เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1011 ตาแก่โดนด่า
บทที่ 1011 ตาแก่โดนด่า
บทที่ 1011 ตาแก่โดนด่า
พี่น้องคนอื่น ๆ ของตระกูลซูไม่กล้าพูด ก็ไม่ต้องพูดถึงซูซานกงที่เป็นคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลย
ซูซานกงจับมือของซูเสี่ยวเฉ่า ยืนเคียงข้างกันอย่างว่านอนสอนง่าย
แต่ไม่ว่าเขาจะว่านอนสอนง่ายอย่างไร คุณปู่ซูก็ยังมองเขาด้วยสายตาเย็นยะเยือก
คุณย่าซูจ้องคุณปู่ซู ก่อนพูดว่า “ตาเฒ่า เรื่องของหนุ่มสาว คุณก็ไม่ต้องนึกห่วงไปหรอก พวกเขาเข้ากันดีออก”
คุณปู่ซูเห็นสายตาของคุณย่าซู แม้ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไร แต่เขาเชื่อในตัวคุณย่าซูตลอดมา ดังนั้นเขาจึงนิ่งเงียบ
คุณปู่ซูกลับห้องด้วยความโกรธ คุณย่าซูก็เดินกลับไปที่ห้องด้วย
ซูเสี่ยวเถียนเดาว่าคุณย่าน่าจะบอกความจริงกับคุณปู่
ท้ายที่สุดถ้าเรื่องราวในคืนนี้ทำให้คุณปู่ไม่รู้สึกสบายใจ เดาว่าคุณปู่คงไม่นอนทั้งคืน
อายุก็มากแล้ว แต่จัดการปัญหาไม่ได้นี่นะ
ซูเหล่าซานมองคนสองคนที่ยังยืนจับมือกัน ก่อนกล่าวด้วยความโกรธ “ไอ้เด็กคนนี้ ดูซิว่าแกทำอะไรไว้ ปู่โมโหจะตายอยู่แล้ว ฉันจะดึงหูให้”
“พ่อสาม ผมผิดไปแล้ว แต่ผมชอบเสี่ยวเฉ่าจริง ๆ เดิมทีผมคิดว่าเสี่ยวเฉ่า เธอ… ผมไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวเฉ่าจะมีใจให้ผมเหมือนกัน”
เขามองเสี่ยวเฉ่าแววตาที่เต็มไปด้วยความรักและพูดว่า “ถ้าเสี่ยวเฉ่าไม่มีผมอยู่ในใจ ผมคงไม่พูดคำนั้นออกไปไม่ว่ายังไงก็ตาม”
“ผมจะเฝ้าดูเสี่ยวเฉ่า หากเธอพบคนที่ชอบเธอและเธอก็ชอบคนนั้นด้วย จนถึงใช้ชีวิตอย่างสงบสุข”
แต่ตอนนี้เสี่ยวเฉ่าชอบเขา แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมแพ้
“ช่างเถอะ แกลองคิดดูว่าลุงฉางจิ่วจะว่ายังไงดีกว่า!”
ซูเหล่าซานรู้สึกว่า พี่ฉางจิ่วจะจัดการกับเด็กเหลือขอคนนี้ที่ลักพาตัวลูกสาวของเขาไปแน่นอน
ฮึ!
ในเมื่อเป็นพ่อคนเหมือนกัน เขาย่อมเข้าใจ!
ซูซานกงยิ้มและมองไปที่ซูเสี่ยวเฉ่า “ไม่เป็นไร ถึงแม้ลุงฉางจิ่วจะตัดขาดกับผมก็ไม่เป็นไร เพราะแค่ได้ครองคู่กับเสี่ยวเฉ่าแล้ว ย่อมคุ้มค่า!”
ซูเหล่าซานทนดูไม่ไหว เขาจับมือภรรยาของตนแล้วพูดว่า “อย่าดูเด็กเหลือขอคนนี้อวดดีเลย กลับไปที่ห้องกันเถอะ”
หลังจากที่พวกผู้เฒ่าจากไป ซูซานกงยังคงอยากอยู่กับซูเสี่ยวเฉ่า แต่กลับถูกพวกพี่น้องรั้งไว้
ทุกคนแย่งกันถามว่าพวกเขาเข้ากันได้ตั้งแต่เมื่อไร ซึ่งวุ่นวายมากเสียจนซูซานกงไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไร
ตอนนี้เองที่คุณปู่ซูกับคุณย่าซูสองคนกำลังคุยกันอยู่ในห้องด้วย
“ยายเฒ่า วันนี้เธอเป็นอะไรเนี่ย?” คุณปู่ซูยังคงไม่เข้าใจ เกิดอะไรขึ้นกับยายเฒ่าของเขา?
