เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1014 เขาชอบเธอ
บทที่ 1014 เขาชอบเธอ
บทที่ 1014 เขาชอบเธอ
ซูซานกงที่ยืนรับโทรศัพท์อยู่ด้านข้างอย่างนอบน้อม รู้สึกตื่นเต้นมาก
ในขณะนั้น ฉืออี้หย่วนก็เข้ามา
เห็นซานกงเป็นเช่นนี้ ก็แปลกใจเล็กน้อย
ปกติซานกงไม่ได้มีนิสัยแบบนี้
เขามักจะสุขุมเสมอ นิสัยแบบนั้นทำให้ทุกอย่างดูเป็นเรื่องง่าย
ดังนั้นปกติเขาจะไม่มีช่วงที่ตัวสั่นงันงก หรือระมัดระวังเรื่องหยุมหยิมแบบนี้
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัยว่าใครอยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ถึงทำให้ซูซานกงแสดงสีหน้าเช่นนี้ออกมาได้
ในตอนนี้เองที่เขาได้ยินซานกงเอ่ยขึ้นอีกครั้ง
“ลุงฉางจิ่ว คุณวางใจได้ ผมจะทำดีกับเสี่ยวเฉ่าไปตลอดชีวิตแน่นอน จริง ๆ ถ้าผมปฏิบัติต่อเธอไม่ดี คุณหักขาของผมได้เลย!”
คุณปู่ซูรู้สึกว่า นี่มันน่าอายเกินกว่าจะฟังต่อไป คำพวกนี้คืออะไร?
ไอ้นี่มันไร้ประโยชน์จริง ๆ
คุณย่าซูก็หันศีรษะหนี ไม่อยากมองจริง ๆ หลานชายคนที่สามมีสภาพเป็นแบบนี้ได้ยังไง
ซูเหล่าซานสองสามีภรรยาอดไม่ได้ที่จะปิดปากหัวเราะ
เสี่ยวเถียนเองก็ตื่นเต้น นี่ถือได้ว่าเป็นยุคมืดของพี่สามเลย!
น่าเสียดายที่ยุคนี้ยังไม่มีโทรศัพท์ ถ้ามีเครื่องมือถ่ายวิดีโอเทปราคาถูกเหมือนยุคหลัง ก็สามารถหยิบออกมาให้ลูกพี่สามดูแล้ว
ฉืออี้หย่วนจำได้หลังจากได้ยินสิ่งนี้ แต่เขาสงสัยเพียงว่าเรื่องแค่นี้เองหรือ?
เขาจะลืมได้อย่างไรว่า ซานกงตกหลุมรักซูเสี่ยวเฉ่า และนี่ก็เป็นการขอความคิดเห็นจากพ่อตาในอนาคต
ผลลัพธ์ที่ได้ดีกว่าที่เขาคาดหวังไว้
เขาเดาว่าซูฉางจิ่วจะไม่เห็นด้วย
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยไปมาหาสู่กับซูฉางจิ่วเพราะปัญหาเรื่องอายุ แต่ก็รู้ว่าด้วยนิสัยของซูฉางจิ่ว เขาจะเห็นด้วยกับการแต่งงานครั้งนี้ได้อย่างไร?
ซูฉางจิ่วไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นคนหัวโบราณ แต่เขาใส่ใจกฎเกณฑ์ของครอบครัวเป็นอย่างมาก
ซูเสี่ยวเฉ่ากับซูซานกง ความสัมพันธ์แม้จะบอกว่าสามารถแต่งงานกันได้ ก็แต่งงานได้ แต่ถ้าซูฉางจิ่วยืนยันไม่เห็นด้วย เขาก็คาดว่าทั้งสองคนคงทำอะไรไม่ได้
แต่นั่นไม่ใช่จุดที่เขากังวล สิ่งที่เขาสนใจตอนนี้คือควรพาเสี่ยวเถียนออกไปก่อน
“เสี่ยวเถียน พวกเราออกไปเล่นกันดีไหม?” ฉืออี้หย่วนลดเสียงลงพูดกับเสี่ยวเถียน
เดิมทีเสี่ยวเถียนกำลังชมการแสดงอย่างสนใจ จึงไม่เห็นว่าฉืออี้หย่วนมา
จู่ ๆ เมื่อเห็นชายหนุ่ม เธอยังแปลกใจอยู่เลย
“พี่อี้หย่วน มาตั้งแต่เมื่อไรคะ? กินข้าวเช้าหรือยัง?”
