เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ - บทที่ 1029 ซูเสี่ยวเถียนพึงพอใจ
บทที่ 1029 ซูเสี่ยวเถียนพึงพอใจ
บทที่ 1029 ซูเสี่ยวเถียนพึงพอใจ
เช้าวันต่อมา พวกเสี่ยวเถียนเริ่มต้นทำงาน
ทางโรงงานได้เก็บสำนักงานไว้ให้เสี่ยวเถียนแล้ว ส่วนข้าง ๆ กันนั้นเป็นห้องของผู้อำนวยการเหลย
เป็นห้องที่เรียบร้อยมาก แสงสว่างเข้าถึง ด้านนอกมีดอกโบตั๋นปลูกอยู่หลายต้น
พื้นที่กว้างขวางประมาณยี่สิบห้าถึงยี่สิบหกตารางเมตร
สำหรับเสี่ยวเถียน ที่อยู่หอพักของมหาวิทยาลัยเป็นห้องที่ใหญ่มากเลย
บอกได้เลยว่าผู้อำนวยการเหลยทุ่มเทระดมความคิดในการวางแผนผังของสำนักงานแห่งนี้มาก
ทั้งโต๊ะและเก้าอี้ต่างก็เป็นไม้เนื้อแข็ง แม้จะไม่ใช่เฟอร์นิเจอร์แบรนด์เนม แต่ได้รับการขัดจนมันเงาและเคลือบเงาไว้โดยเฉพาะ
ที่เสี่ยวเถียนชอบมากเลยคือชั้นหนังสือหลังโต๊ะทำงาน
รูปแบบของมันคล้าย ๆ กับชั้นหนังสือที่ตกแต่งในสำนักงานช่วงยุคปัจจุบันเลย
ในนั้นมีหนังสือข้อมูลอยู่หลากหลายประเภท แม้จะดูไม่เหมือนของใหม่แต่อย่างน้อยน่าจะเป็นหนังสือที่มีคนเคยอ่านมาแล้วละ
เสี่ยวเถียนหยิบมาดูด้วยความสงสัย ก่อนอ่านผ่าน ๆ
เหมือนว่าไม่ได้วางไว้แสดงเฉย ๆ นะ
เพราะหนังสือทั้งหมดล้วนเป็นข้อมูลที่ช่วยพัฒนาโรงงานได้จริง
เห็นได้เลยว่าเหลยเกาเชาเอาใจใส่โรงงานมาก ไม่อย่างนั้นเขาคงทำแบบนี้ไม่ได้หรอก
เพราะข้อมูลหลาย ๆ อย่างจะต้องทยอยสะสมไว้เรื่อย ๆ น่ะ
เธอเริ่มพิจารณาแล้วว่าอาจจะเพิ่มสวัสดิการแก่เขาอีกหน่อย
แต่เรื่องนี้ต้องพิจารณากันอีกนาน และเธอก็ไม่สามารถทำในทันทีได้
เวลามีไม่เยอะ สิ่งที่ต้องทำตอนนี้คือเข้าใจรูปแบบการดำเนินงานก่อนดีกว่า
นอกจากฟังรายงานและอ่านข้อมูลแล้ว เสี่ยวเถียนก็ยังตัดสินใจจะอ่านเอกสารด้วยตัวเอง
แล้วถ้ามีข้อสงสัยอะไรค่อยถามผู้อำนวยการแล้วกัน
เหลยเกาเชาตั้งใจว่าจะรายงานก่อน แต่เจ้านายบอกให้ส่งข้อมูลทั้งหมดของโรงงานช่วงหลายปีนี้มาให้เธอ
เขาตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว หลังจากอีกฝ่ายสั่งก็ให้ชายหนุ่มแข็งแรง ๆ สองคนยกเข้ามาวางไว้บนโต๊ะทำงานของเสี่ยวเถียน
“เจ้านายครับ ถ้ามีเรื่องไม่เข้าใจถามผมได้เลยครับ”
เขากลัวว่าเธอจะไม่เข้าใจน่ะ
เพราะเจ้าตัวยังเรียนอยู่เลย ได้ยินว่าเรียนคณะภาษาจีน
และเอกสารพวกนี้จะรายงานข้อมูลที่คล้าย ๆ กัน
เสี่ยวเถียนยิ้มขอบคุณ “ขอฉันอ่านก่อนนะคะ ถ้ามีข้อสงสัยจะสอบถามโดยตรงนะ”
เหลยเกาเชาไม่อยู่รบกวน เขาขอตัวก่อนจะจากไป
ถึงเสี่ยวเถียนจะยังเด็ก แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งที่แล้วทำให้เขาไม่กล้าดูแคลนเด็กสาวผู้กล้าตัดสินใจคนนี้เลย
นอกจากเขายังมีรองผู้อำนวยการอีกสองท่าน แล้วก็ผู้นำระดับกลางอีกหลายท่าน
ตั้งแต่มาทำงานที่นี่พวกเขาไม่เคยพบเจ้านายตัวจริงมาก่อน ตอนนี้จึงรู้สึกไม่สบายใจสักนิด
“สองปีมานี้สิ่งที่เราลงแรงลงใจในการทำงานเจ้านายเห็นหมดนะ วางใจได้ ขอแค่ไม่สร้างความอับอายแก่เธอก็ไม่จำเป็นต้องกลัว!”
เหล่าผู้นำเชื่อในตัวผู้อำนวยการเหลยเกาเชามาก ยามได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า
ฝั่งเสี่ยวเถียนนั่งศึกษาข้อมูลอย่างตั้งใจ
ข้อมูลเยอะจริง ๆ แต่ซูเสี่ยวเถียนคือใครกันล่ะ?
