เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1018 เรื่องราวที่ผ่านมา
บทที่ 1018 เรื่องราวที่ผ่านมา
บทที่ 1018 เรื่องราวที่ผ่านมา
แม้ซูเสี่ยวซื่อกับคริสติน่าจะมีปัญหาด้านกำแพงภาษา แต่พวกเขาก็มีอะไร ๆ ที่เหมือนกันหลายอย่าง
ด้วยความช่วยเหลือของล่ามทั้งสองทำให้พวกเขายิ่งเข้าขากันได้มากขึ้น
ในไม่ช้า หัวข้อบทสนทนาก็ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ความร่วมมือแล้ว
ตอนนี้เป็นเรื่องสถานที่ หรือไม่ก็อุทยานแห่งนี้ที่พวกเรากำลังยืนอยู่
คริสติน่ายังคงสนใจวัฒนธรรมตะวันออกโบราณอยู่ ด้วยรูปแบบสถาปัตยกรรมของที่นี่แตกต่างจากที่เธอเคยเห็นมาก่อนโดยสิ้นเชิง
“ฉันสงสัยมากว่าทำไมสวนสวย ๆ แบบนี้ถึงเรียกว่าพระราชวังฤดูร้อน*[1]ล่ะ?”
เธอไม่รู้ว่าเขียนยังไง และมีความหมายว่าอะไรด้วย
“ในภาษาจีนของเราคำว่า อี๋ (颐) หมายถึงการดูแลสุขภาพให้มีชีวิตยืนยาว เหอ (和) มาจากในสำนวน 心平气和 (ซินผิงชี่เหอ) หมายถึง ความสุภาพและเยือกเย็น พระราชวังฤดูร้อนจึงหมายถึง สถานที่ซึ่งผู้สูงอายุที่เกษียณอายุมาพักผ่อนหย่อนใจน่ะ”
อันที่จริงซูเสี่ยวซื่อไม่ได้รู้อะไรมากหรอก แต่ก็ยังพยายามอธิบายให้เข้าใจ
เขากลัวอีกฝ่ายจะผิดหวังเอาน่ะ
ที่จริงคริสติน่าไม่ได้ผิดหวังหรอก แค่งงมากกว่า
เธอไม่เข้าใจวัฒนธรรมจีนเอาเสียเลย มันซับซ้อนขนาดนี้เชียวหรือ?
แถมยังดูไม่เหมือนสถานที่ที่คนเกษียณอายุจะมาเที่ยวได้ด้วยซ้ำ
สวนตั้งใหญ่คนแก่ที่ไหนจะมาอยู่?
หรูกว่าเรือนทำอาหารของซูสีไทเฮาอีกไม่ใช่หรือ?
คริสติน่าถามสิ่งที่สงสัยออกไป
แต่ซูเสี่ยวซื่อไม่เข้าใจ เขาเกาหัวแล้วมองน้องสาวด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
ทุกคนในบ้านรู้ว่าเสี่ยวเถียนคือสารานุกรมเดินได้ ไม่มีอะไรที่เจ้าตัวไม่รู้หรอก
ฉืออี้หย่วนเป็นฝ่ายอธิบายด้วยภาษาเยอรมัน
ความรู้เขากว้างขวางกว่าซูเสี่ยวซื่อเยอะ
“เมื่อก่อนเราไม่ได้เรียกที่นี่ว่าพระราชวังฤดูร้อนหรอกนะ แต่เรียกว่าอุทยานชิงอีน่ะ มันเป็นสวนแห่งสุดท้ายที่สร้างขึ้นท่ามกลางเขาทั้งสามแห่งอุทยานทั้งห้าที่มีชื่อเสียงของเมืองหลวง ตั้งแต่สมัยราชวงศ์ชิงนู่นเลย”
น้ำเสียงของเขามีเสน่ห์อยู่แล้ว พอพูดภาษาเยอรมันจึงยิ่งมีเสน่ห์เข้าไปอีกทำให้คนฟังรู้สึกสบายใจมาก
เสี่ยวเถียนฟังพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ หญิงสาวผู้มีใบหน้างดงามดูสงบเสงี่ยมมากกว่าเดิม
คราวนี้ซูเสี่ยวซื่อเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น
“อี้หย่วน ช่วยพูดแบบเมื่อกี้แต่เป็นภาษาจีนได้ไหม?”