หากว่ากันตามจริงแล้ว ยายเฒ่าย่อมไม่ยินยอมให้เด็กสองคนอยู่ด้วยกัน
“ตาแก่ ฉันมีอะไรจะบอกให้ฟัง เรื่องที่ไม่ได้เล่าให้ตั้งแต่ทีแรก แต่เพราะเด็กสองคนนั้น…”
พอพูดถึงเรื่องนี้แล้ว คุณย่าซูก็ถอนหายใจ
คุณปู่ซูตกใจ ก่อนจะรีบถามไถ่ “ซานกงเป็นเด็กที่เหล่าต้าเก็บมาเลี้ยงหรือ?”
คุณปู่ซูคิดได้แค่ความเป็นไปได้นี้เท่านั้น
แต่เมื่อคิดอีกที กลับรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ถูกต้อง
ตอนซูซานกงเกิด เขาก็อยู่ที่บ้าน ทั้งยังเห็นด้วยตาตัวเองว่าเด็กคนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเขาเพิ่งเกิดมา จึงไม่ได้ถูกเก็บมาแน่นอน
คุณยายซูจ้องมองคุณปู่ซู “เป็นไปได้หรือ?”
ตาเฒ่าคนนี้ ยิ่งครุ่นคิดมากขึ้นเรื่อย ๆ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“เสี่ยวเฉ่า เด็กคนนี้คือเด็กที่อาจารย์เซี่ยหนานให้กำเนิดด้วยตัวเอง เดิมทีถูกเก็บมาเลี้ยงดูโดยคู่สามีภรรยาฉางจิ่ว”
คุณปู่ซูตะโกนเสียงดังด้วยความตกใจ
คุณย่าซูก็รีบทุบเขาแล้วพูดว่า “ร้องเสียงดังหาหอกอะไรเนี่ย? เบาหน่อยซี่ เดี๋ยวเด็กมันก็ได้ยินกันหมดหรอก!”
คุณปู่ซูลดเสียงลงแล้วถามว่า “เธอไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
เหตุใดจึงไม่มีข้อมูลเปิดเผยว่าเสี่ยวเฉ่าถูกรับเลี้ยงมา?
ยายเฒ่าจะไม่โกหกเพียงเพื่อให้เด็กสองคนนี้อยู่ด้วยกันหรอกใช่ไหม?
“เป็นจริงแน่นอน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ เสี่ยวเถียนพาอาจารย์เซี่ยไปยืนยันเรื่องนี้ที่หมู่บ้านของเรา ลองคิดดูสิ เสี่ยวเฉ่าเด็กคนนี้ เหมือนอาจารย์เซี่ยหนานไม่ใช่หรือ?”
คุณย่าซูอธิบาย
พอไม่พูดก็ดูไม่ออกเลยแฮะ แต่พอคุณย่าซูพูดในตอนนี้ คุณปู่ซูก็ตระหนักว่าเรื่องราวอาจเป็นเช่นนั้น
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้น คุณรู้เรื่องนี้ตั้งแต่เมื่อไร?” คุณปู่ซูถาม
“ก็ตอนที่เสี่ยวเถียนกำลังจะไปที่หมู่บ้านหนานหลิงน่ะสิ”
คุณปู่ซูได้ยินสิ่งที่คุณยายซูบอก เสี้ยววินาทีนั้นพลันรู้สึกว่าชีวิตไม่สวยงามอีกต่อไป
มีเรื่องที่หลานรักบอกยายเฒ่า แต่ปกปิดเขาไว้ด้วยหรือเนี่ย
นี่เขาถูกรังเกียจหรือเปล่า?
คนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต คุณย่าซูจะไม่เห็นสิ่งที่คุณปู่ซูกำลังคิดได้อย่างไร?
“อย่าคิดว่าจะมีอะไรหรือไม่ เดิมทีนี่ไม่ใช่สิ่งที่หลายคนควรรู้”
“แล้วคุณรู้ได้อย่างไร” คุณปู่ซูยังคงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกแบบนี้
“นั่นคือสิ่งที่ฉันค้นพบจากการสังเกตเองไม่ใช่หรือ? คุณไม่เคยทำอะไรด้วยซ้ำ แล้วยังจะโทษเสี่ยวเถียนที่ไม่บอกคุณหรือ?”