ซูเสี่ยวเถียนหัวเราะ “ฮิฮิ” พลางดึงแขนเสื้อของฉืออี้หย่วนแล้วเอ่ยขึ้น
ฉืออี้หย่วนบีบหน้าเล็ก ๆ ของซูเสี่ยวเถียนแล้วพูดว่า “กินแล้ว เป็นโจ๊กที่คุณย่าอวี่ทำ ให้น่ะ”
“กินมาแล้วหรือ เรากำลังทำกับข้าวกันอยู่เลย” หญิงชราเอ่ยโกรธ ๆ “พรุ่งนี้ไม่ต้องทำกินเองนะ มากินข้าวบ้านย่าเถอะ คนเยอะคึกคักดี”
ฉืออี้หย่วนหัวเราะ
คนเยอะคึกคักจริง ๆ แต่คนเยอะทำอาหารก็เหนื่อยนะ
เดิมทีตระกูลซูก็เป็นตระกูลที่มีประชากรเยอะ เพิ่มพวกเขาอีกสักคน จะไม่สร้างความลำบากให้หรือ?
แต่แน่นอนว่าตนไม่สามารถพูดแบบนี้ได้ ฉืออี้หย่วนจึงแย้มยิ้มและพูดว่า “เข้าใจแล้วครับคุณย่า”
“เด็กคนนี้โตแล้วรู้จักเกรงใจหรือเนี่ย? ตอนเด็กยังไม่เห็นเป็นแบบนี้เลย”
“คุณย่า จะเหมือนเดิมเมื่อตอนเด็ก ๆ ได้อย่างไร ในเมื่อโตขึ้นก็ควรมีบุคลิกที่โตขึ้นสิครับ” เสี่ยวลิ่วพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉืออี้หย่วน นายพูดถูก!”
ฉืออี้หย่วนยิ้มและพยักหน้า “เสี่ยวลิ่วพูดถูก”
เสี่ยวลิ่วหมดคำจะพูดกับคำพูดของฉืออี้หย่วน
ท้ายที่สุด ฉืออี้หย่วนก็ไม่สามารถพาเสี่ยวเถียนออกไปตามลำพังได้
เพราะคริสติน่ามาแล้ว
คริสติน่ามาเร็วกว่าที่ฉืออี้หย่วนคาดไว้ สิ่งนี้ทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถพาเสี่ยวเถียนออกไปข้างนอกได้ตามที่เขาต้องการ
ยิ่งกว่านั้น ช่างเถอะ หลังจากที่คริสติน่ามาถึง ก็เข้ายึดครองเพื่อนที่ดีของเขาทันที
เสี่ยวเถียนกับคริสติน่าไม่ได้พบกันมาหลายปีแล้ว เมื่อทั้งสองคนพบกัน จึงมีความสนิทสนมกันมากอย่างเป็นธรรมชาติ
“เสี่ยวเถียน ฉันเอาของขวัญมากมายมาให้เธอเลยนะ ไม่ใช่แค่ของเธอนะ ยังมีของคุณปู่คุณย่า และของขวัญของพวกคุณอาคุณป้าอีก”
เมื่อคริสติน่าสั่งให้คนขนกระเป๋าอีกหลายใบตามเข้ามา ฉืออี้หย่วนยังตกใจเมื่อเห็นมัน
เขารู้ว่า ตอนคุณคริสติน่ามาคราวนี้ เธอได้นำกล่องใบใหญ่หลายกล่องมาด้วย
เขาในตอนนั้นก็ยังอยากรู้อยากเห็นว่า อยู่ประเทศจีนแค่ห้าหกวัน ทำไมเธอถึงต้องนำสัมภาระมาเยอะขนาดนี้ด้วย
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ที่แท้สิ่งเหล่านี้ก็เป็นของขวัญสำหรับเสี่ยวเถียน และคนในตระกูลซูนี่เอง
ฉืออี้หย่วนยังคงอยากรู้อีก เพราะแม้ว่าคุณคริสติน่าจะเป็นคนที่ดีมาก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับเสี่ยวเถียน ทั้งสองก็ยังมีอายุที่ห่างกัน แต่ทำไมเธอถึงชอบเสี่ยวเถียนมากขนาดนี้
พอเห็นทั้งสองคนนั่งจับมือคุยกันอย่างอบอุ่นและอ่อนโยน ฉืออี้หย่วนพลันรู้สึกอิจฉา
แต่ไม่ว่าจะอิจฉาขนาดไหน แล้วอย่างไรล่ะ?