เขาไม่เข้าใจเลย!
เสี่ยวเถียนระเบิดเสียงหัวเราะ
“พี่สี่อย่าขัดสิ เดี๋ยวหนูแปลให้
ฉืออี้หย่วนยิ้มตอนได้ยินบทสนทนา จากนั้นก็เล่าเรื่องราวให้เพื่อนชาวต่างชาติได้ฟัง
“ส่วนเขาทั้งสามอุทยานทั้งห้า คืออุทยานจิ้งอี๋บนเขาเซียงชาน อุทยานจิ้งหมิงบนเขาอวี้เชวียน อุทยานชิงอีบนเขาว่านโซ่ว อุทยานหยวนหมิง และอุทยานช่างชุน”
จริง ๆ เขาไม่อยากพูดถึงหรอก เพราะสุดท้ายแล้วก็โดนพวกทหารพันธมิตรแปดชาติ*[2]ทำลายไปจนหมด
แต่ชายหนุ่มยังคงเล่าออกไป
คริสติน่าปิดปากด้วยความตกใจ
มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?
เธอไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย รู้แค่ว่าประเทศเรามีของจากประเทศจีนอยู่ในพิพิธภัณฑ์เพียบ
ที่แท้ก็ได้มาจากความรุนแรงแบบนี้เองหรือ?
หญิงสาวรู้สึกเขินอายที่ต้องเผชิญหน้ากับเพื่อน ๆ ชาวจีนที่เป็นมิตรกับตนแบบนี้
คริสติน่าหมายจะพูดบางอย่าง แต่ไม่รู้จะว่ายังไงดี
อธิบายหรือ?
เธอไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง และควรอธิบายด้วยหรือเปล่า
ต่อให้อธิบายได้ แต่มาพูดตอนนี้จะพูดยังไงล่ะ?
ให้ขอโทษ?
แล้วจะขอโทษในฐานะอะไร?
มันชดเชยความเจ็บปวดได้ไหมล่ะ?
ตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงสงบของฉืออี้หย่วน
“ยังไงมันก็เป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้วน่ะ แค่จดจำช่วงเวลาในประวัติศาสตร์นี้ให้มั่น แต่ไม่ใช่เพื่อกลับมาแก้แค้นนะ เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้มีแค่ประเทศที่ร่ำรวยและมีประชาชนเข้มแข็งเท่านั้นจึงจะยืนหยัดได้! เราทำได้แค่ตั้งใจทำงานเพื่อสร้างประเทศให้ดีขึ้นจะได้ไม่พ่ายแพ้อีกน่ะ”
“พี่อี้หย่วน ประเทศของเราจะเจริญรุ่งเรืองและมีอำนาจมากขึ้นค่ะ ชีวิตผู้คนทุกคนจะดีขึ้นเหมือนกัน” เสี่ยวเถียนรีบบอก
เพราะเคยเห็นมาก่อนจึงเชื่อว่าจะทำได้แน่นอน
“งั้นเรามาตั้งใจทำงานหนักเพื่อพัฒนาประเทศกัน” ซูเสี่ยวซื่อรู้สึกสะเทือนใจ
เขาเอาแต่คิดเรื่องหาเงินมาตลอด แต่ไม่เคยคิดถึงความหมายของการหาเงินเลย และแล้ววันนี้ก็ได้รู้ว่ามันคือความร่ำรวยและอำนาจยังไงละ
ความรวย ความแข็งแกร่ง ขอแค่รวยก็จะแข็งแกร่งได้!