“ถึงอย่างนั้นแต่คุณก็ปกปิดผมด้วย!” คุณปู่ซูกล่าวโทษต่อไป
เขารู้สึกว่าทั้งหลานรักและคนรักต่างทรยศเขา
คุณย่าซูจ้องมองเขาด้วยความโกรธ
“ยิ่งคุณอายุมากเท่าไร คุณก็ยิ่งโลภมากเท่านั้น ฉันไม่เคยเห็นคุณเป็นแบบนี้มาก่อนเลย!”
หลังจากคุณย่าซูบ่นตาเฒ่าของตนเสร็จแล้ว ก็มีความสุขขึ้น
ผู้เฒ่าบ้าคนนี้ ยิ่งอยู่นานก็ยิ่งไม่สนใจอะไร คงไม่กลัวเป็นที่ขบขันของหลาน ๆ ด้วยกระมัง
“เอาละ คุณอย่ามองฉันแบบนั้น ไปนอนกันเร็ว”
หลังจากคุณย่าซูพูดแบบนี้ ก็ปูที่นอนเตรียมเข้านอน โดยไม่สนใจคุณปู่ซูอีก
เดิมทีคุณปู่ซูคิดว่ายายเฒ่าจะปลอบใจเขาสักสองสามคำ ใครจะรู้ว่าเธอก็เตรียมตัวเข้านอนแล้ว
“ยายเฒ่าบอกฉันสิ คุณไม่ชอบฉันหรือ?”
เมื่อคุณย่าซูได้ยินดังนั้น เธอก็ลุกขึ้นนั่งแล้วกล่าวว่า “ตาเฒ่าบ้านี่ ทำไมคุณถึงชอบหาเรื่องขนาดนี้ฮึ? ฉันไม่มีเหตุผลต้องบอกคุณนี่? งั้นคุณบอกฉันหน่อย ว่าเรื่องนี้ควรเล่าให้คุณฟังไหม?”
“คู่สามีภรรยาทำงานอย่างยากลำบากเพื่อเลี้ยงดูลูกสาวมาตลอด พอตอนนี้แม่ผู้ให้กำเนิดปรากฏตัวแล้ว และทั้งสองครอบครัวได้หารือกันเรื่องนี้แล้ว ถ้าพวกเขาไม่พูดถึง ฉันจะบอกคนอื่นได้หรือ?”
“เราอยู่ด้วยกันมาครึ่งชีวิตแล้ว คุณคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นหรือ?”
คุณย่าซูยิ่งดุยิ่งโกรธมากขึ้น คุณปู่ซูพลันเงียบไม่กล้าพูด แสร้งทำเป็นนกกระทา
ยายแก่นี่จะด่าเก่งตั้งแต่สาวยันแก่เลยหรือ?
คิดว่าแก่ตัวแล้วนิสัยจะเปลี่ยนเสียอีก
หากรู้ก่อนหน้านี้ ตนคงปรับปรุงตัวมากกว่านี้
“ฉันเล่าให้ฟังแล้วช่วยทำเป็นไม่รู้เรื่องราวด้วยล่ะ พรุ่งนี้โทรหาฉางจิ่วดูว่าเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
“ถ้าฉางจิ่วไม่เห็นด้วย พวกเราก็แกล้งทำเป็นไม่รู้ แต่ต้องไม่พูดเรื่องนั้นออกมาเด็ดขาด”
ความคิดของคุณย่าซูนั้นเรียบง่ายมาก ถึงอย่างไรเรื่องนี้ เด็กสองคนนั้นก็ไม่รู้
แต่เมื่อถึงเวลานั้น ฉางจิ่วสองสามีภรรยาไม่เห็นด้วย เรื่องขอแต่งงานย่อมไม่เกิดขึ้นแน่นอน
เสี่ยวเฉ่าเป็นเด็กกตัญญูอีกทั้งยังเชื่อฟัง ถ้าเพียงฉางจิ่วสองสามีภรรยาบอกเช่นนั้น เธอจะเชื่อฟังแน่นอน
คุณปู่ซูได้เรียนรู้จากบทเรียนครั้งนี้แล้ว จึงไม่กล้าที่จะรอช้า พยักหน้าและตอบตกลง
“เข้าใจแล้ว ที่เธอพูดก็จริงนะ ฉันจะไม่บอกใครเด็ดขาด”
“แต่วันนี้ฉันค้านหัวชนฝาขนาดนั้น คงตีมึนตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ!”
ชายชราขบคิด พรุ่งนี้จะทำหน้ายังไง รู้สึกยังไงดีถึงจะไม่ดูผิดปกตินะ?
———————