอนเรื่องพี่รองที่ได้เพื่อนเสี่ยวเถียนมาเป็นคนรัก ที่บ้านก็ไม่เห็นว่าอะไร
ตอนนี้ถึงคราวเขาแล้ว คิด ๆ ดู ที่บ้านน่าจะเห็นด้วยเหมือนกับรอบก่อน ๆ หรือเปล่า?
“เสี่ยวเฉ่า เราลองไปคุยกับพวกเขาดูก็ได้นะ ถึงจะมาจากตระกูลเดียวกัน แต่ก็เป็นเรื่องของบรรพบุรุษนี่ แต่ถ้าในด้านกฎหมายเราทำได้” ซูซานกงทั้งตื่นเต้นระคนเป็นกังวล
พระเจ้าคงรู้ว่ากู้เฉิงเซวียนไล่จีบซูเสี่ยวเฉ่า และรู้ด้วยว่าตอนนั้นตนกระวนกระวายใจแค่ไหน
ทุกครั้งเมื่อเขาเห็นกู้เฉิงเซวียน แทบรอไม่ไหวที่จะไล่อีกฝ่ายออกไป
แต่เพราะไม่ได้มีสถานะอะไรจึงพูดไม่ได้
ซูเสี่ยวเฉ่าคาดไม่ถึงกับคำตอบนี้
เธอจ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ
ที่แท้เขาก็คิดแบบนั้นเองสินะ
“นายพูดอะไรน่ะ? พูดอีกรอบได้ไหม?”
เพราะไม่เชื่อยังไงละ
คงเพราะความปรารถนามันล้นเอ่อจึงทำให้หูฝาด
ด้วยนิสัยที่เป็นคนซื่อสัตย์ ทำไมถึงมีความคิดที่น่าตกใจแบบนี้ได้เล่า?
ชายหนุ่มเชิดคางหญิงสาวให้สายตาอยู่ในระดับเดียวกัน
“เสี่ยวเฉ่า ฉันหมายถึง จริง ๆ แล้วพวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้ แม้ว่าพวกเราจะเป็นคนจากตระกูลซู แต่นั่นมันเป็นเรื่องของบรรพบุรุษ ความสัมพันธ์ของพวกเราเป็นไปได้ในทางกฎหมาย เธอเข้าใจไหม? งั้นจะบอกอีกรอบก็ได้ถ้ายังสับสนอยู่ จะบอกจนกว่าเธอจะกระจ่างเลย”
ซูซานกงปลดปล่อยความหนักอึ้งในใจออกไป
เนื่องจากเสี่ยวเฉ่ามีความรู้สึกต่อตนเอง ถ้าเช่นนั้นตนเองก็ทำให้เสี่ยวเฉ่าผิดหวังไม่ได้ แต่ได้คว้าโอกาสไว้และมุ่งมั่นที่จะอยู่กับเสี่ยวเฉ่าในอนาคต
“แต่คนในครอบครัวจะเห็นด้วยไหม?”
ซูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกว่าพ่อแม่ของเธอไม่เห็นด้วย และคงเป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้อาวุโสของบ้านซูจะเห็นด้วย
สุดท้ายแล้ว พวกเขาทั้งหมดต้องกลับไปยังบ้านเกิด ลำบากแค่ไหนเมื่อต้องกลับบ้านเกิด และเธอก็กลัวโดนนินทาลับหลังด้วย
“ฉันจะหาทางเอง เสี่ยวเฉ่า พวกเรากลับบ้าน คืนวันนี้ ฉันจะบอกปู่ย่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ”
ส่วนเรื่องในครอบครัว ถ้าเพียงแค่ปู่ย่าเห็นด้วย การบอกพ่อแม่ก็เป็นเรื่องง่าย
ส่วนซูฉางจิ่วกับภรรยา ซูเหล่าซานคิดว่า ตนเองก็มีวิธีแก้ปัญหา
ซูเสี่ยวเฉ่าเห็นซูเสี่ยวกงพูดอย่างเฉียบขาดก็เชื่อว่า ซูซานกงทำได้
ซูซานกงจับมือของซูเสี่ยวเฉ่า เดินกลับบ้านตนเองอย่างมุ่งมั่น
เมื่อทั้งสองคนมาถึงบ้านของตระกูลซู ก็ดึกแล้ว แต่ไฟสว่างไสวอยู่
สองคนมองดูกันไปมา นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
พวกเขากำลังจะเปิดประตู จู่ๆ ประตูก็เปิดจากด้านใน
หลังจากนั้น สองคนก็เห็นฉือเก๋อและคนอื่นเดินออกมาจากประตู
ซูเสี่ยวจิ่วผู้เปิดประตู เห็นคนสองคนที่ประตู แสยะยิ้มพร้อมพูดว่า“พี่สาม น้องเสี่ยวเฉ่า พวกคุณทำไมเพิ่งกลับ? พี่อี้หย่วนกับคุณปู่ฉือกำลังจะกลับแล้ว”
ซูเสี่ยวจิ่งเป็นคนเขลา เห็นได้ชัดว่าไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่คนอื่นมองเห็นอย่างแจ่มแจ้ง
ซูซานกงกับซูเสี่ยวเฉ่าสองคนแท้จริงแล้วยืนจับมือกันอยู่ที่ประตู
เกิดอะไรขึ้น?
การกระทำของทั้งสองคนทำให้ทุกคนสับสนทันที
พวกเขาทุกคนรู้ว่า ทั้งสองคนมีความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นนิดหน่อย
แต่พวกเขาเป็นพี่น้องกัน ทำไมถึงยืนจับมือกันล่ะ?
“เสี่ยวเฉ่า?”
“ซานกง?”
ซูเหล่าซานและเหลียงซิ่วเป็นคนแรกที่ตอบสนองด้วยการเรียกชื่อเด็กทั้งสองคน
ซูซานกงฮึบรวบรวมความกล้ากล่าวออกมา
“คุณปู่ คุณย่า ผมมีเรื่องจะบอกครับ”
ผู้อาวุโสทั้งสองของบ้านมองเด็กสองคนหน้าประตู ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงกลับมาด้วยกัน แถมยังทำตัวใกล้ชิดกันอีก
“เธอมีเรื่องอะไร เข้าบ้านมาคุยก่อนสิ”
เป็นซูเหล่าซานที่เอ่ยขึ้นแทน
“พ่อสาม ผมอยากบอกว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่วันนี้ทุกคนอยู่ครบพอดี ดังนั้นผมก็จะพูดความในใจออกมา”
ซูซานกงพูดอย่างหนักแน่น
ซูเหล่าซานรู้สึกได้ชัดเจนว่ามีบางสิ่งบางอย่างไม่ถูกต้อง
พฤติกรรมของเด็กสองคนในตอนนี้ชักจะแปลก ๆ แล้วสิ
ทำไมเขารู้สึกว่าสิ่งที่ซูซานกงจะพูดตอนนี้ อาจเป็นเรื่องอื้อฉาวในครอบครัว ทำให้ตระกูลซูทั้งหมดตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก
เขาพยายามที่จะห้ามปรามซูซานกง
อย่างไรก็ตาม ซูซานกงเหลือบมองซูเสี่ยวเฉ่าและดูมุ่งมั่นมาก
คำบางคำถ้าไม่ได้พูดออกมาในตอนนี้ เขาคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตนเองยังมีความกล้าที่จะพูดออกมาต่อไปหรือไม่?
“ผมตัดสินใจว่าอยากจะใช้ชีวิตกับเสี่ยวเฉ่าครับ คุณปู่คุณย่า ช่วยให้พวกเราได้สมปรารถนาด้วยนะครับ” เมื่อซูซานกงพูดเช่นนี้ เขาก็คุกเข่าลงบนพื้นพร้อมกับก้มลง
คุณปู่ไม่คาดคิดว่า หลานชายจะพูดแบบนั้นจริง ๆ
เป็นไปได้ยังไง?