คนหนึ่งคือคนที่ตนนึกถึงตลอดเวลา ส่วนอีกคนก็เป็นเจ้านายของตน
เขาใช้ชีวิตอยู่เยอรมนีนานมากกว่าหนึ่งปีอย่างยากลำบาก เนื่องจากพ่อแม่ที่ไร้ยางอายของเขาตัดเงินทุนสำหรับดำเนินชีวิต ทั้งยังบอกให้บริษัทต่าง ๆ แบนเขา เพื่อทำให้เขายอมแพ้เสีย
แต่พอตอนนี้หางานได้แล้ว ก็ถือว่าโชคดีมากแล้ว
เขาหวงแหนงานนี้มาก เพราะท้ายที่สุดแล้ว อีกหนึ่งปีข้างหน้าเขาก็ยังต้องพึ่งพางานนี้เพื่อเลี้ยงดูตนเอง
อีกทั้งฉืออี้หย่วนยังมีอสังหาริมทรัพย์บางอย่างในเมืองหลวง ก่อนเขาออกเดินทางไปต่างประเทศ ได้มอบความไว้วางใจในการบริหารดูแลอุตสาหกรรมเหล่านี้ให้กับซูเสี่ยวซื่อ
ถึงแม้เขาจะสามารถนำเงินบางส่วนกลับมาใช้ที่เยอรมันได้ และทำให้ตัวเองมีชีวิตที่ดีขึ้น แต่ฉืออี้หย่วนไม่ต้องการทำอย่างนั้นในตอนนี้
บริษัทที่เขาอยู่ในปัจจุบัน เป็นบริษัทขนาดใหญ่ การพัฒนาขยายตัวอย่างรวดเร็ว ฉืออี้หย่วนคิดว่า การทำงานที่นี่สามารถเรียนรู้ และได้รับความรู้มากมาย นอกจากนี้ความรู้นี้ไม่สามารถเรียนรู้ได้จากหนังสือ
เขาวางแผนที่จะเรียนรู้รูปแบบการดำเนินงานของบริษัทขนาดใหญ่อย่างจริงจัง รอเมื่อกลับประเทศของตนในอนาคต เพื่อให้บริษัทของเขาเองได้พัฒนามากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
ถูกต้อง ฉืออี้หย่วนมีแผนอยู่แล้ว เงินที่ได้กำไรตอนนี้ หลังจากตนกลับมาประเทศจีน ก็พอจะประคับประคองตนเองเพื่อก่อตั้งบริษัทได้ จากนั้นจึงเริ่มดำเนินการอย่างเป็นทางการ
ฉืออี้หย่วนรู้ว่า หลังจากตนกลับเยอรมันไป เขาจำเป็นต้องเร่งการพัฒนา ไม่เช่นนั้นอาจพลาดโอกาส
ที่เขารีบร้อนแบบนี้ ก็มีเหตุผลอยู่
แค่ปีเดียวทรัพย์สินของตระกูลซูได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว หากเขาพัฒนาไม่เร็วพอ เมื่อเสี่ยวเถียนโตขึ้น ก็อาจทำให้ฐานะของทั้งสองคนเกิดความเหลื่อมล้ำกัน
ไม่แน่ว่าตนในตอนนั้นก็คงทำได้แค่ยืนเหมือนซูซานกงก้มหัวปลก ๆ เพื่อสู่ขอลูกสาวก็เป็นได้
เมื่อคิดถึงฉากนั้น ฉืออี้หย่วนก็อดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มบนใบหน้า
เสี่ยวเถียนมองมาพอดี จึงเห็นรอยยิ้มแพรวพราวบนใบหน้าของชายหนุ่ม
“พี่อี้หย่วน พี่ยิ้มอะไร?”
“ไม่มีอะไร แค่คิดเรื่องอะไรนิดหน่อย”
“เสี่ยวเถียน เธอกับคุณฉือสนิทกันมากเลยหรือ? ทีแรกคิดว่ารู้จักกันเฉย ๆ เสียอีก”
คริสติน่าก็มองออกแล้ว สองคนนี้มีใจตรงกัน ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะเปรียบเทียบได้
“ฉันคิดว่า คุณฉือชอบเธอนะ!”
หลังจากคริสติน่าจ้องมองทั้งสองคนมาสักพักหนึ่ง จู่ ๆ ก็มีประโยคนี้หลุดออกมา
แต่เสี่ยวเถียนตกใจจริง ๆ คริสติน่าพูดอะไร?
ฉืออี้หย่วนชอบเธอ?
หมายความว่าอะไร?
“แต่เขาเป็นพี่ชายฉันนะ!” เสี่ยวเถียนรีบบอก
พี่อี้หย่วนจะได้เป็นเจ้าคนนายคนในอนาคต แล้วจะมาชอบเธอได้ยังไง?