งั้นก็ต้องรวยก่อน!
เขาจะต้องทำธุรกิจกับชาวต่างชาติให้ได้เยอะ ๆ หาเงินจากพวกเขาเพื่อเอามาก่อสร้างประเทศของเรา
“ฉันขอโทษนะ!” สุดท้ายคริสติน่าก็เอ่ยออกมา แม้จะไม่รู้ว่ามีความหมายหรือเปล่า
แต่มันเป็นสิ่งจำเป็น
เพราะการศึกษาที่ได้รับทำให้เธอต้องขอโทษต่อเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ!
“ไม่ใช่ความผิดเธอหรอก!” เสี่ยวเถียนปลอบ
“ฉันไม่รู้ว่าบรรพบุรุษของฉันจะทำเรื่องแบบนี้ ไม่รู้เลยว่าพวกเขาได้ทำลายสมบัติไปนับไม่ถ้วนเลย!”
น่าเศร้าจัง ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงทำลายสิ่งสวยงามแบบนี้ได้ลงคอ
สมบัติอันงดงามจำนวนนับไม่ถ้วนถูกทำลายถูกเผาจนกลายเป็นแบบนี้ไปหมดแล้ว!
“เสี่ยวเถียน ประเทศของเธอสุดยอดจริง ๆ นะ ฉันเชื่อว่าประเทศของเธอในอนาคตจะต้องแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน!” หญิงสาวจับมือเพื่อนด้วยความรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ เราไปกันต่อเถอะ เมฆกำลังจะบังพระอาทิตย์พอดีเลย”
วันนี้อากาศดี และแดดจ้า
ด้วยความที่ฤดูร้อนอากาศแจ่มใสเกินไป นั่นหมายความว่าดวงอาทิตย์จะแผดเผาสุด ๆ
ถ้าอยู่คนเดียวก็หยิบร่มออกมาได้แหละ แต่นี่อยู่กันตั้งสี่คน ถ้าจู่ ๆ เอาออกมา คนเขาได้สงสัยกันพอดี
เสี่ยวเถียนทำได้แค่อดทนเท่านั้น
กระทั่งเมฆเคลื่อนมาบังทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเยอะ
“ไปกินข้าวกัน เลยเวลามาเยอะแล้วด้วย มีร้านอยู่ข้างหน้าพอดีเลย!”
ฉืออี้หย่วนเห็นแล้วว่าน้องทนไม่ไหวเลยเอ่ยแนะนำ
“เอาสิ ไปกินข้าวกัน เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง!” ซูเสี่ยวซื่อมีน้ำใจอย่างหาได้ยาก
คนที่รวยสุดในบ้านคือเสี่ยวเถียนไม่ก็พี่สี่นี่แหละ
เธอสงสัยมานานแล้วว่าต่อให้ตัวเองมีเงินเยอะ แต่พี่สี่ก็คงไม่น้อยไปกว่าตนแน่ ๆ
และไม่ว่าเขาจะหาเงินได้มากขนาดไหน สุดท้ายก็เอาเงินนั้นมาหมุนเวียนใช้เพื่อหาเงินต่อไป
นี่ก็คือตัวอย่างทั่วไปของคนที่ไม่รู้ว่าจะใช้ชีวิตให้สนุกยังไง และไม่รู้ว่าชีวิตที่หาแต่เงินและเงินมันหมายถึงอะไรกันแน่!
[1] พระราชวังฤดูร้อน หรือภาษาจีนอย่างว่า อี๋เหอหยวน (颐和园)
[2] ทหารพันธมิตรแปดชาติ ได้แก่ จักรวรรดิอังกฤษ สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐฝรั่งเศสที่ 3 จักรวรรดิเยอรมัน จักรวรรดิรัสเซีย จักรวรรดิญี่ปุ่น จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และราชอาณาจักรอิตาลี
———————