คนที่อ่านหนังสือเก่งที่สุด และอ่านเร็วมาก
เธอพลิกเอกสารไปมาโดยไม่ได้พัก
ตลอดช่วงเช้าหมดไปกับการอ่านอย่างรวดเร็ว
พริบตาเดียวก็เที่ยงตรง เธออ่านไปแล้วเกือบหนึ่งในสาม
ถ้ายิงยาวถึงคืนนี้เธอจะอ่านเสร็จภายในวันครึ่งแน่นอน
ตอนนี้เธอพอเข้าใจเรื่องโรงงานบ้างแล้ว แต่ไม่ว่าจะเหมือนอย่างที่คาดการณ์ไว้ไหมเธอควรอ่านให้จบก่อนดีกว่า
โรงงานมีบริการอาหารสามมื้อต่อวัน ตกเที่ยงสองสาวมาที่สำนักงานของเสี่ยวเถียน
“เสี่ยวเถียน เที่ยงแล้วละ ไปโรงอาหารกัน!” จ้าวหงเหมยหิวมาก
ทีแรกเธอคิดว่างานฝ่ายขายเป็นเรื่องที่ง่ายมาก แต่พอศึกษาความรู้ขั้นพื้นฐานดันยากกว่าที่คิดไว้เยอะ
แต่หากหาเงินได้ ความลำบากไม่ใช่ปัญหาสักนิด
“ไปกินกัน! กินเสร็จค่อยมาทำต่อ” เสี่ยวเถียนวางเอกสารในมือ
เหนื่อยมาตลอดเช้า ตอนนี้ต้องเติมพลังแล้ว
“อาหารในโรงอาหารอร่อยไหม?” ต่งเยี่ยนอันถาม “ได้ยินว่าเป็นอาหารที่ได้รับการอุดหนุนด้วย ราคาไม่แพง อร่อยดี”
“มันเป็นกับข้าวหม้อใหญ่นะ อาจจะไม่ได้ดีขนาดนั้นหรอก” เสี่ยวเถียนบิดตัวไล่ความเมื่อยล้า
คนส่วนใหญ่คิดแค่ว่าได้กินเนื้อก็ดีถมถืดแล้ว
แต่คำว่าอร่อยของเรากับเสี่ยวเถียนมันไม่เหมือนกันน่ะสิ
สามสาวหยิบกล่องข้าวและเดินไปโรงอาหารอย่างมีความสุข วันนี้กับข้าวมีอยู่สามอย่างคือ เนื้อผัดขึ้นฉ่าย ผักกาดขาวน้ำซอส และมะเขือเทศผัดไข่
ส่วนอาหารหลักจะมีหมั่นโถวและข้าวให้เลือก
“วันนี้ฉันเลี้ยงเอง อยากกินอะไรกัน?”
เสี่ยวเถียนมองดู ส่วนใหญ่จะเป็นอาหารมัน ๆ และซอสสีแดง ๆ เทียบกับที่ย่าทำแล้วต่างกันมากเลย
มาตรฐานอาหารในโรงงานเทียบกันที่บ้านไม่ได้หรอก
“ตักบาตรอย่าถามพระ ฉันเอาหมด!” จ้าวหงเหมยยิ้มร่า
และไม่ลืมชวนต่งเยี่ยนอันอีกคนให้เลือกเหมือนกัน
“ได้สิ งั้นเอาสามอย่างเลยนะ”
จากนั้นก็ถามว่าจะกินกับอะไร
ทุกคนเลือกข้าว
ราคาอาหารถูกมาก
รวมกับสามอย่าง ข้าวสามจานแค่สี่เหมาเอง
ได้ยินว่าราคาข้าวกลางวันและเย็นไม่ได้ต่างกันมาก แพงสุดคือหนึ่งหยวน
ถ้าอยากประหยัด ไม่เอาเนื้อสัตว์ก็จะจ่ายแค่ 0.25 หยวนเท่านั้น
ถ้ามันยังแพงอยู่ ก็เลือกผักกาดขาวน้ำซอสเอา จะซาลาเปาหรือข้าวราคาแค่ 0.13 หยวนเท่านั้น
วันหนึ่งรวมไม่เกิน 0.5 เหมาเลย
แต่เงินเดือนจ่ายดีมาก ถ้าทำยอดขายได้ดี เดือนหนึ่งจะกินกับข้าวได้สองอย่างเลยละ
เสี่ยวเถียนพอใจมาก
สามสาวมานั่งกินที่โต๊ะ ด้วยความที่ไม่คุ้นหน้าแถมหน้าตาสะสวย จึงทำให้คนงานเอาแต่มอง
จนพวกเธอกินไม่ลงเลย
ไม่ว่าใครโดนคนอื่นเอาแต่มองตอนกินข้าวก็คงอึดอัดทั้งนั้น!
เสี่ยวเถียนยังคิดอยู่เลยว่าพอแค่นี้ดีไหม
กลับไปกินที่สำนักงานคงจะดีกว่า
เพื่อนอีกสองคงรู้สึกไม่ต่างกัน
ตอนนั้นเองที่เตรียมตัวจะลุก เหลยเกาเชาเดินเข้ามากินข้าวเหมือนกัน
เขาเห็นสายตาพวกนั้นแล้วแต่พูดอะไรมากไม่ได้ เลยเดินผ่านไป
“เจ้านายครับ ผมขอนั่งกินด้วยไหม?”
เสี่ยวเถียนอายเกินกว่าจะลุกไป จึงตอบรับด้วยรอยยิ้ม
คนงานได้ยินคำเรียกอย่างชัดเจน จึงตระหนักได้ว่าเด็กผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักคนนั้นคือคนให้ค่าข้าวพวกเขานี่เอง