คุณปู่ซูที่แข็งแรงมาตลอดชีวิต เวลานี้ยืนให้มั่นคงยังไม่ได้เลย โซเซเกือบจะหกล้ม
โชคดีที่ฉืออี้หย่วนยืนอยู่ข้าง ๆ สายตาที่ว่องไวและมือที่รวดเร็วจึงช่วยไว้ได้
แต่ฉืออี้หย่วนเองก็รู้สึกแปลกมากเช่นกัน
ซูซานกงกับซูเสี่ยวเฉ่า ทั้งสองคนเป็นพี่น้องกันไม่ใช่หรือ?
แม้ว่าพวกเขาจะเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่ก็ยังเป็นพี่น้องกันใช่ไหม?
อย่างไรก็ตาม เขาเห็นว่าซูซานกงในตอนนี้ตื่นเต้นมาก แต่กลับมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวมาก
“ซานกง เธอพูดถึงอะไรน่ะ? เธอกับเสี่ยวเฉ่าจะเป็นไปได้ยังไง?” ซูเหล่าซาน
เขายังกังวลว่าพ่อกับแม่จะโมโหจนอกแตกตาย เลยขยิบตาให้หลาน
มีไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่า เด็กสองคนนี้เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ความเป็นจริงยังไม่ชัดเจนว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่คืออะไร
“พ่อสาม ผมชอบเสี่ยวเฉ่า ชอบมานานแล้ว ผมอยากอยู่ด้วยกันกับเธอ ตามกฎหมายแล้ว พวกเราสืบเชื้อสายมามากกว่าสามรุ่นแล้ว ไม่เกี่ยวข้องทางสายเลือดและสามารถแต่งงานได้
ซูซานกงมีบุคลิกที่แน่วแน่มาตลอด แต่วันนี้ เป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่ต้องยึดมั่นในความคิดของตัวเองอย่างดื้อดึง
เขารู้ดีว่า ถ้าวันนี้เขาไม่พูดทุกอย่างออกมาในครั้งเดียว เขาก็อาจไม่มีโอกาสอีกในอนาคต
เมื่อพูดแบบนี้ก็มีคนได้ยินมามาก ไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกพูดถึงในอนาคตหรือไม่ หลังจากนั้นสิ่งนี้จะกลายเป็นเงาตามตัวเขาไป
ในกรณีนี้ ขั้นตอนเดียวก็เพียงพอ
“ซานกง แกทำเช่นนี้ได้อย่างไร? เป็นไปได้ยังไง… นี่คือน้องสาวของแกนะ!”
“คุณปู่ ไม่ใช่ เสี่ยวเฉ่ากับผมมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ห่างไกลกันมาก พวกเราสามารถอยู่ด้วยกันได้”
ซูซานกงเถียงด้วยเหตุผล
คุณย่าซูถอนหายใจหรือว่านี่คือโชคชะตา?
เด็กสองคนนี้ดูไม่เหมือนไปเที่ยวพักผ่อนมาเลย
“เสี่ยวเฉ่า หนูเต็มใจที่จะอยู่ด้วยกันกับซานกงหรือเปล่า?” คุณย่าซูไม่ได้ถามหลานชายของตน แต่เลือกที่จะถามซูเสี่ยวเฉ่า
ถ้าซูเสี่ยวเฉ่าเห็นด้วยทุกอย่างก็คุยกันได้ง่าย หากซูเสี่ยวเฉ่าไม่เห็นด้วย คุณย่าซูจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
เดิมที ซูเสี่ยวเฉ่ารู้สึกเขินอายมากเมื่อทุกคนมองมาที่เธอ และเมื่อคุณย่าซูถามตนในตอนนี้ เธอกลับรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย
———————